รีวิว iPhone 14 รุ่นเริ่มต้นในปี 2022 ของ iPhone ปีนี้ที่อาจจะอยู่นอกกระแสไปซะหน่อย เพราะการมาของ iPhone 14 Pro ที่สร้างความว้าวได้มากกว่าทั้งดีไซน์หน้าจอแบบใหม่ สเปคที่แรงขึ้นจริง ๆ ซึ่งวันนี้เราจะมารีวิวฉบับเต็มของ iPhone 14 รุ่นนี้ให้ชมกันว่า รุ่นนี้มันไม่โอเคจริง ๆ เหรอแล้วมีข้อดีที่น่าสนใจบ้างไหม ติดตามครับ!
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-Web.jpg)
สรุปสเปค iPhone 14
- ขนาดตัวเครื่อง : 146.7 x 71.5 x 7.8 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 172 กรัม
- หน้าจอ : Super Retina XDR OLED กว้าง 6.1″ ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล
- Refresh rate : 60Hz
- ชิปเซ็ต : Apple A15 Bionic (5nm)
- RAM : 6GB
- แบตเตอรี่ : 3279mAh
- ระบบชาร์จไว : 20W
- ความจุ : 128GB/256GB/512GB
- กล้องหน้า : TrueDepth 12MP f/1.9
- กล้องหลัง : 2 ตัว
- กล้องหลัก 12MP f/1.5 พร้อม Sensor-Shift OIS
- กล้อง Ultra Wide 12MP f/2.4
- รองรับการเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, Bluetooth 5.3, NFC และพอร์ต Lightning
- ระบบปฏิบัติการ : iOS 16
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-02.jpg)
ดีไซน์ที่คุ้นเคย…นี่พี่ไม่เปลี่ยนไปเลยเหรอ !?
มาเริ่มกันที่ดีไซน์เหมือนทุกที iPhone 14 มาพร้อมดีไซน์ที่เราคุ้นเคยจนออกจะเหมือนเดิมเกินไปด้วยซ้ำ หน้าจอยังเป็นจอรอยบากเหมือนเดิม บอดี้กรอบโลหะฝาหลังกระจกมันวาวเหมือนเดิม ซึ่งหากไม่บอกเชื่อว่าหลายคนต้องคิดว่าเป็น iPhone 13 แน่ ๆ ครับ
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-01.jpg)
แต่ถ้าใครที่เลือกสีสันใหม่อย่างสีฟ้าหรือสีม่วงคงพอแยกออกได้บ้าง เพราะเพิ่งเพิ่มเข้ามาบนรุ่นนี้นี่แหละ สีฟ้าใหม่ของ iPhone 14 นี้เราว่าเป็นโทนที่ควรเลือกอันดับต้น ๆ เลยนอกจากความเป็นสีใหม่แล้ว ยังมีความละมุนละไมอย่างมาก ช่วยให้นึกถึงสีฟ้า Sierra Blue ที่เปิดตัวได้ว้าวมาก ๆ ในปีที่ผ่านมาจริง ๆ ครับ
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-08.jpg)
กรอบเครื่องยังใช้อลูมิเนียมผิวสัมผัสด้านที่เราชอบมาก ๆ เพราะจับถือได้สบายมือและไม่เก็บคราบรอยนิ้วมือเท่ากับแบบมันวาว ทำให้เราอยากถือแบบเครื่องเปลือย ๆ มากกว่าใส่เคส กลับกันฝาหลังก็ยังเป็นแบบมันวาวอยู่ตรงนี้เก็บคราบรอยนิ้วมืออยู่พอควรครับ แต่ด้วยสีฟ้าที่เป็นโทนสว่างก็ไม่ได้เด่นอะไรนัก ใครที่ไม่ชอบรอยนิ้วมือติดก็คงต้องหาเคสมาใส่กันล่ะเนาะ
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-07.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-12.jpg)
กล้องหลังยังวางตำแหน่งแบบแนวทแยงเหมือนเดิม แต่ถ้าเทียบกับ iPhone 13 จริง ๆ ตัวโมดูลกล้องจะใหญ่ขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากรอบนี้มีการอัปเกรดสเปคกล้องขึ้นมาอีกที่เดี๋ยวเราอธิบายเพิ่มเติมในหัวข้อกล้องอีกทีเนาะ
