Apple ประกาศเปิดตัว iOS 13 อย่างเป็นทางการในงาน WWDC 2019 สำหรับ iPhone โดยเน้นไปที่ฟีเจอร์ที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และในที่สุดก็มี Dark Mode แล้ว
iOS 13 เน้นไปที่การอัพเดทด้านประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วมากขึ้น การทำงานของระบบ Face ID ที่มีความไวในการประมวลผลดีกว่าเดิม เปิดแอปได้เร็วมากขึ้นถึง 2 เท่า และแอปต่างๆ มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม ทำให้ดาวน์โหลดได้เร็วกว่าเดิมด้วย
- Apple Maps ปรับปรุงใหม่ครั้งใหญ่
- ส่งตำแหน่ง Maps ไปยังเพื่อนๆ ได้ง่ายมากขึ้นผ่าน Messages
- Apple Maps เพิ่มฟีเจอร์ Look Around เหมือนกับฟีเจอร์ Google Maps ที่แสดงแผนที่แบบ 3D
- แอป Reminders ปรับปรุงใหม่ เพียงพิมพ์สิ่งที่ต้องการและการใส่การแจ้งเตือนโดยระบุเวลาและสถานที่ที่จะต้องการให้ระบบแจ้งเตือน รวมถึงแนบรูปถ่าย Smart Lists และ Tasks
- Safari เพิ่มการตั้งค่าตามเว็บไซต์ และ Mail รองรับรูปแบบ Rich fonts
- ปรับดีไซน์ในส่วนของการแชร์ มีการแนะนำ ง่ายต่อการแชร์ในคลิกเดียว
- คีย์บอร์ด Swipe ติดตั้งมาให้เลยใน iOS 13
- Dark Mode รองรับแอป News, หน้าจอ Home, Calendar
- Face ID ทำงานเร็วขึ้น 30%
- แอปมีขนาดเล็กลง 50% และการอัพเดทแอปมีขนาดเล็กลงถึง 60%
- ความเร็วในการเปิดแอปเร็วขึ้น 2 เท่า
- Memoji เพิ่มตัวเลือกสำหรับการสร้างใบหน้าใหม่ เพิ่มและปรับแต่งได้มากกว่าเดิม
- ปรับปรุงความปลอดภัยกล้องถ่ายรูปใน HomeKit
- เปิดตัวระบบล็อกอินด้วย Sign in with Apple ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงการล็อกอินด้วย Facebook หรือ Google นั่นเอง แต่ของ Apple จะรองรับ Face ID และระบบจะสร้างอีเมลเสมือนขึ้นมาโดยไม่เปิดเผยอีเมลจริงของเรา
- ปรับปรุงความปลอดภัยในการแชร์ตำแหน่งกับแอปอื่นๆ
iOS 13 รองรับการทำงานบน iPhone 6s ขึ้นไป และนักพัฒนาสามารถใช้งานได้แล้วันนี้ ส่วนเวอร์ชั่นสำหรับ Public Beta จะตามมาปลายเดือนนี้ และเวอร์ชั่นเต็มอย่างเป็นทางการในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปลายปีนี้
เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง