รีวิว ASUS ZenFone 3 Ultra แฟบเล็ตดีไซน์พรีเมียม เสียงสเตอริโอ และกล้องกันสั่น 23 ล้านพิกเซล

ASUS ZenFone 3 Ultra มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด FHD ครอบหน้าจอด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass 4 และใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 652 กับแรม 4GB มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 23 ล้านพิกเซลที่มีระบบกันภาพสั่นไหวแบบ OIS และมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ที่ปุ่มโฮม

สรุปสเปค ASUS ZenFone 3 Ultra ‏(ZU680KL)‏

  • ราคาเปิดตัว 21,990 บาท (กันยายน 2016)
  • ขนาดตัวเครื่อง 186.4 x 93.9 x 6.8 มม.
  • น้ำหนัก 233 กรัม
  • รองรับเครือข่าย 2G/3G/4G LTE Cat6 300/50 Mbps
  • 2 ซิมการ์ด (Nano SIM + Nano SIM)
  • หน้าจอแสดงผล 6.8 นิ้ว IPS Full HD 1080p
  • รันระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow กับ ZenUI 3.0
  • ชิปเซ็ต Snapdragon 652
  • ซีพียู Octa-core (Quad-core 1.8 GHz Cortex-A72 และ Quad-core 1.4 GHz Cortex-A53)
  • จีพียู Adreno 510
  • แรม 4 GB
  • ความจำภายในตัวเครื่อง 64 GB เพิ่มได้ด้วย microSD card สูงสุด 256 GB
  • กล้องหลังความละเอียด 23 ล้านพิกเซล, ค่ารูรับแสง f/2.0, ระบบกันภาพสั่นไหว OIS (4 แกน), เลเซอร์ช่วยโฟกัสกับ PDAF และแฟลช Dual-LED
  • กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
  • รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.2
  • พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C
  • รองรับระบบ GPS, A-GPS, GLONASS
  • แบตเตอรี่ 4,600 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว (BoostMaster Fast Charging)
  • เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มโฮม

 

ตัวเครื่อง ดีไซน์ และหน้าจอแสดงผล

ASUS ZenFone 3 Ultra ยังคงจัดในกลุ่มผลิตภันฑ์สมาร์ทโฟน แต่อาจจะเรียกว่าแฟบเล็ตก็ได้ ด้วยขนาดหน้าจอ 6.8 นิ้ว ซึ่งอยู่ระหว่างสมาร์ทโฟนกับแท็บเล็ต โดยวัสดุหลักของตัวเครื่องเป็นโลหะอะลูมิเนียมทั้งตัว มีความบางเพียง 6.8 มม. พร้อมการดีไซน์ให้ขอบมีความโค้งมนเพื่อช่วยให้จับถนัดมือ ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 233 กรัม

หน้าจอของ ASUS ZenFone 3 Ultra ที่มีขนาด 6.8 นิ้ว ใช้แผงหน้าจอ IPS ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล หรือประมาณ 324 PPI ซึ่งหากมองจากตัวเลขอาจรู้สึกว่าหน้าจอไม่ค่อยคมชัด แต่จริง ๆ แล้วในการใช้งานพบว่าให้สีสันความคมชัดมาก เนื่องจากในรุ่นนี้มีการเสริมด้วย Tru2Life+ เทคโนโลยีแบบเดียวกับที่ใช้ในทีวี 4K และยังครอบด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 4 เพื่อปกป้องหน้าจอด้วย

 

เหนือหน้าจอของ ASUS ZenFone 3 Ultra จะมีไฟ LED แจ้งเตือนดวงเล็ก ๆ อยู่บริเวณมุมขวา, ถัดมาจะเป็นเลนส์กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, ลำโพงสำหรับเสียงสนทนา และเซ็นเซอร์ Proximity สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน

 

ล่างหน้าจอมีปุ่มสัมผัส 2 ปุ่ม ได้แก่ ปุ่มย้อนกลับ (ซ้าย) และปุ่ม Recent Apps (ขวา) โดยทั้ง 2 ปุ่มนี้มีไฟส่องสว่างแล้ว (Backlight) ส่วนตรงกลางเป็นปุ่มโฮมแบบกดซึ่งมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้วย

 

ขอบด้านบนตัวเรื่องมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน และช่องสำหรับเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม.