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-13.jpg)
หน้าจอ OLED แสดงผลได้ดีเยี่ยม แต่ยังแค่ 60Hz
iPhone 14 ยังมาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาด 6.1″ เหมือนเดิมในเรื่องการแสดงผลต้องยอมรับว่าเป็นจอที่สีสันสวยงามเอามาก ๆ และมิติของจอก็ดีอีกต่างหาก รองรับทั้ง HDR การสู้แสงกลางแจ้งก็ทำได้ดี ตัวจอเป็นจอแบบ Flat หรือ 2D ไปเลย ไม่มีมุมโค้งเล็ก ๆ มากวนใจ ตรงนี้เราว่าหลายคนยังคงชอบอยู่เนาะเพราะติดฟิล์มง่ายดี
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-05.jpg)
ในเรื่องการรองรับกับแอปต่าง ๆ ด้วยความเป็นจอรอยบากเหมือนเดิมที่ใช้กันมาตั้งกี่รุ่นแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้เจอปัญหาเรื่องการกวนใจหรือ UI ที่ผิดเพี้ยนแน่นอนครับ เพราะเราน่าจะปรับตัวกับหน้าจอแบบนี้ได้แล้วแหละ ก็เป็นหนึ่งข้อดีแหละ (มั้ง)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-28.jpg)
แต่จุดที่เรายังขัดใจมาก ๆ บน iPhone 14 ก็คือ Refresh rate ที่ยังคงอยู่ที่ 60Hz นี่คือมือถือระดับเรือธงที่มีราคา 3 หมื่นกว่าบาทในปี 2022 แต่ยังไม่ได้จอ Refresh rate สูงอยู่ ซึ่งหากเทียบกับฝั่ง Android ที่เดี๋ยวนี้งบไม่ถึงหมื่นก็ได้จอ 90Hz แล้วนะ
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-03.jpg)
แต่ก็นะ…หากเป็นผู้ใช้ iPhone รุ่นก่อนที่ (ตั้งแต่ 13 Pro ลงไป) ก็คงไม่ได้ติดใจอะไรมาก เพราะ 60Hz ก็ใช้กันมายาวนาน ความลื่นไหลที่ iOS มอบให้ก็ยังถือว่าลื่นไหลในระดับที่น่าพอใจอยู่ แต่อย่างเราที่ใช้งานจอ Refresh rate สูงมาตลอดการกลับมาเจอจอ 60Hz แบบนี้มันขัดใจไม่น้อยเลยล่ะ
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-24.jpg)
ตำแหน่งต่าง ๆ ก็ยังเหมือนเดิม
ตำแหน่งของปุ่มกดก็ยังวางไว้มุมเดิมอยู่มีปุ่ม Power ที่ใช้เรียก Siri ที่ฝั่งขวาตัวเครื่อง ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงและ Silent Switch อยู่ฝั่งซ้ายมือครับ
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-04.jpg)
พอร์ตการเชื่อมต่อก็ยังอยู่ที่ด้านล่าง แน่นอนว่าเป็น Lightning เหมือนเดิมครับ ด้านข้างก็เป็นไมโครโฟนและลำโพงหลักของตัวเครื่องซึ่งรองรับระบบลำโพงคู่ร่วมกับลำโพงสนทนาให้เสียงแบบ Stereo ได้
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-10.jpg)
Face ID บนรอยบากปลดล็อครวดเร็วทั้งแนวตั้งและแนวนอน
บนรอยบากของ iPhone 14 ยังคงมาพร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนใบหน้าและกล้อง TrueDepth เหมือนเดิม ในการสแกนใบหน้าก็ทำได้รวดเร็วและแม่นยำในแบบที่ iPhone 13 ทำได้แหละ แต่รอบนี้พอเป็น iOS 16 แล้วก็ช่วยให้เราใช้งานได้ยืดหยุ่นขึ้นจะสแกนในแนวนอนก็ทำได้แล้ว
