รีวิว OPPO F9 แฟชั่นผสานรวมกับเทคโลโนยีชาร์จไว VOOC อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ที่ไม่เคยมีมาก่อน

OPPO F9 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่เรียกว่าเป็นการข้ามขีดจำกัดด้านการดีไซน์ของ OPPO อีกรุ่นเลยก็ว่าได้ ด้วยรอยบากหน้าจอแบบหยดน้ำเพื่อให้พื้นที่ด้านหน้าใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด และชาร์จไว VOOC เป็นรุ่นแรกในซีรีย์ F

เชื่อว่าทุกคนรู้จักสมาร์ทโฟนซีรีย์ F ของ OPPO เป็นสมาร์ทโฟนที่มีความโดดเด่นด้านกล้องเซลฟี่ที่ถ่ายสวยด้วย AI Beauty และราคาที่ทุกคนสามารถจับต้องได้ ซึ่งในรุ่นใหม่ OPPO F9 จะเป็นรุ่นที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของ OPPO เพื่อให้แฟนๆ สามารถใช้งานได้อย่างเทคโนโลยี VOOC Flash Charge และดีไซน์ที่พัฒนาไปอีกขั้น แต่ก่อนที่จะไปดูรีวิวแบบเจาะลึกทุกฟีเจอร์ มาดูข้อมูลสเปคของรุ่นนี้กันก่อนเลย

  • ราคาเปิดตัว 10,990 บาท (สิงหาคม 2018)
  • ขนาดตัวเครื่อง 156.7 x 74.04 x 7.99 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 169 กรัม
  • หน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว LTPS IPS LCD ความละเอียดระดับ FullHD+ (2340 x 1080 พิกเซล)
  • ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบด้วย ColorOS 5.2
  • ชิพเซ็ต Mediatek MT6771 Helio P60
  • จีพียู Mali-G72 MP3
  • แรม 6GB
  • ความจุตัวเครื่อง 64GB ใสเมมเพิ่มได้สูงสุด 256GB
  • กล้องหลังเลนส์คู่ 16 ล้านพิกเซล (RGB) รูรับแสง f/1.8 และ 2 ล้านพิกเซล (Depth Sensor) รูรับแสง f/2.4
  • กล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล (RGB) รูรับแสง f/2.0
  • พอร์ตเชื่อมต่อ microUSB, Wi-Fi ac, Bluetooth 4.2
  • แบตเตอรี่ 3500mAh ชาร์จไว VOOC Flash Charge 5V/4A 20W
  • จดจำใบหน้าและสแกนลายนิ้วมือ

 

แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล

อุปกรณ์ที่มีให้ในกล่อง ได้แก่ ตัวเครื่อง OPPO F9 พร้อมแบตเตอรี่ในตัว, สาย microUSB, อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว VOOC, เคสใส, คู่มือใช้งาน และเข็มจิ้มถาดใส่ซิม

 

สำหรับอะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว VOOC รองรับกระแสไฟสูงสุด 5V/4A 20W ใช้คู่กับสายชาร์จที่แถมมาให้ในกล่อง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการชาร์จไวที่มีอยู่ในสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ของ OPPO แต่ในวันนี้ถูกนำมาใช้งานกับสมาร์ทโฟนระดับกลางแล้ว เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ง่ายมากขึ้น

 

OPPO F9 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มีการไล่เฉดสีทั้งตัวขอบเครื่องและฝาหลัง ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เห็นถึงสีสันที่โดดเด่นของตัวเครื่อง ซึ่งในรุ่นนี้ไม่ได้มีการไล่เฉดสีเพียงอย่างเดียว แต่ยังเพิ่มลวดลายกลีบดอกไม้ที่จะมองเห็นได้เมื่อสีแสงไฟตกกระทบหรือมองตัวเครื่องจากมุมต่างๆ จึงทำให้รุ่นนี้มีความโดดเด่น สวยหรู ถือใช้งานได้เหมือนเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่ง

 