 

ขอบด้านล่างตัวเครื่องมีลำโพง 2 ตัวคือซ้ายกับขวา และตรงกลางมีพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C โดยข้าง ๆ ที่เห็นรูเล็ก ๆ นั้นคือไมโครโฟนหลักของตัวเครื่อง

 

ขอบด้านขวามีช่องสำหรับถาดใส่ซิมจำนวน 2 ช่อง โดยช่องแรกรองรับซิมการ์ดขนาด Nano SIM และอีกช่องจะใส่ซิมขนาด Nano SIM หรือใส่ microSD card เพื่อเพิ่มพื้นที่ความจำให้กับตัวเครื่องก็ได้ ส่วนปุ่มที่นั้นเป็นปุ่ม Power สำหรับปิด/เปิดเครื่อง ในขณะที่ขอบตัวเครื่องด้านซ้ายไม่มีปุ่มใด ๆ

 

ด้านหลังมีลักษณะผิวเรียบ ดีไซน์ด้วยการพ่นทราย ซึ่งปุ่มด้านหลังสำหรับเพิ่ม-ลดระดับเสียงที่อยู่ด้านหลังตัวเครื่องนี้เองที่ยังความเป็นเอกลักษณ์ของวิถีแห่ง Zen ด้วยการดีไซน์ Concentric-circle วงกลมที่สะท้อนเข้าหาศูนย์กลาง

 

เลนส์กล้องหลังของ ASUS ZenFone 3 Ultra มีขนาดความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ตัวโมดูลกล้องนูนขึ้นเหนือฝาหลังเล็กน้อย มีระบบเลเซอร์ช่วยโฟกัส และไฟแฟลชแบบ Dual tone ซึ่งในส่วนนี้จะมีเซ็นเซอร์ RGB อยู่ด้วย

ด้วยดีไซน์ตัวเครื่องแบบโลหะอะลูมิเนียมทั้งตัว ทำให้ ASUS ZenFone 3 Ultra ไม่สามารถแกะเปิดฝาหลังได้ โดยภายในมีแบตเตอรี่ขนาดความจุ 4,600 mAh

 

อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน

ASUS ZenFone 3 Ultra รันระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow ครอบทับด้วย ZenUI 3.0 ซึ่งในเวอร์ชั่นนี้มีการลดจำนวนแอพขยะที่ติดตั้งมากับตัวเครื่องน้อยลงไปจากเดิมมาก โดยเมื่อเปิดเครื่องมาในครั้งแรกระบบจะถามว่าต้องการติดตั้งแอพเหล่านั้นหรือไม่ หรือถ้าติดตั้งไปแล้วก็สามารถลบออกจากเครื่องได้เช่นกัน

App Drawer จัดเรียงกันแบบ 5 x 5 แถว สามารถลากไอคอนแอพรวมกันเป็นโฟลเดอร์ และจัดเรียงตามลำดับตัวอักษรหรือตามการใช้งานได้

 

หน้าจอของ ASUS ZenFone 3 Ultra สามารถปรับโทนสีได้ตามการใช้งาน และมีฟังก์ชั่นตัวกรองแสงสีฟ้าเพิ่มมาให้ด้วย เหมาะสำหรับการเปิดใช้งานในเวลากลางคืน เพื่อถนอมสายตา

 

ฟีเจอร์ด้านการใช้ท่าทางหรือ ZenMotion ยังคงมีให้ใช้งานเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็น ท่าทางสัมผัส, ท่าทางเคลื่อนที่ และโหมดการใช้งานมือเดียว

 

ASUS ZenFone 3 Ultra มีโหมดให้เลือกใช้งานทั้งหมดปกติ, โหมดง่าย และโหมดสำหรับเด็ก เพื่อจำกัดการใช้งานให้เหมาะสมกับวัยของเด็ก

 

แกลเลอรี่ของ ASUS ZenFone 3 Ultra มาพร้อมเครื่องมือแก้ไขรูปภาพ ที่สามารถเลือกใส่ฟิลเตอร์, กรอบรูป, ปรับแต่งความสมดุลของภาพ และนำหลายภาพมาต่อรวมกันได้ด้วย

 