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-25.jpg)
ขนาดและน้ำหนักที่กะทัดรัด น่าพอใจ
ในเรื่องขนาดและน้ำหนักเราว่า iPhone 14 ยังทำได้ดีมาก ๆ ด้วยหน้าจอที่ไม่ใหญ่มากบวกกับวัสดุที่ใช้เป็นอลูมิเนียมจึงทำให้มีน้ำหนักเบาเพียง 172 กรัมเท่านั้น แถมยังบางแค่ 7.8 มม.เท่านั้น พกพาสะดวกมาจะใส่กระเป๋าเสื้อก็ไม่ล้นออกมา เราที่ใช้งานสมาร์ทโฟนจอใหญ่มาตลอด พอสลับมาใช้ iPhone 14 ระยะหนึ่งก็แอบติดใจในขนาดความพกง่ายนี้เหมือนกันนะ
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-11.jpg)
โดยรวมในเรื่องของดีไซน์เอาง่าย ๆ iPhone 14 ก็แทบจะเหมือน iPhone 13 ทั้งหมด ถ้าไม่นับสีสันใหม่และสัดส่วนเล็ก ๆ ที่เพิ่มขึ้น แต่บอกเลยว่าถ้ามองภายนอกแทบไม่ต่างเลยจริง ๆ ใครที่อยากได้ความต่างออกไปคงต้องมองไปที่สีใหม่อย่างสีฟ้าหรือสีม่วงแทนอันนี้มองภายนอกก็พอรู้ครับ
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-26.jpg)
ชิปเดิม A15 Bionic แต่เร็วดีไม่มีตก
อย่างที่บอกไปตอนต้นและหัวบทความว่า iPhone 14 นั้นเป็นรุ่นที่ถูกมองข้ามและไม่อยู่ในกระแสสักเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งเราว่าคงมาจากสเปคภายในนี่แหละ เพราะรอบนี้ Apple เลือกใช้ชิปเซ็ตตัวเดิม Apple A15 Bionic แม้จะบอกว่ามีการอัปเกรดเพิ่ม Core GPU เข้าไป แต่จริง ๆ ก็คือชิปเดียวกับที่ใช้บน iPhone 13 Pro นั่นแหละครับ ทำให้ความต่างชั้นกับรุ่น Pro ที่เขยิบไปเป็น A16 Bionic นั้นมีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-27.jpg)
ซึ่งในหน้าเว็บไซต์ของ Apple เองก็โปรโมทว่า A15 Bionic นี่ยัง “เร็วดีไม่มีตก” แน่นอนว่าในการใช้งานทั่วไปหรือการทำงานหนัก ๆ ชิปตัวนี้ก็ยังคงรองรับไปได้อีกพักใหญ่เหมือน iPhone 13 Pro นั่นแหละ แต่ถ้ามองในความเป็นรุ่นใหม่ ซีรีส์ใหม่จริง ๆ การใช้ชิปเซ็ตตัวเดิมนั้นก็แอบผิดหวังนิดหน่อย ทำให้เราแอบนึกถึง iPhone 5C ที่เปิดตัวพร้อม iPhone 5S แล้วดันใช้ชิปเดียวกับ iPhone 5 น่ะ
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-14.jpg)
อะ…แต่ไหน ๆ ให้มาแล้วก็คงต้องลองทดสอบประสิทธิภาพกันดูหน่อย iPhone 14 กับชิป A15 Bionic นั้นยังคงแรงแบบเหลือ ๆ เราลองทดสอบผ่านแอป AnTuTu Benchmark ได้ออกมาที่ 857240 คะแนนเลย ห่างจาก A16 Bionic ที่เราทดสอบกับ 14 Pro Max อยู่ประมาณ 12.67% เท่านั้นครับ
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-15.jpg)
ส่วนทางฝั่ง Geekbench 5 ก็ได้คะแนน Single-Core ที่ 1744 คะแนนและ Multi-Core ที่ 4679 คะแนน ก็ห่างกันประมาณ 15.49% ครับ เรียกว่าไม่ได้เยอะมากในเรื่องความแรงของ CPU จริง ๆ
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-16.jpg)
เล่นเกมได้หมดแล้วชิปออกมาปีกว่า!
