รีวิว OPPO F7 หน้าจอใหญ่ ดีไซน์สวย และกล้องเซลฟี่ 25 ล้าน

OPPO F7 เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางในตระกูล F Series ที่ชูจุดเด่นด้านการถ่ายรูปด้วยกล้องหน้าที่มีเทคโนโลยี AI ช่วยปรับแต่งใบหน้าออกมาสวยงามเป็นธรรมชาติ และมาพร้อมหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.23 นิ้วแบบ Full Screen มีรอยบาก

OPPO F7 เปิดราคาในไทยอยู่ที่ 10,990 สูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตอนเปิดตัว OPPO F5 ในราคา 9,990 บาท แต่สำหรับรุ่นใหม่ล่าสุดนี้มีการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เป็นการอัพเกรดมาจากรุ่นเดิม ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์หน้าจอใหม่ Super Full Screen 2.0 ตัวประมวลผลกล้องที่ทำงานได้ดีขึ้น และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่เป็นจุดเด่นให้แข่งขันกับสมาร์ทโฟนที่มีระดับราคาสูงกว่าในตลาดได้

สรุปข้อมูลและสเปค OPPO F7

  • ราคาเปิดตัว 10,990 บาท (เมษายน 2018) ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค. เป็นต้นไป ปรับราคาเหลือเพียง 9,990 บาทที่ ออปโป้ แบรนด์ช็อป และร้านค้าทั่วประเทศ 
  • ขนาดตัวเครื่อง 156 x 75.3 x 7.8 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 158 กรัม
  • รองรับ 4G พร้อมกันทั้ง 2 ซิม
  • หน้าจอขนาด 6.23 นิ้ว Super Full Screen FullHD+
  • ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo กับ Color OS 5.0
  • ชิพเซ็ต MediaTek Helio P60 MT6771
  • แรม 4GB ความจุ 64GB
  • กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8
  • กล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
  • พอร์ตเชื่อมต่อ microUSB, Wi-Fi ac
  • แบตเตอรี่ 3400mAh

 

อุปกรณ์ในกล่อง

  • ตัวเครื่องสมาร์ทโฟน F7 พร้อมแบตเตอรี่ในตัว
  • อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ
  • สายเคเบิล microUSB
  • หูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5mm
  • เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
  • ฟิล์มกันรอยและเคส
  • คู่มือการใช้งาน

 

ด้านการดีไซน์ของ OPPO F7 ที่เปลี่ยนแปลงชัดเจนอย่งแรกเลยก็คือหน้าจอแสดงผลที่เรียกว่า Super Full Screen 2.0 อัพเกรดมาจาก Full Screen เวอร์ชั่นแรก มีการขยายพื้นที่หน้าจอแสดงผลให้เต็มพื้นที่ด้านหน้ามากขึ้น ชิดขอบทุกด้าน และมีรอยบากเพื่อเป็นพื้นที่สำหรับติดตั้งเลนส์กล้องหน้าและเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่จำเป็นต้องอยู่ด้านหน้า

F7 มีขนาดหน้าจอใหญ่ถึง 6.23 นิ้ว สัดส่วน 19:9 ความละเอียด Full HD+ ซึ่งถือว่ามีขนาดจอค่อนข้างใหญ่มาก แต่ตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่ตาม ยังคงหยิบจับใช้งานได้ในมือเดียว เพราะการดีไซน์หน้าจอแบบ Full Screen นั่นเองที่ช่วยให้ได้หน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ขนาดยังคงใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนรุ่นเก่าที่มีหน้าจอเพียง 5.5 นิ้ว

 

ดีไซน์ตัวเครื่องมีการผสมผสานระหว่างวัสดุระดับพรีเมียมและแฟชั่นอย่างลงตัว โดยด้านหลังของตัวเครื่องสีเงิน (Moonlight Silver) ในบทความนี้มีความสวยงามด้วยการสะท้อนแสงและเปลี่ยนโทนสีตามสภาพแสงรอบๆ จึงทำให้รุ่นนี้มีความโดดเด่น ดูหรูหรา แต่จะเกิดคราบรอบนิ้วมือได้ง่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ทุกรุ่นต้องเจอเมื่อเลือกใช้วัสดุชนิดนี้

 

เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังมีดีไซน์เป็นตัว O และเลนส์กล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ขอบเลนส์นูนขึ้นมาเหนือฝาหลังเล็กน้อย พร้อมแฟลช LED สำหรับช่วยถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือในที่มืด โดยภายในมีแบตเตอรี่ขนาด 3400mAh ฝาหลังไม่สามารถแกะเปิดเองได้

 

พอร์ตเชื่อมต่อยังคงเป็น microUSB และมีช่องหูฟัง 3.5mm

 

