หลังจากอัปเดท iOS 11 กันแล้ว หลายคนอาจกำลังเพลิดเพลินกับหน้าตาที่เปลี่ยนไปและฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามา โดยเฉพาะในส่วนของ Control Center แต่รู้หรือไม่ว่าปุ่มปิด Wi-Fi และ Bluetooth หากกดจากตรงนี้มันไม่ได้ปิดการใช้งานจริงๆ !?!
เชื่อว่าหลายคนอาจจะชินกับการลาดขอบจอด้านล่างขึ้นมาเพื่อเลือกใช้งาน Control Center สำหรับการปิด-เปิดเมนูต่างๆ ที่สะดวกที่รวดเร็วกว่าการเข้าไปในเมนูการตั้งค่า (Settings) แต่สำหรับการปิดการใช้งาน Wi-Fi ในจากในส่วนนี้นั้นเป็นเพียงการตัดการเชื่อมต่อเท่านั้น ไม่ได้ปิดการใช้งานแต่อย่างใด รวมไปถึง Bluetooth ด้วย
เมื่อปิดการใช้งาน Wi-Fi หรือ Bluetooth จากแผง Control Center ตัวไอคอนจะเปลี่ยนเป็นสีเทา ทำให้หลายคนอาจไม่ทราบว่าเป็นเพียงการตัดการเชื่อมต่อกับ Wi-Fi หรือ Bluetooth ที่เชื่อมต่ออยู่ในขณะนั้นเท่านั้น ไม่ใช่การปิดใช้งานจริงๆ เพราะหากไปเข้าไปยังจุดที่เคยเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ตัวเดิมหรืออุปกรณ์ที่เคยเชื่อมต่อ Bluetooth ระบบจะทำการเชื่อมต่ออีกครั้งอัตโนมัติ
อย่าคิดว่านี่คือ “บั๊ก” แต่เป็นให้เรียกว่า “ฟีเจอร์” เพราะเป็นสิ่งที่ Apple ตั้งใจให้ระบบทำงานแบบนี้ โดยให้เหตุผลเพื่อไม่ให้ผู้ใช้งานสูญเสียการเข้าถึงฟีเจอร์หรือข้อมูลสำคัญๆ จากการเชื่อม Wi-Fi อันเดิมหรือ อุปกรณ์ต่างๆ อันเดิมที่เคยทำการเชื่อมต่อกันก่อนหน้านี้ อย่างเช่น AirDrop, AirPlay, Apple Pencil, Apple Watch, Continuity, Instant Hotspot และ Location Services เป็นต้น
หากมองในแง่ของข้อดีก็จะเห็นว่าผู้ใช้งานไม่ต้องเข้าไปปิด-เปิดหรือค้นหาอุปกรณ์ทุกครั้งให้ยุ่งยากในเมนูการตั้งค่า และการเลือกปิด Wi-Fi หรือ Bluetooth จากแผง Control Center จริงๆ แล้วผู้ใช้งานส่วนใหญ่ก็เพื่อตัดการเชื่อมต่อบางช่วงเวลาเท่านั้น ไม่ได้อยากปิดการใช้งานจริงๆ เมื่อไปยังจุดที่เคยใช้งาน Wi-Fi ก็เชื่อมต่อได้เลย ไม่ต้องกดเปิดใช้งานใหม่
แต่หากต้องการปิดใช้งานจริงๆ ต้องเข้าไปปิดในการตั้งค่า (Settings) ดังนี้ (รู้นะว่าคิดแบบนี้ แล้วทำไมไม่ใส่มาใน Control Center ให้จบๆ ไปเลย)
นอกจากนี้แล้ว เมื่อเมื่อปิดการใช้งาน Wi-Fi หรือ Bluetooth จากแผง Control Center ระบบจะทำการเปิดใช้งานและเชื่อมต่อเองอัตโนมัติในเวลาตี 5 หากเครื่องยังเปิดอยู่ หรือเชื่อมต่อทันทีหากเปิดเครื่องใช้งานอีกครั้ง