แต่ความได้เปรียบของชิป A15 Bionic ก็คือด้วยความที่เป็นชิปที่เปิดตัวมาปีกว่าแล้ว แอปทั้งหลายต่างปรับจูนให้ลงตัวมากที่สุดแล้ว รวมถึงเกมด้วย ทำให้เรามั่นใจได้เลยว่าเราจะเล่นเกมได้ลื่นปรับได้สูงสุดทั้งหมดตั้งแต่ Day 1 ที่แกะกล่องออกมาเลย อย่างเกมที่เราทดสอบบน iPhone 14 สามเกมนี้ Asphalt 9, ROV และ PUBG ผลก็ออกมาดังนี้ครับ
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-29.jpg)
เล่น Asphalt 9 บน iPhone 14
อย่างเกมแรกเลย Asphalt 9 เราสามารถเปิด 60fps เพื่อเล่นได้อย่างลื่นไหลสุด ๆ ได้ ต่างจากบน iPhone 14 Pro Max ที่ความใหม่ของชิปเซ็ตทำให้เล่นได้แค่ 30fps อยู่ ซึ่งความลื่นจะแตกต่างกันพอสมควร ตัวเกมก็เล่นได้อย่างลื่นไหลมากบน iPhone 14 แบบ 60fps เต็ม ๆ ภาพก็ยังสวยบนจอ OLED อีกต่างหาก เราที่เป็นแฟนเกมนี้อยู่แล้วการได้เล่นแบบปรับสุดมันฟินกว่าจริง ๆ
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-17.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-68.jpg)
เล่น PUBG บน iPhone 14
มาต่อ PUBG เราสามารถปรับกราฟิกได้ที่ Ultra HD คู่กับเฟรมเรต Ultra คือสุดไปหมดแล้ว ตัวเกมเล่นได้อย่างลื่นไหลภาพสวยเต็มที่ไปหมดครับ ตัว UI ไม่มีปัญหากับหน้าจอรอยบากแบบนี้แล้วด้วย
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-18.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-69.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-70.jpg)
เล่น ROV บน iPhone 14
ปิดท้ายที่ ROV อย่างที่บอกไปว่าหน้าจอก็เป็นรอยบากเหมือนเดิม ชิปก็ตัวเดิมในการตั้งค่าเราสามารถปรับกราฟิกได้ที่ระดับสูงสุดตัว UI ก็ไม่มีปัญหากับหน้าจอด้วย ทำให้เราเล่นได้อย่างจัดเต็ม เฟรมเรตในเกมวิ่งนิ่ง ๆ ที่ 60 – 61fps สบาย ๆ ไม่เจอเฟรมดรอปเลย ซึ่งตรงนี้ iPhone 14 Pro Max ยังมีจังหวะเฟรมดรอปบ้างเลยในการทดสอบของเราครับ
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-19.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-73.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-72.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-71.jpg)
โดยรวมในเรื่องประสิทธิภาพ iPhone 14 ทำได้ยอดเยี่ยมมาก ๆ แม้ชิปเซ็ตจะเป็นตัวเก่า แต่ก็มีข้อดีที่เรื่องการรองรับอย่างที่บอกไปนี่แหละเนาะ ซึ่งตรงนี้เราไม่ได้บอกว่าชิป A16 Bionic จะด้อยกว่านะครับ เพียงแต่ในช่วงแรกต้องรอการอัปเดตและปรับจูนกันหน่อย เชื่อว่าหลังจากนี้หากปรับจูนได้ลงตัวแล้วชิปใหม่ยังไงก็แรงกว่า ตรงนี้แหละที่เป็นจุดที่น่าเสียดายอย่างที่บอกไปถ้า iPhone 14 มาพร้อม A16 ก็คงไปได้ยาวกว่าอีกหน่อยแน่ ๆ
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-20.jpg)
ซอฟต์แวร์ iOS 16 ปรับแต่งถูกใจ