ด้านประสิทธิภาพการทำงาน OPPO F7 มาพร้อมชิพประมวลผล MediaTek Helio P60 MT6771 แบ่งการทำงานออกเป็น 2 ระดับ คือ Quad-core Cortex A73 2.0GHz เมื่อต้องการประสิทธิภาพสูงสุดและ Quad-core Cortex A53 2.0GHz สำหรับการใช้งานทั่วไปเพื่อประหยัดพลังงาน กับแรม 4GB ความจุตัวเครื่อง 64GB และมีรุ่นท็อปแรม 6GB ความจุตัวเครื่อง 128GB วางจำหน่ายด้วย

 

F7 รันระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบด้วย Colors OS 5.0 ที่มีหน้าตาอินเตอร์เฟซเรียบง่าย ค้นหาเมนูต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เข้าถึงเมนูการใช้งานได้รวดเร็วเพียงแตะค้างที่ไอคอนแอพพลิเคชั่น ซึ่งเป็นฟีเจอร์มาตรฐานของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ และจากการใช้งานพบว่าทำงานได้ลื่นไหลดี

 

การใช้งานบนเครือข่าย 4G นั้นรองรับการใช้งานได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิมการ์ด และรองรับ VoLTE ทั้ง 2 ซิมด้วย โดยถาดใส่ซิมที่ให้มานั้นเป็นแบบ 3 slot ใส่เมมเพิ่มได้พร้อมกับใส่ 2 ซิม ซึ่งต่างไปจากถาดซิมแบบไฮบริดที่ต้องเลือกใส่เมมแทนซิม 2

 

จุดเด่นของการใช้งานสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่เต็มพื้นที่ด้านหน้าสัดส่วน 19:9 ความละเอียด Full HD+ ช่วยให้การดูหนังหรือวิดีโอได้ภาพแบบเต็มตา สีสันคมชัดยิ่งขึ้น คอนเทนท์ประเภทวิดีโอในปัจจุบันเริ่มปรับตัวให้สามารถแสดงผลได้อย่างเหมาะสมกับสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอแสดงผลสัดส่วน 19:9 แล้ว อย่างเช่นแอพพลิเคชั่น YouTube ก็ได้ออกอัปเดทให้วิดีโอแสดงผลได้แบบเต็มจอ ไม่มีขอบดำอีกต่อไปแล้ว

 

การดูคอนเทนท์ในหน้าเว็บไซต์บนหน้าจอที่มีสัดส่วน 19:9 ยังช่วยให้เห็นคอนเทนท์ได้มากกว่า ซึ่งจะตอบโจทย์มากๆ สำหรับผู้ที่ชอบอ่านบทความบนสมาร์ทโฟน ไม่ต้องแตะเลื่อนหน้าจอบ่อยๆ

 

App Notification Bar ฟังก์ชั่นใหม่ที่ช่วยให้การใช้งานบนหน้าจอ Super Full Screen มีความสะดวก และง่ายมากขึ้น โดยจะมีการแสดงไอคอนแอพ รายการแจ้งเตือนที่แถบบาร์ สามารถอ่านและตอบกลับข้อความได้โดยไม่ต้องสลับหน้าจอไปมา เพราะระบบจะเปิดหน้าต่างใหม่ขึ้นมาแบบ Picture-in-Picture ลอยอยู่เหนือหน้าจอที่กำลังใช้งาน ไม่ขัดจังหวะการดูคลิปวิดีโอและเล่นเกม ซึ่งขณะนี้รองรับแอพยอดนิยมหลายแอพ เช่น WhatsApp, Messenger, LINE และ WeChat

 

ฟีเจอร์การแบ่งหน้าจอ (Split Screen) สำหรับแบ่ง 2 หน้าจอ ใช้งานแอพพลิเคชั่นได้พร้อมกัน 2 แอพ เช่น เล่นเกมพร้อมกับแชทคุยกับเพื่อนๆ หรือดูวิดีโอและคุยแชทกับเพื่อนก็ทำได้ เป็นต้น

 

ด้านความปลอดภัยนอกจากการสแกนลายนิ้วมือแล้ว OPPO F7 ยังเพิ่มฟีเจอร์การปลดล็อคหน้าจอได้ด้วยใบหน้าที่มี AI เข้ามาช่วยในการจดจำจุดต่างๆ บนใบหน้า ซึ่งทาง OPPO เคลมว่าจดจำได้มากกว่า 296 จุด เพื่อระบุเอกลักษณ์บนใบหน้าของแต่ละคน และจากการใช้งานก็พบว่าปลดล็อคได้รวดเร็วมากเมื่อยกขึ้นมาจ่อที่หน้าเพียงเสี้ยววินาที ถือว่าช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการใช้งานได้เยอะเลย

 