อีกหนึ่งฟีเจอร์ของ ASUS ZenFone 3 Ultra คือเป็นแฟบเล็ตสำหรับความบันเทิงด้วยระบบเสียงสเตอริโอ ลำโพงคู่ที่อยู่บริเวณขอบด้านล่างตัวเครื่อง ซึ่งให้ระดับเสียงที่ดังมาก พร้อมโหมดปรับแต่งเสียงสำหรับการดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม และซอฟต์แวร์ระบบเสียงรองรับ Hi-Res และ DTS เมื่อใช้งานร่วมกับหูฟัง

 

ASUS ZenFone 3 Ultra รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด โดยเลือกให้ซิมใดซิมหนึ่งใช้งานบนเครือข่าย 3G/4G LTE แล้วอีกซิมก็ยังสามารถเลือกใช้งานบนเครือข่าย 3G ได้ และสามารถเลือกสลับซิมสำหรับการใช้เน็ตได้จากเมนูการตั้งค่าตัวเครื่อง รวมถึงรองรับฟีเจอร์ VoLTE (Voice over LTE) ด้วย

การเชื่อมต่ออื่น ๆ ที่รองรับ ได้แก่ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Wi-Fi Direct, ใช้เป็นจุดกระจายสัญญาณ (Wi-Fi Hotspot), Bluetooth 4.2 และการเชื่อมต่อผ่านสาย USB Type-C โดยในรุ่นนี้ไม่มี NFC

 

ระบบสแกนลายนิ้วมือของ ASUS ZenFone 3 Ultra รองรับการจดจำได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ สามารถใช้ปลดล็อคหน้าจอ และรับสายโทรเข้าได้

 

ฟีเจอร์ด้านการจัดการพลังงาน ก็มีโหมดประหยัดพลังงานที่เลือกปรับการใช้งานได้ และสามารถเลือกปิดฟังก์ชันการใช้งานบางอย่างจากในส่วนนี้ได้เลย ได้แก่ Wi-Fi, เน็ตมือถือ, GPS, ความสว่างหน้าจอ และระยะเวลาการพักหน้าจอ

สำหรับแบตเตอรี่ของ ASUS ZenFone 3 Ultra ขนาด 4,600 mAh จากการทดสอบใช้งานพบว่าระบบจัดการพลังงานนั้นทำได้ดีมาก แบตเตอรี่อยู่ได้นานทั้งวันสำหรับการใช้งานทั่วไป

 

ตรวจสอบเซ็นเซอร์ด้วย Android Sensor Box และมัลติทัช

  • Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้
  • Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
  • Orientation Sensor ระบบปรับมุมมองการแสดงผลหน้าจออัตโนมัติ
  • Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน
  • Gyro Sensor ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบ 3 แกน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และความยืดหยุ่นหลากหลายในการควบคุม
  • Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
  • Magnetic Sensor ตรวจวัดความเข้มสนามแม่เหล็ก
  • รองรับมัลติทัชสูงสุด 10 จุด

 

ผลทดสอบคะแนน Benchmark และประสิทธิภาพการทำงาน

ASUS ZenFone 3 Ultra ‏(ZU680KL)‏ รันระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8976 Snapdragon 652 ซีพียู Octa-core แบ่งการทำงานออกเป็น Quad-core 1.8GHz Cortex-A72 และ Quad-core 1.4GHz Cortex-A53 กับจีพียู Adreno 510 โดยมีความจำแรมขนาด 4GB และความจำภายในตัวเครื่อง 64 GB

ผลการทดสอบ AnTuTu 6.2.1 ในโหมด 64-bit ซึ่งเป็นการทดสอบการเข้าถึงการทำงานของแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้ 79,556 คะแนน

 

ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผลและหน่วยความจำแรม การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ ZenFone 3 Ultra ‏(ZU680KL) ทำคะแนน Single-Core ได้ 1,436 และ Multi-Core ทำได้ 3,293 คะแนน คะแนนถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดีมาก

สำหรับการเล่นเกมต่าง ๆ ก็ลื่นไหลดี โดยตัวเครื่องมีเซ็นเซอร์สำหรับเล่นเกมครบทุกตัว โดยเฉพาะเซ็นเซอร์ Gyro Sensor ซึ่งเป็นตัวตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบ 3 แกน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และความยืดหยุ่นหลากหลายในการควบคุม อย่างเช่นเกมแข่งรถบางตัวที่ต้องอาศัยการควบคุมหลายทิศทาง และสามารถเปิดการเล่นเกมที่ต้องการเล่นแบบ AR ได้ อย่างเช่นในเกม Pokemon GO รวมถึงการเรียกใช้งานตำแหน่ง GPS ด้วย