สีแดง (Sunrise Red) เป็นการไล่เฉดสีที่ได้แรงบันดาลใจมาจากท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งลวดลายที่เห็นชัดนี้ต้องหันหามุมและให้แสงตกกระทบพอดี

 

สีน้ำเงิน (Twilight Blue) ได้แรงบันดาลใจมาจากท้องฟ้ายามค่ำคืน ซึ่งทุกครั้งที่มองจากมุมต่างกันก็จะเห็นความเข้มของเฉดสีและลวดลายแตกต่างกันออกไป

 

พื้นที่ด้านหน้าตัวเครื่องเต็มไปด้วยพื้นที่ของหน้าจอแสดงผลที่ขยายให้ชิดขอบทุกด้าน และเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมหน้าจอรอยบากทรงหยดน้ำ ซึ่งเป็นพื้นที่รอยบากเล็กๆ สำหรับติดตั้งเลนส์กล้องหน้า ทำให้ได้พื้นที่หน้าจอแสดงผลเพิ่มขึ้นถึง 90.8% ของพื้นที่ด้านหน้า เป็นการใช้ประโยชน์พื้นที่ด้านหน้าได้อย่างเต็มที่จริงๆ โดยมีหน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล อัตราส่วนหน้าจอ 19.5:9 เป็นหน้าจอแบบยาวที่ให้มุมมองกว้างมากขึ้น เพื่อรองรับการแสดงผลคอนเทนท์และวิดีโอได้แบบเต็มตา แต่ขนาดตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่จนเกินไป ยังคงจับใช้งานถนัดในมือเดียว

 

หลายคนอาจไม่ทันสังเกตว่าลำโพงสำหรับคุยโทรศัพท์หายไปไหน รวมถึงเซ็นเซอร์ที่จำเป็นต้องอยู่ด้านหน้าก็ไม่เห็นมีเลย ซึ่งตรงนี้เองก็เป็นอีกหนึ่งการดีไซน์ที่ลำสมัยจาก OPPO ในการซ่อนลำโพง เซนเซอร์ต่างๆ และดูสะอาดตาด้วยการเคลือบผิวหน้าจอให้ดูเนียนเป็นพื้นหน้าจอที่ดำสนิท

 

OPPO F9 มีพอร์ตเชื่อมต่อแบบ microUSB และมีช่องหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5mm ใช้งานร่วมกับหูฟังทั่วไปได้

 

ถาดใส่ซิมเป็นแบบ 3 Slot รองรับซิมการ์ดขนาด Nano SIM จำนวน 2 ช่อง และใส่ microSD card เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บให้กับตัวเครื่องได้สูงสุด 256GB

 

ด้านหลังมีเลนส์กล้องคู่ครั้งแรกของสมาร์ทโฟนในซีรีย์ F โดยการวางโมดูลกล้องในแนวนอน เลนส์หลักมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (RGB) รูรับแสง f/1.8 และ 2 ล้านพิกเซล (Depth Sensor) รูรับแสง f/2.4 สำหรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ Portrait Mode

 

อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน

OPPO F9 รันระบบปฏิบัติการ ColorOS 5.2 ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ซึ่งก็เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดแล้วในขณะนี้ เป็นการปรับโฉมด้านสีสันและตัวหนังสือใหม่อีกครั้ง โดยตัวซอฟต์แวร์ถูกออกแบบเพื่อการใช้งานสำหรับหน้าจอที่มีความกว้างโดยเฉพาะ รวมถึงหน้าตาที่ดูเรียบง่าย สบายตา และไม่มีแอพขยะติดตั้งมาให้รกตัวเครื่องด้วย

 

เริ่มจากในหน้าจอหลัก แม้จะเป็นฟีเจอร์ที่มีมาตั้งแต่เวอร์ชั่นก่อนหน้า แต่เชื่อว่าหลายคนอาจแทบไม่เคยใช้งานหรืออาจยังไม่ทราบว่าช่วยให้เรียกใช้งานเมนูข้างในแอพทำได้รวดเร็วมากขึ้นจริงๆ เมื่อแตะค้างที่ไอคอนแอพพลิเคชั่นก็จะมีเมนด่วน (Quick Actions Menus) เด้งขึ้นมาให้เลือกใช้งานแตกต่างกันออกไปตามแต่ละแอพพลิเคชั่น เช่น แอพกล้องก็จะมีเมนู การถ่ายภาพบุคคล เซลฟี่หน้าสวย เซลฟี่สติกเกอร์ อัดวิดีโอ สามารถเลือกแตะใช้งานทันได้ที เป็นต้น

