Apple ได้ฉลองครบรอบ 10 ปีของ Apple Watch โดยปีนี้มีความพิเศษปีนี้คือการเปลี่ยนชื่อเป็น เปิดตัว Apple Watch Series 10 ซึ่งรุ่นนี้มีการปรับขนาดหน้าจอให้ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วย
Apple Watch X มีการเปลี่ยนแปลงในหน้าจออย่างชัดเจน โดยมีพื้นที่ในการแสดงผลเพิ่มขึ้นถึง 30% ใช้เป็น Wide Angle OLED Display มีความสว่างสูงขึ้น 40% เมื่อรับชมในมุมกว้าง โดยหน้าจอใหม่จะอัปเดตหนึ่งครั้งต่อวินาทีโดยมีเข็มวินาทีเดิน แทนที่จะเป็นหนึ่งครั้งต่อนาที
ดีไซน์มีการปรับให้บางลงอยู่ที่ 9.7 มม. ลดลงถึง 10% จาก Series 9 ทั้งยังสามารถเล่นเพลงและพอดแคสต์ได้โดยตรงผ่านลำโพงเป็นครั้งแรก ด้านหลังเป็นโลหะที่ผสานเสาอากาศเข้ากับตัวเครื่อง
Apple Watch X มีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Jet Black and Rose Gold และ Silver Aluminum ทั้งยังมีรุ่นวัสดุไทเทีนยม เกรด 5 มาด้วย มี 3 สี ได้แก่ Natural, Gold และ dark Slate Gray ซึ่งมีวัสดุที่เบาลงกว่า Stainless Steel ถึง 20%
ขณะที่ชิปภายในขยับขึ้นมาเป็น S10 SIP ที่มีประสิทธิภาพขั้นสูงเพื่อให้รองรับการใช้งาน AI ด้วย Neural Engine 4 คอร์ ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ประหยัดพลังงานกว่าเดิม ทั้งยังช่วยลดเสียงรบกวนในพื้นหลังเมื่อโทรออกด้วยนาฬิกา
Apple Intelligence ยังรองรับฟีเจอร์ด้านสุขภาพใหม่ๆ อีกด้วย โดยจะมีการรองรับการแจ้งเตือน Afib และการวัดอุณหภูมิตัวเรือน รวมถึงการตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea Detection) ซึ่ง Apple บอกว่า 80% ของผู้ที่เป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับไม่ได้รับการวินิจฉัย ดังนั้น Apple Watch จึงใช้เครื่องวัดความเร่งเพื่อตรวจจับความผิดปกติของการหายใจ โดยอัลกอริทึมดังกล่าวได้รับการพัฒนาโดยใช้การเรียนรู้ของเครื่องจักรและข้อมูลทางคลินิก จากนั้นจึงผ่านการตรวจสอบในการทดลองทางคลินิกขนาดใหญ่ และ Apple คาดว่าจะได้รับการอนุมัติจาก FDA และหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ ในเร็วๆ นี้
Apple Watch Series 10 เริ่มต้นในรุ่น GPS ที่ 399 ดอลลาร์ หรือประมาณ 13,500 บาท และรุ่น GPS + Cellular ที่ 499 ดอลลาร์ หรือประมาณ 16,900 บาท