iPhone 14 มาพร้อม iOS 16 ตั้งแต่แกะกล่อง ลูกเล่นอย่างการปรับแต่งหน้า Lockscreen ก็มีมาให้ด้วย ช่วยให้เราสนุกไปกับการปรับแต่งได้หลากหลาย ทั้งรูปแบบฟอนต์นาฬิกา, Widget, Wallpaper หลากหลายรูปแบบ จะใส่เป็นรูปคนหรือรูปวิวพร้อม Depth Effect ให้เราเอาภาพไปบังนาฬิกาสวย ๆ เหมือนปกนิตยสารก็ได้ อันนี้ชอบมาก
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-23.jpg)
หรือจะเป็นฟีเจอร์เปิดเปอร์เซนต์แบตเตอรี่ก็มีให้เลือกใช้งานด้วย นอกจากนี้ฟีเจอร์พิเศษที่เพิ่มเข้ามาบน iPhone 14 เท่านั้นก็มีอย่าง Crash Detection หรือฟีเจอร์ตรวจจับอุบัติเหตุรถชนที่ระบบทำการโทรหาเบอร์ฉุกเฉินที่ตั้งค่าไว้ได้ทันที แต่อันนี้เราขอไม่ทดสอบให้เนาะ เอาเป็นว่ารู้ไว้ก็พอว่ามีฟีเจอร์นี้ติดเครื่องมา ไม่อยากให้ต้องได้ใช้กันจริง ๆ หรอก
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-06.jpg)
กล้องหลังคู่ 12MP เหมือนเดิม แต่อัปเกรดกล้องหลักเก่งขึ้น!
มาต่อกันที่เรื่องกล้องอย่างที่บอกว่า iPhone 14 นั้นยังคงได้กล้องหลังมาเพียง 2 ตัววางดีไซน์เหมือนรุ่นก่อนเลยด้วย มีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้
- กล้องหลัก 12MP f/1.5 พร้อม Sensor-Shift OIS
- กล้อง Ultra Wide 12MP f/2.4
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-22.jpg)
ดูจากตัวเลขความละเอียดแล้วก็ยังเป็น 12MP เหมือนเดิม แต่ไม่ใช่ว่าสเปคยังเท่าเดิมนะครับ เพราะรอบนี้ Apple เขาอัปเกรดกล้องหลักให้มีเซ็นเซอร์ใหญ่ขึ้นพร้อมรูรับแสงเป็น f/1.5 แล้วด้วยอีกทั้งยังมีระบบกันสั่น Sensor-Shift OIS อีก เอ๊ะ ๆ มาถึงตรงนี้คงแอบคุ้น ๆ กับสเปคนี้แล้วล่ะสิ ใช่แล้วครับกล้องหลักของ iPhone 14 ที่บอกอัปเกรดขึ้นมาก็คือเปลี่ยนมาใช้กล้องหลักตัวเดียวกับ iPhone 13 Pro นั่นเอง แบบนี้ค่อยเห็นภาพขึ้นมาหน่อยว่ากล้องจะเก่งขนาดไหนเนาะ
ไฟล์ภาพสวยคุมโทนความเป็น iPhone ได้เป็นอย่างดี
ซึ่งต้องบอกเลยว่ากล้องหลักของ iPhone 13 Pro ในปีที่แล้วก็มีการขยายขนาดเซ็นเซอร์ขึ้นมาให้ใหญ่ขึ้นแล้ว (ประมาณ 1/1.65″) เรียกว่าเพียงพอต่อการถ่ายภาพละลายหลังสวย ๆ หรือเก็บแสงได้ดีในที่แสงน้อยได้อย่างน่าพอใจ เท่าที่เราลองใช้งานต้องบอกเลยว่าไฟล์ที่ได้จะมาในโทนสมจริงที่เป็นเอกลักษณ์ของ iPhone เลย แถมยังไว้ใจได้ด้วย Smart HDR 4 ที่จัดการ Dynamic Range ได้เป็นอย่างดีอีก
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-30.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-31.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-32.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-33.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-34.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-35.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-36.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-37.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-38.jpg)
กล้อง Ultra Wide ตัวเดิมแต่คุณภาพยังไว้ใจได้