 

อย่างที่ทราบกันว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ OPPO มีเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยให้การจัดการสิ่งต่างๆ ในตัวเครื่องนั้นง่ายและสะดวกสบายกับผู้ใช้งานมากขึ้น ซึ่งบนระบบปฏิบัติการ ColorOS 5.2 ก็มีผู้ช่วยแบบชาญฉลาด (Smart Assistant) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่รวมข้อมูลต่างๆ ไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นสถาพอากาศ ติดตามก้าวเดิน กิจกรรมต่างๆ จากปฏิทิน แอพพลิเคที่ใช้งานบ่อยๆ และรายชื่อติดต่อโปรด เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใช้งานในคลิกเดียว โดยสามารถเข้าใช้งานได้โดยปัดหน้าจอโฮมไปทางขวาเพื่อเข้าสู่หน้าจอนี้

 

OPPO F9 มาพร้อมแอพพลิเคชั่นสำหรับจัดการโทรศัพท์ (Phone Manager) ที่คอยตรวจสอบการทำงานและแก้ไขให้กลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิมเพียงคลิกเดียว ไม่ต้องกดหาหรือไล่ลบแอพให้ยุ่งยากอีกต่อไปแล้ว

 

หน้าจอแสดงผลสวยงามรูปหยดน้ำที่กว้าง 19.5:9 ความคมชัดระดับ FullHD+ ทำให้การดูคอนเทนท์บนหน้าจอมีความคมชัด เป็นประโยชน์มากๆ เมื่อดูหน้าเว็บไซต์หรืออ่านบทความ ไม่ต้องเลื่อนหน้าจอบ่อยๆ และเมื่อดูหนังหรือวิดีโอก็จะได้มุมมองภาพแบบเต็มตาใกล้เคียงกับสัดส่วนภาพในโรงหนัง

 

เมื่อหน้าจอยาวและกว้างมากขึ้นแล้ว ทาง OPPO ก็ได้มีการเพิ่มฟีเจอร์การสั่งงานด้วยท่าทางการสัมผัสด้วยปลายนิ้วที่เรียกว่า Full Screen Gestures เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานมากกว่าการเอื้อมนิ้วไปกดปุ่มนำทาง

  • กลับสู่หน้าจอโฮมได้ง่ายๆ โดยการปัดขึ้นจากตรงกลางจอด้านล่าง
  • ย้อนกลับ ปัดขึ้นจากด้านล่างของจอฝั่งขวา
  • Multitasking ปัดขึ้นจากด้านล่างของจอฝั่งซ้าย
  • ศูนย์ตั้งค่า ปัดลงจากด้านบนจอ

ฟีเจอร์การสั่งงานด้วยท่าทาง นอกจากจะเป็นการมอบประสบการณ์การใช้งานใหม่ๆ และช่วยให้ง่ายในการใช้งานแล้ว ยังทำให้หน้าจอแสดงผลไม่มีปุ่มนำทางบดบังหรือเกะกะสายตาอีกด้วย

 

ฟีเจอร์การแบ่งหน้าจอ (Split Screen) สำหรับแบ่ง 2 หน้าจอ ใช้งานแอพพลิเคชั่นได้พร้อมกัน 2 แอพ เช่น เล่นเกมพร้อมกับแชทคุยกับเพื่อนๆ หรือดูวิดีโอและคุยแชทกับเพื่อนก็ทำได้ เป็นต้น

 