 

กล้องถ่ายรูป

ASUS ZenFone 3 Ultra มีกล้องด้านหลังความละเอียด 23 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพขนาดสูงสุดได้ในอัตราส่วน 4:3 และระบบโฟกัสแบบ PDAF เสริมด้วยเลเซอร์ช่วยโฟกัสสำหรับการถ่ายภาพวัตถุระยะใกล้ ซึ่งในรุ่นนี้ไม่เพียงแต่มีกล้องที่มีความละเอียดสูง จากการใช้งานก็พบว่าตัวซอฟแวร์ของแอพกล้องก็ทำงานได้รวดเร็วและดีขึ้นว่าเดิมมาก ไม่ว่าจะเป็นการชัตเตอร์ที่รวดเร็ว และการประมวลผลภาพถ่ายที่กดดูรูปถ่ายได้ทันที

 

พาโนรามา

นอกจากความละเอียดและการทำงานของกล้องที่รวดเร็วแล้ว ยังมีระบบกันภาพสั่นไหวแบบ OIS ที่สามารถตรวจจับได้ถึง 4 แกน (4-axis) และไฟแฟเลชแบบ Dual-LED (Dual tone) พร้อมเซ็นเซอร์แยกสี RGB

 

ตัวกล้องของ ASUS ZenFone 3 Ultra รองรับการถ่ายภาพ HDR และโหมดปรับค่ากล้องได้เอง (Manual Mode) ของรุ่นนี้สามารถปรับค่าความเร็วชัตเตอร์ปรับได้นานสุดถึง 32 วินาที

 

ASUS ZenFone 3 Ultra สามารถบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดระดับ 4K (3840 x 2160) ที่ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีโหมดปรับแต่งหน้าสวยสำหรับเซลฟี่

ตัวอย่างภาพถ่าย

 

สรุปจุดเด่น

  • วัสดุและดีไซน์ตัวเครื่องสวยงาม ระดับพรีเมียม ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ และระบบเสียงสเตอริโอ ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการอุปกรณ์ที่เน้นไปทางด้านความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง และเกม
  • กล้องถ่ายรูปทำงานได้รวดเร็ว ชัตเตอร์ไว ไม่หน่วง ด้วยตัวเซ็นเซอร์กล้องที่ทำงานร่วมกับระบบกันภาพสั่นไหว รวมถึงตัวซอฟต์แวร์ที่มีการปรับปรุงใหม่ ทำให้การถ่ายรูปทำได้ง่าย และออกมาดีกว่าเดิมมาก
  • ชิปเซ็ต Snapdragon 652 Octa-core กับจีพียู Adreno 510 และแรม 4 GB ช่วยให้การทำงานของตัวเครื่องทำได้ลื่นไหล
  • ตัวเครื่องรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด และใช้งานบนเครือข่าย 3G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม
  • ระบบจัดการพลังงานทำได้ดีมาก และมีโหมดช่วยประหยัดพลังงาน ทำให้แบตเตอรี่ขนาดความจุ 4,600 mAh ใช้งานได้ตลอดทั้งวันสำหรับการใช้งานทั่วไป

จุดสังเกตเพิ่มเติม

  • ถาดใส่ซิม 2 ต้องเลือกว่าจะใส่ microSD card หรือใส่ซิม
  • ระดับราคาค่อนข้างสูง หากเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นก่อน ๆ จากทาง ASUS แม้รุ่นใหม่นี้จะมีวัสดุ ดีไซน์ รวมถึงสเปคที่พรีเมียมกว่าก็ตาม


ขอบคุณ ASUS ประเทศไทย

เนื้อหาเกี่ยวข้อง

เปิดตัว ASUS Zenfone 12 Ultra เรือธงรุ่นใหม่ ขุมพลัง Snapdragon 8 Elite และปรับปรุงเรื่องกันสั่น Gimbal ในราคาราว 30,900 บาท

ASUS Zenfone 12 Ultra หลุดดีไซน์ชัด ๆ ก่อนเปิดตัวจริง รอบนี้แฟชั่นมากขึ้นและไม่เหมือน ROG Phone แล้ว!?

รีวิว ROG Phone 9 Pro Edition เกมมิ่งโฟนทรงพลังที่สุด ด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite l RAM 24GB พร้อมของเสริมเติมพลังความเป็นเกมเมอร์

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Read More