ส่วนกล้อง Ultra Wide แม้จะยังใช้ตัวเดิมจาก iPhone 13 คือความละเอียด 12MP f/2.4 และไม่มี Autofocus ไว้ใช้เป็น Macro แต่ในการเก็บภาพมุมกว้างแบบทั่วไปก็ถือว่ายังไว้ใจได้อยู่ เก็บมุมมองได้กว้าง 120º ครบทุกภาพวิว รายละเอียดและโทนสีก็ใกล้เคียงกับกล้องหลักมาก ถ่ายไว้ใช้งานอัปลงโซเชี่ยลได้เลย หายห่วงครับ
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-39.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-40.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-41.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-42.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-43.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-44.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-45.jpg)
Photonic Engine แสงน้อยและกลางคืนดีขึ้น 2.5X
ที่ว่าภาพของ iPhone 14 ทำได้ดีขึ้นก็เพราะว่ารุ่นนี้มีซอฟต์แวร์ที่เข้ามาประมวลผลใหม่อย่าง Photonic Engine ด้วย ช่วยให้เราได้ภาพที่คมชัดและเก็บรายละเอียดได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในที่แสงน้อยหรือกลางคืน ตรงนี้ Apple เคลมเองเลยว่าในกล้องหลักทำได้ดีขึ้น 2.5X และกล้อง Ultra Wide ดีขึ้น 2X ซึ่งเท่าที่เราลองถ่ายภาพแบบแสงน้อยจริง ๆ ก็รู้สึกว่ามีการปรับแต่งภาพให้มีความคมชัดขึ้นจริง แถม Noise ก็น้อยลงด้วย แต่ต้องบอกก่อนว่าภาพกลางคืนของ iPhone จะให้โทนที่เป็นกลางคืนอยู่ สวยในแบบกลางคืนไม่ใช่กลางคืนเป็นกลางวันครับ
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-46.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-47.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-48.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-49.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-50.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-52.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-51.jpg)
Portrait ก็เก็บแสงดีแต่เสียดายมีแค่ระยะเดียว
มาต่อกันที่โหมด Portrait บน iPhone 14 อัปเกรดขึ้นมาจาก iPhone 13 แน่นอนเพราะเปลี่ยนมาใช้กล้องหลักตัวเดียวกับ iPhone 13 Pro แล้ว ซึ่งเท่าที่เราลองก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมในระดับเดียวกับ 13 Pro เลย ทั้งการละลายฉากหลัง เพิ่มเอฟเฟกต์ Bokeh และรอบนี้ยังมีเพิ่มเอฟเฟกต์ละลายหน้าเข้ามาด้วย ทำให้ภาพดูมีมิติเหมือนถ่ายจากกล้องใหญ่มากขึ้น แต่สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดก็คือระยะของภาพเนื่องจาก iPhone 14 ไม่มีกล้องซูมมาให้ เราจึงถ่ายภาพบุคคลได้แค่ระยะเดียวเท่านั้นครับ
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-53.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-54.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-58.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-57.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-56.jpg)