Smart Bar ช่วยสลับการใช้งานแอพ ส่งไฟล์ ตอบแชท จับภาพหน้าจอขณะดูวิดีโอหรือเล่นเกมได้โดยไม่ต้องสลับหน้าจอไปมา ช่วยเพิ่มความสะดวกและง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น โดยจะมีการแสดงไอคอนแอพ แบบลอยอยู่ด้านข้างหน้าจอ

ความฉลาดของ AI ในแอพพลิเคชั่นรูปภาพ มีความสามารถตรวจจับใบหน้าและจดจำใบหน้าของแต่ละบุคคลได้ เพื่อแยกเป็นอัลบั้มเดียวกัน ทำให้สามารถค้นหารูปภาพได้ง่ายมากขึ้น รวมถึงการแบ่งอัลบั้มตามสถานที่ และประเภทของรูปถ่ายได้ด้วย

 

แอพรูปภาพยังใช้ประโยชน์จากการจดจำใบหน้าด้วย AI ในการนำมาใช้ร่วมกับฟีเจอร์ที่เรียกว่า ความทรงจำ (Memories) เพื่อนำภาพถ่ายที่เกี่ยวข้องกับบุคคลนั้นๆ มาทำเป็นคลิปวิดีโอน่ารักๆ บันทึกถึงความทรงจำจากการถ่ายภาพในแต่ละช่วงเวลา เช่น ไปเที่ยวสถานที่ใดที่หนึ่ง ก็รวมเป็นคลิปเดียวกันได้ เป็นต้น

 

เราสามารถเลือกธีม (Theme) ให้กับคลิปวิดีโอ ใส่เสียงเพลง ภาพปก ข้อความ และแก้ไขรูปภาพได้ ซึ่งวิดีโอที่สร้างเสร็จแล้วจะบันทึกลงเครื่องหรือแชร์ลงโซเชียลได้ทันที

 

ฟีเจอร์ด้านการเชื่อมต่อรองรับเครือข่าย 4G และรองรับ VoLTE การโทรด้วยความเร็วสูงผ่านสัญญาณ 4G ที่ให้คุณภาพเสียงสนทนามีความคมชัดมากขึ้น สามารถใช้เน็ตไปพร้อมๆ กันได้ และยังรองรับ VoWi-Fi ที่สามารถโทรผ่านไวไฟได้อีกด้วย

 

ในเรื่องของความปลอดภัย นอกจากจะมีระบบสแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่องแล้ว ยังสามารถใช้การจดจำใบหน้าในการปลดล็อคหน้าจอได้ด้วย ช่วยเพิ่มความสะดวกและง่ายในการเข้าใช้งาน จากที่เปิดใช้งานถือว่าทำได้ดีมาก ปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว

 

ด้านประสิทธิภาพการทำงาน OPPO F9 ใช้ชิพประมวลผล Mediatek MT6771 Helio P60 ที่รองรับการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI โดยซีพียู Octa-core แบ่งการทำงานออกเป็น 2 ระดับตามการใช้งาน คือ Quad-core 2.0GHz Cortex-A73 และ Quad-core 2.0GHz Cortex-A53 พร้อมกราฟิกหรือจีพียูMali-G72 MP3 และแรม 6GB เล่นเกมได้ไม่มีปัญหา

 

ในการเล่นเกมสามารถเปิดโหมดการเร่งความเร็วเกม เพื่อเรียกใช้งานซีพียูและปรับจีพียูให้จัดลำดับความสำคัญให้มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการเล่นเกม และไม่ให้มีการรบกวนระหว่างเล่นเกมได้

 

แบตเตอรี่ขนาด 3500mAh มีระบบจัดการพลังงานด้วย AI ช่วยให้ใช้งานได้ยาวนานทั้งวันสำหรับการใช้งานทั่วไป และรองรับชาร์​จไว VOOC Flash Charge ด้วยไฟสูงสุด 5V/4A ช่วยให้ชาร์จเร็วกว่าการชาร์จปกติบนสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 4 เท่า ชาร์จเพียง 5 นาที ใช้โทรคุยกันได้นานถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งถ้าใครชาร์จสมาร์ทโฟนด้วยไฟ 1A หรือ 2A อยู่ ถ้าได้ชาร์จ OPPO ด้วยระบบ VOOC จะเห็นถึงความเร็วในการชาร์จที่ชัดเจนมากๆ จึงเป็นประโยชน์มากๆ ในช่วงเวลาเร่งรีบใช้งานสมาร์ทโฟน ฟีเจอร์นี้ช่วยได้เยอะมากๆ