ฟีเจอร์การถ่ายรูป OPPO F7 มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียดสูง 25 ล้านพิกเซล เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเซลฟี่ด้วย A.I. Beauty 2.0 กับ Sensor HDR ช่วยให้ได้ภาพเซลฟี่ที่สวยเป็นธรรมชาติกว่าที่เคย แม้จะถ่ายในสภาพแสงที่ต่างกันหรือย้อยแสงก็ตาม

 

ก่อนหน้านี้เรารู้จัก A.I. Beauty เวอร์ชั่นแรกใน OPPO F5 แต่สำหรับ F7 มีการอัพเกรดเป็น 2.0 ให้ทำงานได้ดีมากขึ้นด้วยเลนส์กล้องหน้าที่มีความละเอียดมากขึ้น สามารถตรวจจับใบหน้าเพื่อเก็บรายละเอียดรูปทรง ซึ่งความฉลาดของเทคโนโลยีนี้คือสามารถระบุเพศ อายุ ความแตกต่างแต่ละสีผิว แล้วปรับสมมาตรใบหน้าส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ดวงตา จมูก โหนกแก้ม และริ้วรอยต่างๆ ให้ออกมาสวยสมบูรณ์ แบบที่สุด

จะเห็นว่าภาพที่ถ่ายจากกล้องหน้าของ OPPO F7 มีการปรับโครงหน้าและสีผิวให้ออกมาสวยเนียนเป็นธรรมชาติและมีมิติมากกว่าโหมดหน้าสวยของสมาร์ทโฟนทั่วไปที่จะปรับสีผิวที่ดูหลอกตา สามารถปรับความสวยได้ 6 ระดับหรือเลือกให้ AI ทำงานเองอัตโนมัติ

 

อีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่น่าสนใจของกล้องหน้าคือโหมดหน้าชัดหลังเบลอ (Bokeh Effect) ก็ถ่ายออกมาได้สวยงาม ละลายฉากหลังได้เนียน ช่วยให้ภาพเซลฟี่มีความโดดเด่น และถ่ายสนุกมากยิ่งขึ้น

 

OPPO F7 ชูจุดเด่นด้วย Sensor HDR ซึ่งเป็นการทำงานด้วยฮาร์ดแวร์ร่วมกับซอฟต์แวร์สำหรับการถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อย และการถ่ายย้อนแสง ช่วยให้รายละเอียดของภาพเก็บได้ครบถ้วน หน้าไม่ดำ และฉากหลังเห็นรายละเอียดชัดเจน ไม่สว่างจ้า

 

นอกจากนี้ก็มี Vivo Mode สำหรับเพิ่มสีสันให้กับภาพถ่ายให้เข้มมากขึ้น และ AR Stickers สร้างสีสันด้วยสติกเกอร์ขณะถ่ายภาพ เช่น หูกระต่าย ซุปเปอร์ฮีโร่ เป็นต้น

กล้องหลังของ 7 มีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ทำงานด้วยเทคโนโลยี AI เช่นเดียวกัน สามารถระบุฉากหรือวัตถุที่กำลังถ่ายภาพได้ 16 ฉาก ซึ่งระบบจะทำการปรับค่ากล้องให้เพื่อให้เหมาะกับการถ่ายภาพนั้นๆ อัตโนมัติ ได้แก่ แสงพระอาทิตย์ตกดิน หญ้า พื้นที่ในร่ม อาหาร ท้องฟ้า เวลากลางคืน สุนัข ภาพเด็ก ดอกไม้ไฟ ชายหาก วิว ข้อความ แมว และไฟเวที เป็นต้น

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง

สรุปจุดเด่น

  • ดีไซน์สวยงาม หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่เต็มตา และสีสันสดใส
  • กล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล Sensor HDR ถ่ายภาพย้อนแสงได้ดี
  • รันระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo และ Color OS 5.0 เวอร์ชั่นล่าสุดในขณะนี้ ไม่ต้องรออัปเดท
  • ถาดซิมแบบ 3 slot และใช้งาน 4G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม

จุดสังเกตเพิ่มเติม

  • ไม่รองรับชาร์จเร็ว

เนื้อหาเกี่ยวข้อง

น้ำตาล – ฟิล์ม เสิร์ฟโมเมนต์รับวาเลนไทน์ไปกับ OPPO Reno13 Series 5G มาพร้อม AI Livephoto เปลี่ยนทุกภาพถ่ายให้มีชีวิต เก็บครบทุกโมเมนต์หวาน

DXOMARK ปล่อยรีวิวกล้อง OPPO Find X8 Pro มาแรง! ขึ้นที่ 4 ร่วมกับ iPhone 16 Pro Max

ลืออีก! OPPO Find X8 mini จะมาพร้อมหน้าจอ 6.3″ ได้ปุ่ม Alert Button และมีลุ้นเปิดตัวพร้อม Find X8 Ultra เดือนหน้า!?

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Read More