Apple Event ‘It’s Glowtime’ เตรียมจัดขึ้นในวันที่ 10 กันยายนนี้ เวลา 00.00 น. ตาาเวลาในไทยแล้ว แน่นอนว่าต้องมีพระเอกของงานอย่าง iPhone 16 Series รออยู่ แต่จริงๆ ก็จะมีผลิตภัณฑ์อื่นออกมาเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีอะไรบ้างและฟีเจอร์หลักต่างๆ ในผลิตัณฑ์ทั้งหมดมีอะไร เรามาดูกันครับ
iPhone 16 l iPhone 16 Plus
เราพามาดู iPhone 16 ตัวเริ่มต้นกันก่อนเลยครับ โดยสิ่งที่คาดการณ์ว่าจะมาในรุ่นนี้ มีดังนี้
- ประสิทธิภาพที่เร็วขึ้น : iPhone 16 จะใช้ชิป A18 ใหม่และจับคู่กับ RAM 8GB (เพิ่มขึ้นจาก 6GB) ซึ่งจะรองรับ Apple Intelligence ด้วย
- ปุ่ม Action : iPhone 16 จะไม่มีปุ่มสวิตช์ปิดเสียง แต่จะใช้ปุ่ม Action ใหม่แทน เช่นเดียวกับที่ iPhone 15 Pro ทำเมื่อปีที่แล้ว
- ปุ่ม Capture : ทางด้านขวาตัวเครื่องของ iPhone 16 ตัวเริ่มต้นจะมีปุ่มใหม่ที่ใช้สำหรับกล้อง เรียกว่า Capture ช่วยให้เป็นวิธีที่รวดเร็วในการเปิดแอปกล้อง ทั้งยังสามารถซูมเข้าและซูมออกและใช้ปุ่มนี้เพื่อโฟกัสภาพได้อีกด้วย
- ฐานของกล้องกล้องที่เล็กลง : iPhone 16 จะมีความนูนของกล้องที่เล็กลงพร้อมเลนส์ที่เรียงกันในแนวตั้ง ซึ่งจะทำให้สามารถบันทึกวิดีโอแบบ Spatial ได้เพื่อการสร้างเนื้อหาที่ดื่มด่ำซึ่งสามารถรับชมได้บน Apple Vision Pro
- สีใหม่ : มีรายงานว่า iPhone 16 จะวางจำหน่าย 5 สีใหม่ ได้แก่ น้ำเงิน เขียว ชมพู ขาว และดำ
iPhone 16 Pro l iPhone 16 Pro Max
ต่อด้วย 2 รุ่น Pro กันครับ ซึ่งจะมีฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามาเยอะพอตัว ดังนี้
- หน้าจอใหญ่ขึ้น : iPhone 16 Pro จะมีหน้าจอ 6.3 นิ้วที่ใหญ่ขึ้นจาก 6.1 นิ้ว ส่วนหน้าจอของ iPhone 16 Pro Max จะเพิ่มจาก 6.7 นิ้วเป็น 6.9 นิ้ว
- ปุ่ม Capture : ทางด้านขวาตัวเครื่องของ iPhone 16 ตัวเริ่มต้นจะมีปุ่มใหม่ที่ใช้สำหรับกล้อง เรียกว่า Capture ช่วยให้เป็นวิธีที่รวดเร็วในการเปิดแอปกล้อง ทั้งยังสามารถซูมเข้าและซูมออกและใช้ปุ่มนี้เพื่อโฟกัสภาพได้อีกด้วย
- กล้อง Ultra Wide อัปเกรดใหม่ : กล้อง 0.5x บน iPhone 16 Pro จะให้คุณภาพที่ดีขึ้นอย่างมาก โดยกล้อง Ultra Wide จะได้ความละเอียดที่ 48MP เพิ่มขึ้นอย่างมากจากเลนส์ 12MP ในปัจจุบัน
- ซูมออปติคอล 5 เท่า : iPhone 16 Pro จะเพิ่มเลนส์ Telephoto รองรับการซูมออปติคอล 5 เท่าแบบเดียวกับที่มากับ iPhone 15 Pro Max เมื่อปีที่แล้ว
- การปรับปรุงสเปกต่างๆ : ชิป A18 Pro ใหม่ แบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น การออกแบบเทอร์มอลที่ได้รับการปรับปรุงการระบายความร้อนที่ดีขึ้น รวมถึงรองรับ Wi-Fi 7 และอื่นๆ อีกมากมาย
สำหรับ iPhone 16 Series ทั้ง 4 รุ่น น่าจะเริ่มพรีออเดอร์ในวันที่ 13 กันยายน และวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 กันยายนนี้ครับ