 

กล้องเซลฟี่ 25 ล้านพิกเซล AI Beauty 2.1

เริ่มจากกล้องหน้าความละเอียด 25 ล้านพิกเซล มีเทคโนโลยีผู้ช่วย AI Beauty 2.1 สามารถตรวจจับใบหน้าและช่วยปรับแต่งใบหน้าให้ออกมาสวยงามอัตโนมัติ และยังช่วยปรับแต่งคอ แขน ให้ออกมาสวยสมบูรณ์ด้วย

 

ภาพเซลฟี่ในโหมดปกติที่มี AI ก็ได้ภาพที่ออกมาสวยสว่างและสวยธรรมชาติแล้ว ซึ่งถ้าหากเป็นการถ่ายย้อนแสงหรือที่แสงน้อยก็สามารถเปิด HDR เพื่อให้ได้รายละเอียดของภาพที่คมชัดมากขึ้น

 

เอฟเฟ็กต์โบเก้ (Bokeh Effect) เซลฟี่ด้วยกล้องหน้าแบบหน้าชัดหลังเบลอก็ทำออกมาได้ดีเกินคาด ละลายฉากหลังได้เนียนๆ

 

กล้องหน้ามีการเพิ่ม Super Vivid Mode ช่วยเพิ่มโทนสีให้ภาพเซลฟี่มีสีสันสดใส โดดเด่นมากขึ้น

 

AR Sticker เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยให้การเซลฟี่สนุกมากขึ้น ด้วยลูกเล่นสติกเกอร์น่ารักๆ ใส่ลงในภาพถ่ายขณะทำการถ่ายภาพ และให้มุมมองแบบ 3 มิติ สามารถเลือกใช้งานได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง มีให้เลือกใช้ได้หลายแบบ

 

กล้องหลังคู่ Portrait Mode หน้าชัดหลังเบลอ

ครั้งแรกที่สมาร์ทโฟนซีรีย์ F มีกล้องหลังเลนส์คู่ โดยเลนส์หลักมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (RGB) รูรับแสง f/1.8 และ 2 ล้านพิกเซล (Depth Sensor) รูรับแสง f/2.4 เพื่อการถ่ายภาพบุคคลหรือ Portrait ที่สวยงามมากขึ้น ซึ่งกล้องของ OPPO ในหลายรุ่นที่ผ่านมาจนมาถึงในรุ่นนี้ต้องยอมว่ากล้องหลังทำออกมาได้มากแม้จะเป็นการถ่ายภาพในโหมดปกติก็ตาม และยิ่งเป็นกล้องหลังคู่ด้วยแล้ว การถ่ายภาพ Portrait Mode สามารถถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังเบลอได้สวยเนียนเป็นธรรมชาติมากขึ้น

 

ภาพถ่าย Portrait Mode จะเห็นการว่าตัดขอบของตัวนางแบบและการทำเอฟเฟ็กต์ละลายฉากหลังนั้นทำออกมาได้สวยมากๆ แทบไม่เห็นรอยเลอะบริเวณขอบเลย แม้แต่เส้นผมก็ยังสามารถตัดขอบได้คม ก็คงต้องยกให้การพัฒนาด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของ OPPO ได้มีการพัฒนาให้ทำงานออกมาอย่างมีประสิทธิภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

Artistic Portrait Mode จัดแสงสวยแบบ 3D lighting

OPPO F9 ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลออกมาสวยจากการจัดแสงในรูปแบบต่างๆ ด้วยฟีเจอร์ที่เรียกว่า Artistic Portrait Mode โดยการใช้เทคนิคแสงแบบ 3D lighting ให้ออกมาสมบูรณ์แบบเหมือนอยู่ในสตูดิโอ  ได้แก่ Natural light, Rim light, Tone light, Film light และ Bi-color light

