บราเดอร์ เปิดฉากรุกตลาดจักรปักรับการประกาศเปิดประเทศที่มาพร้อมการเปิดเรียนแบบออนไซต์หลังจากปิดนาน 2 ปี พร้อมส่ง 2 ผลิตภัณฑ์จักรปักบราเดอร์ใหม่ รุ่น NV880E และ รุ่น PR680W ลงตลาดกวาดกำลังซื้อช่วงไพร์มไทม์
นายพงษ์พันธ์ สุระวัฒน์เจริญ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขยายธุรกิจ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดจักรปักยังมีโอกาสเติบโตในประเทศไทยอีกมาก หลังช่วงสถานการณ์โควิด-19 ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา มีส่วนเร่งการเติบโตด้วยการขยายความต้องการของตลาดจากเดิมที่ใช้เพื่อปักเครื่องแบบหรือยูนิฟอร์มต่างๆ มาสู่การสร้างสรรค์งาน DIY ที่ช่วยสร้างความหลากหลายให้แก่ชิ้นงานได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้ขยายขอบเขตจากเพื่อสันทนาการสู่อาชีพเสริมที่มีความต้องการอยู่ทั่วทุกมุมโลก
เมื่อตลาดมีความต้องการ แน่นอนว่าในภาคผู้สร้างสรรค์ชิ้นงานก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน นายพงษ์พันธ์ กล่าว “ในช่วง 2563-2564 บราเดอร์สามารถสร้างการเติบโตในกลุ่มจักรปักได้ประมาณ 4% ที่สำคัญในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาพบว่าหากพิจารณายอดนำเข้าจักรปักมายังตลาดเมืองไทย บราเดอร์ถือเป็นแบรนด์ที่มียอดนำเข้าเพื่อจำหน่ายสูงสุด สะท้อนให้เห็นกระแสนิยมจักรปักบราเดอร์ในไทยได้อย่างชัดเจน”
ในปี 2565 บราเดอร์ ต้องการสร้างให้กลุ่มลูกค้าจักรของบราเดอร์ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ตลอดปี 2565 ภายใต้กลยุทธ์ Brand Preference เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าแบบครบทุกมิติ “ตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2565 บราเดอร์จะเน้นสร้างสรรค์กิจกรรมพิเศษต่างๆ ที่ไม่เคยมีในตลาดจักรเมืองไทยให้ลูกค้าบราเดอร์ได้ร่วมกิจกรรมเหล่านั้นเพื่อเปิดโลกใหม่ในการสร้างสรรค์ชิ้นงานสำหรับกลุ่ม DIY และเสริมเทคนิคการทำ online marketing รวมถึงการจัดแคมเปญโปโมชันพิเศษให้แก่กลุ่มลูกค้าเดิมเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ โดยกิจกรรมที่สร้างสรรค์ขึ้นจะจัดในแบบ customized gimmick เพื่อให้ลูกค้าทุกกลุ่มได้รับสิ่งที่ต้องการด้วยความประทับใจ ซึ่งจะทำต่อเนื่องตลอดปีงบประมาณ 2565” นายพงษ์พันธ์ กล่าวถึงการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดในปี 2565
“ปัจจุบันตลาดงาน DIY ที่ผลิตโดยจักรปัก ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในเกือบทุกประเทศทั่วโลก บราเดอร์จึงต้องการผลักดันให้ตลาดกลุ่มดังกล่าวในไทยเติบโตเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ที่ผ่านมานักสร้างสรรค์ผลงาน DIY ของไทย ได้นำผลงานเข้าไปนำเสนอผ่านช่องทาง Social media และ e-commerce ระดับโลกมากมาย อาทิ PINKOI ล้วนได้รับการตอบรับที่ดี หากบราเดอร์เสริมความแข็งแกร่งในส่วนนี้ได้ ก็จะช่วยนำเงินเข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มขึ้น” นายพงษ์พันธ์ กล่าวสรุป
ทั้งนี้ จักรปักบราเดอร์ รุ่น NV880E ยังคงเจาะกลุ่มเป้าหมายเอสเอ็มอีที่บราเดอร์มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว และในปี 2565 บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์เพื่อขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มนิวเจนเนอเรชันที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจของตนเอง “ด้วยราคาที่จับต้องได้ง่าย มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ที่เชื่อมต่อด้วย IOT ทำให้ตอบโจทย์การใช้งานในยุคปัจจุบันได้อย่างสะดวกรวดเร็วและได้คุณภาพ” นางภัทรนิษฐ์ สวัสดีภิรมย์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์จักรเย็บผ้า บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์จักรปักให้ล้ำหน้ายิ่งขึ้น “เพื่อความสะดวกและง่ายต่อการใช้งาน บราเดอร์ได้พัฒนา NV880E ให้มีหน้าจอสีแบบทัชสกรีนที่ใหญ่ขึ้นมาเป็นขนาด 4.9 นิ้ว ทำให้ผู้ใช้ได้เห็นในรายละเอียดของชิ้นงานปัก เพิ่มความประณีตและคุณค่าเนื้องานยิ่งขึ้น”
ในส่วนของจักรปักบราเดอร์ รุ่น PR680W นั้น ถือเป็นการพัฒนาฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครันที่สุด ในตลาด ณ ปัจจุบันด้วยการเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าไป “ซอฟต์แวร์ Design Database Transfer ถูกนำมาเพิ่มความสะดวกในการใช้งานให้สามารถสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟนได้อย่างคล่องตัว มาพร้อมกับแอปพลิเคชัน My Stitch Monitor ช่วยให้สามารถตรวจสอบชิ้นงานได้บนอุปกรณ์ iOS หรือ Android™ ได้ในทุกที่ที่ต้องการ ติดตามความคืบหน้าของงานและรับการแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนด้ายหรือเมื่องานเสร็จเรียบร้อย” นางภัทรนิษฐ์ กล่าวเสริม
ด้านภาพรวมของตลาดจักรปักในไทยนั้น นางภัทรนิษฐ์ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า ในปี 2565 หลังจากรัฐบาลเริ่มเปิดประเทศและให้นักเรียนกลับเข้าเรียนในโรงเรียนตามปกติ จะทำให้ภาพรวมตลาดมีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่า โดยเห็นได้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นไตรมาส 2 ของปี 2565 เป็นต้นมา เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับปักเครื่องแบบนักเรียน ตามมาด้วยการเตรียมเพื่อรองรับการกลับมาดำเนินกิจการของภาคธุรกิจท่องเที่ยวที่ถือเป็น 1 ใน 2 เฟืองจักรสำคัญในการสร้างเม็ดเงินเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งด้านการเตรียมยูนิฟอร์ม ของที่ระลึกที่พร้อมจะกระจายรายได้สู่เศรษฐกิจในระดับชุมชนท้องถิ่นในเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ด้วยเช่นกัน
โดยบราเดอร์ ได้กำหนดราคาจำหน่ายของจักรปักบราเดอร์ รุ่น PR680W ที่ 349,000 บาท และจักรปักบราเดอร์ รุ่น NV880E จำหน่ายราคา 59,900 บาท