Apple Watch Series 10
ต่อกันด้วยอุปกรณ์สวมใส่รุ่นใหม่ Apple Watch Series 10 ที่จะมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ดังนี้
- ขนาดตัวเรือน Apple Watch มีขนาดใหญ่ขึ้น : ตามข่าวลือมากมาย Apple Watch จะมีขนาดใหญ่ขึ้นในปีนี้ โดยรุ่น 41 มม. จะเพิ่มเป็น 45 มม. ขณะที่รุ่น 45 มม. จะเพิ่มเป็น 49 มม. ทั้งนี้ตัวเลขเหล่านี้หมายถึงความสูงของตัวเรือน Apple Watch ไม่ใช่ขนาดหน้าจอ
- ขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น : ด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้น Apple Watch Series 10 จึงจะมีหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นด้วย โดยรุ่น Apple Watch Series 10 จะมีหน้าจอขนาด 1.93 นิ้ว เพิ่มขึ้นจาก 1.77 นิ้ว
- การออกแบบที่บางลง : แม้ว่า Apple Watch Series 10 จะมีขนาดภาพรวมที่ใหญ่กว่า แต่ก็บางกว่ารุ่นปัจจุบันด้วยเช่นกัน
- ฟีเจอร์ด้านสุขภาพใหม่ : Apple Watch Series 10 อาจมีคุณสมบัติด้านสุขภาพใหม่ เช่น การตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะหลับและการตรวจจับความดันโลหิตสูง อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนที่แล้ว Bloomberg ก็รายงานว่า Apple เจอปัญหาใหญ่ในการพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ครับ
Apple Watch Ultra 3
สำหรับ Apple Watch Ultra 3 อาจเป็นหนึ่งในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นน้อยที่สุดในงานเปิดตัวนี้ก็ว่าได้ เพราะมีข่าวลือที่น้อยมากๆ ซึ่งคาดว่าจะมีเพียงชิปใหม่เท่านั้นที่ใส่เข้ามา ทั้งนี้ ทางนักวิเคราะห์อย่าง Ming-Chi Kuo ก็คาดว่าจะแทบจะไม่มีฮาร์ดแวร์ใหม่ด้วย ส่วนทาง Mark Gurman รายงานว่าจะมีชิปใหม่ แต่ “ไม่มีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบที่สำคัญ” เลยครับ
AirPods 4
ท้ายสุดคาดว่าจะเป็น AirPods 4 หูฟังรุ่นประหยัดรุ่นใหม่ที่อาจมี 2 โมเดลในครั้งนี้เพื่อแทนที่รุ่นที่ 2 และ 3 ไปเลยครับ ซึ่ง AirPods 4 รุ่นตัวท็อปสุดอาจจะมีฟีเจอร์ระบบตัดเสียงรบกวน ส่วนรุ่นเล็กจะไม่มีให้ใช้งานครัย ทั้งนี้ ทั้ง 2 รุ่นจะมีเคสชาร์จใหม่ที่เป็นพอร์ต USB-C แล้ว แต่รุ่นท็อปจะมีลำโพงในตัวเพื่อช้านร่วมกับ Find My ในการค้นหาที่ง่ายขึ้นครับ
นอกจากฝั่งของอุปกรณ์ที่เป็นฮาร์ดแวร์แล้ว ฝั่งของซอฟต์แวร์ก็รอเปิดให้อัปเดตกันอย่างเป็นทางการด้วย ไม่ว่าจะเป็น iOS 18, iPadOS 18, watchOS 11, tvOS 18 และ visionOS 2
ใครที่รอของใหม่จาก Apple ในงานนี้ก็เตรียมรับชมพร้อมกันในวันที่ 10 กันยายนนี้ ตอนเที่ยงคืน หรือก็คือคืนดึกของวันที่ 9 กันยายนนี้ครับ โดยทีมงาน iPhone-Droid.net ก็รอพร้อมอัปเดตกันให้แบบเรียลไทม์กันเช่นเดิม !!
ที่มา : 9to5mac