 

ภาพสวยมีชีวิตชีวาด้วย Super Vivid Mode

ถ่ายภาพได้คมและสวยแล้ว เฉดสีของภาพก็เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความรู้สึกได้เป็นอย่างดี ซึ่งใน OPPO F9 ได้มีการเพิ่มโหมด Super Vivid Mode ให้กับกล้องหลังด้วย เพื่อช่วยแต่งเติมสีสันให้ดูสวยงาม โดดเด่น มีชีวิตชีวามากขึ้นด้วย

 

กล้องหลังสามารถระบุภาพที่กำลังถ่ายได้ 16 ประเภท แล้วปรับค่ากล้องให้เหมาะการถ่ายภาพนั้นๆ อัตโนมัติ เช่น เมื่อหันกล้องไปที่อาหาร จะมีไอคอนอาหารขึ้นมา สามารถกดถ่ายภาพได้ทันที เราไม่ต้องตั้งค่ากล้องใดๆ เลย สะดวกมากๆ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง

 

สรุปจุดเด่น

  • OPPO F9 เป็นสมาร์ทโฟนที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว รูปลักษณ์สวยงามไม่เหมือนใคร ทั้งด้านดีไซน์การไล่เฉดสี และเพิ่มลวดลายกลีบดอกไม้ที่ฝาหลัง เป็นการนำแฟชั่นเข้ามารวมกับเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว
  • หน้าจอแสดงผลขนาด 6.3 นิ้ว มีรอยบากแบบหยดน้ำ ทำให้เห็นขอบดำน้อยลงมากเมื่อเทียบกับรอยบากแบบเดิม และความคมชัดระดับ FullHD+ ดูหนัง เล่นเกม ได้เต็มตามากขึ้น
  • ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบด้วย ColorOS 5.2 มีฟีเจอร์ใหม่ๆ ใช้งานเพียบ ซึ่งทำงานเทคโนโลยี AI ที่เข้ามาจัดการระบบได้อย่างชาญฉลาด
  • รุ่นที่นำเข้ามาวางจำหน่ายในเป็นรุ่นแรม 6GB ซึ่งช่วยให้การใช้งานมัลติทาสกิ้ง สลับแอพไปมาได้ลื่นไหลดี
  • กล้องหลังเลนส์คู่ ถ่ายภาพ Portrait Mode ได้สวยงามมากๆ และมีลูกเล่นอื่นๆ ให้การถ่ายภาพมีความสนุกมากขึ้นด้วย รวมไปถึงกล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล ถูกใจคนรักเซลฟี่อย่างแน่นอน
  • แบตเตอรี่ 3500mAh ชาร์จไว VOOC Flash Charge 5V/4A 20W ชาร์จ 5 นาที คุยได้ 2 ชั่วโมง

จุดสังเกตเพิ่มเติม

  • ไม่มี NFC

OPPO F9 สีแดง (Sunrise Red) และสีน้ำเงิน (Twilight Blue) วางจำหน่ายแล้ว และสีม่วง (Starry Purple จะเริ่มเปิดจอง 8 – 26 กันยายนนี้ ในราคา 10,990 บาท

เนื้อหาเกี่ยวข้อง

น้ำตาล – ฟิล์ม เสิร์ฟโมเมนต์รับวาเลนไทน์ไปกับ OPPO Reno13 Series 5G มาพร้อม AI Livephoto เปลี่ยนทุกภาพถ่ายให้มีชีวิต เก็บครบทุกโมเมนต์หวาน

DXOMARK ปล่อยรีวิวกล้อง OPPO Find X8 Pro มาแรง! ขึ้นที่ 4 ร่วมกับ iPhone 16 Pro Max

ลืออีก! OPPO Find X8 mini จะมาพร้อมหน้าจอ 6.3″ ได้ปุ่ม Alert Button และมีลุ้นเปิดตัวพร้อม Find X8 Ultra เดือนหน้า!?

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Read More