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-59.jpg)
กล้องหน้า 12MP ก็อัปเกรดใหม่ มี Autofocus แล้ว
ปิดท้ายเรื่องภาพนิ่งที่กล้องหน้าของ iPhone 14 รอบนี้มีการอัปเกรดเช่นกัน แม้จะไม่ได้เพิ่มความละเอียดขึ้น แต่ก็เพิ่มความสามารถในการ Autofocus เข้ามา ทำให้เราถ่ายภาพได้คมชัดมากขึ้น เวลาที่เซลฟี่หลายคนก็จะได้ความแม่นยำจากการโฟกัสมากขึ้นด้วย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็ถือว่าทำได้ดีตามสไตล์ iPhone ยังคงเน้นไปที่ความเป็นจริง แต่สกินโทนสวยดีแม้ในเรื่องความเนียนการลบริ้วรอยจะไม่ได้มีมาให้ แต่ก็มี Portrait กล้องหน้ามาให้ใช้เหมือนกันครับ
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-62.jpg)
วิดีโอกับ 2 ฟีเจอร์ใหม่เพิ่มความน่าสนใจ
จบโหมดภาพนิ่งก็มาต่อที่โหมดวิดีโอ iPhone 14 ยังคงถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K/60fps ทั้งกล้องหน้า-หลังเหมือนเดิมครับ แต่ความน่าสนใจที่มากขึ้นของรุ่นนี้ก็คือโหมด Cinematic ที่เราสามารถถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K/30fps แล้ว (ก่อนหน้านี้ได้แค่ 1080/30fps) ซึ่งผลลัพธ์ที่ถ่ายจากโหมดนี้ต้องบอกว่ายอดเยี่ยมจริง ๆ การตัดขอบทำได้แนยเนียน แถมความละเอียดที่มากขึ้นนี้ก็ยังช่วยให้ไฟล์มีความคมชัดขึ้นอย่างชัดเจนเลย
Action mode วิดีโอนิ่งเข้าไว้
ช้ความสามารถ EIS เพิ่มเติมให้วิดีโอที่นิ่งกว่าเดิม โดยความละเอียดภาพเราสามารถเลือกได้ 3 แบบคือ 1080p/30, 1080p/60fps และ 2.8K/30fps ซึ่งถือว่าสูงมากในเรื่องความละเอียด ในการทดสอบเราเลือกใช้ความละเอียด 1080p/60fps เพื่อให้ได้ความสมูทของภาพที่สุด อย่างที่เราจะได้เห็นจากคลิปตัวอย่างด้านล่างนี้ แม้เราจะวิ่งอย่างต่อเนื่อง วิ่งวนรอบ ๆ ภาพที่เห็นในวิดีโอก็ยังคงลื่นไหลมาก ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เราใช้มือถือแบบ Handheld อย่างเดียวด้วย ไม่ได้ใช้ไม้กันสั่นใด ๆ ทั้งสิ้นครับ
โดยรวมในเรื่องกล้องของ iPhone 14 ก็ถือว่ามีการอัปเกรดขึ้นมาจริง ทั้งในกล้องหลักที่ยกระดับมาเทียบเท่ารุ่น 13 Pro แล้ว เซ็นเซอร์ใหญ่ขึ้นชัดเจน ซอฟต์แวร์และความเข้าถึงง่ายของ iPhone ที่เป็นเอกลักษณ์ถ่ายง่ายได้ไฟล์ไว้ใจได้เสมอ ในโหมดวิดีโอก็ได้ Cinematic ที่เก่งขึ้น พร้อม Action mode กันสั่นที่ใครชอบลุย ๆ อยากได้ภาพแบบนิ่งลื่นไม่สั่นจนเวียนหัวเราว่าถูกใจแน่นอนครับ!
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-21.jpg)
แบตเตอรี่ใช้งานได้ดี รองรับชาร์จไว 20W
ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่ iPhone 14 ถือว่ารุ่นนี้ใช้งานได้ดีพอสมควรเลย ทั้งใช้งานทั่วไป ถ่ายรูป หรือเล่นเกม ก็เพียงพอต่อการใช้งานหนึ่งวันสบาย ๆ คงเพราะขนาดหน้าจอที่ไม่ได้ใหญ่นักบวกกับชิปเซ็ตที่ปรับจูนมาได้ลงตัวอย่างมากแล้ว ก็มอบประสบการณ์การใช้งานที่เราแทบไม่ต้องกังวลว่าเครื่องเล็ก ๆ แบบนี้จะมีแบตเตอรี่ที่ไม่อึดนักจริง ๆ ครับ ส่วนระบบชาร์จก็รองรับที่ 20W ซึ่งเทียบกับความจุแบตฯประมาณ 3279mAh ชาร์จเท่านี้ก็ถือว่าเร็วแล้วล่ะครับ
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14-66.jpg)
ราคาเริ่มต้น 32,900 บาท มีให้เลือก 3 ความจุ
ก่อนจากกันเราขอสรุปราคากันเหมือนเดิม iPhone 14 มีให้เลือกทั้งหมด 5 สีคือ สีฟ้า (สีที่รีวิว), สีแดง (PRODUCT RED), สีม่วง, สีสตาร์ไลท์, สีมิดไนท์ และมีให้เลือกทั้งหมด 3 ความจุมีราคาแต่ละความจุดังนี้ครับ
iPhone 14
- รุ่น 128GB ราคา 32,900 บาท
- รุ่น 256GB ราคา 36,900 บาท
- รุ่น 512GB ราคา 45,900 บาท
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/09/iPhone14-01.jpg)
สรุปแล้ว “นี่คือ iPhone ที่ถูกมองข้ามไปเยอะ แต่ลึก ๆ แล้วก็แอบมีดีเหมือนกัน”
สรุปแล้ว iPhone 14 ก็คือไอโฟนรุ่นใหม่ที่เป็นไปตามนิยามที่เราว่าไว้นี่แหละครับ “คือ iPhone รุ่นใหม่ที่ถูกมองข้ามไปเยอะ แต่ลึก ๆ แล้วก็แอบมีดีเหมือนกัน” เพราะแน่นอนว่าทั้งรูปลักษณ์ที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย หน้าจอก็ยังแค่ 60Hz เทคโนโลยีใหม่ ๆ ก็ไม่ได้เพิ่มเข้ามาเหมือนรุ่นโปร แถมชิปก็ยังใช้ตัวเก่าจากปีที่แล้วอีก คงไม่แปลกที่จะถูกมองข้ามไปที่รุ่นใหม่จริง ๆ ซะมากกว่า แต่ก็อย่างที่บอกรุ่นนี้แอบมีดีอยู่เหมือนกัน ทั้งการเข้าที่เข้าทางของชิปรุ่นเก่าที่ผ่านมาเป็นปีปัญหาน้อยลง การรองรับก็สมบูรณ์สุด ๆ กล้องหลักที่ยกจากรุ่น 13 Pro แถมยังเสริมด้วยซอฟต์แวร์ใหม่ Photonic Engine เก่งกาจขึ้นไปอีก หรือจะเป็น Action mode ในการถ่ายวิดีโออีก เหมือนยกฟีเจอร์เด่นที่มีบน 14 Pro กับกล้อง 13 Pro มาไว้ในบอดี้ 13 ได้อย่างลงตัว เป็นการอัปเกรดเล็ก ๆ แต่บางฟีเจอร์ก็หาไม่ได้จากรุ่นเก่าแม้จะเป็นรุ่น Pro ก็ตาม เพราะฉันมันรุ่นใหม่ล่าสุดยังไงล่ะ !!
![](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2022/10/Review-iPhone14.jpg)
ส่วนถ้าถามว่า iPhone 14 นี้เหมาะกับใครเราว่าไม่เหมาะกับคนใช้ iPhone 13 อยู่แล้วแน่นอน เพราะความใกล้เคียงของฮาร์ดแวร์มันเยอะมากในขณะที่ราคาเปิดตัวในปีนี้ดีดสูงขึ้นกว่าเดิมหลายพันบาทเลย การจะอัปเกรดมาเป็นรุ่นนี้คือไม่คุ้ม ถือ iPhone 13 ใช้ได้อีกยาว ๆ เพราะ 14 มาแบบนี้ แต่ความคุ้มค่าจะไปตกกับใครที่มาจาก iPhone 12 ลงไป iPhone 11, iPhone Xr หรือจะข้ามมาจาก iPhone SE ที่อยากลองประสบการณ์หน้าจอเต็มไร้ปุ่มโฮมก็น่าจะมอบความสดใหม่ได้ไม่น้อยเลยล่ะครับ
จุดเด่น
- บอดี้กะทัดรัดพกพาง่ายอย่างเคย
- หน้าจอ OLED 6.1″ ที่แสดงผลได้สวยสุด ๆ
- ชิปเซ็ตที่คุ้นเคย การรองรับก็สมบูรณ์
- กล้องหลักที่อัปเกรดมาเป็นชุดเดียวกับ 13 Pro ถ่ายออกมาได้ดีงาม
- ฟีเจอร์ใหม่ Cinematic 4K และ Action mode ของใหม่ที่มีแค่บน 14 Series เท่านั้น
จุดสังเกต
- หน้าจอยังมี Refresh rate แค่ 60Hz
- พอร์ตการเชื่อมต่อก็เป็น Lightning