OPPO เปิดตัว ColorOS 11 บนพื้นฐาน Android 11 เพิ่มฟีเจอร์ใหม่, ดีไซน์ใหม่ พร้อมปรับปรุงประสิทธิภาพ

OPPO เปิดตัวระบบปฏิบัติการ ColorOS 11 บนพื้นฐาน Android 11 อย่างเป็นทางการเรียบร้อย มาในสโลแกน “Make Life Flow” เพื่อชีวิตที่ราบรื่น โดยเพิ่มประสิทธิภาพและมีฟีเจอร์ใหม่ๆ เพียบครับ

เริ่มแรก ColorOS 11 ได้ร่วมมือกับ Google ที่สมาร์ทโฟน OPPO จะได้ใช้งาน Google Lens ที่ใช้ AI ในการแปลภาษาได้ทันทีที่มีตัวอักษรอยู่ในรูปภาพ ทั้งยังสามารถเลือกตำแหน่งตัวอักษรในภาพเพื่อแปลได้บางคำที่ต้องการด้วย

“Creat Your Flow”

ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนโฉมวอลเปเปอร์ด้วยฟีเจอร์ Wallpaper Customization ผู้ใช้งานสามารถเลือกวอลเปเปอร์เพื่อใช้งานได้ตามภาพที่ถ่ายหรือในแกลเลอรี่ ซึ่งระบบจะปรับแต่งสีพื้นหลังให้เข้ากับภาพที่เราเลือก นอกจากนี้ เรายังสามารถปรับแต่งไอคอนหรือ UI ต่างๆ ได้ตามใจชอบ

ColorOS 11 มาพร้อมกับฟีเจอร์ Customizable AOD การปรับแต่ง Always-On Display ที่ปรับให้สวยงามขึ้นได้ตามความต้องการของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นภาพในรูปแบบต่างๆ, ขนาดตัวอักษร, สีสัน รวมถึงการเขียนตัวอักษรขึ้นมาเองได้ด้วย

OPPO Relax 2.0 แอปพลิเคชั่นให้เราได้ฟังเสียงของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นทะเล, ลม, ฝนตก โดยผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งเสียงบรรยากาศได้เองตามความชอย นอกจากนี้ ColorOS 11 ยังมีเสียงของเมืองต่างๆ ในโลก ทำให้เรานึกถึงเมืองที่ได้ยินได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีเมืองหลวงของไทยอย่างกรุงเทพเข้ามาด้วย

Dark Mode สามารถเปลี่ยนได้ 3 แบบ ได้แก่ Pitch Dark, Blue Dark และ Gray Dark โดยสามารถปรับได้ตามใจชอบ 1 อย่างตามสภาวะที่อยู่ครับ หรือสามารถปรับให้เปิดเองโดยอัตโนมัติตามเวลาหรือพระอาทิตย์ขึ้น/ตกครับ

ColorOS 11 สามารถให้ผู้ใช้งานเลือกได้ว่าจะเปิดแอปพลิเคชั่นแบบหน้าต่างลอยหรือหน้าต่างแบบเล็ก ทั้งนี้ เราสามารถลากไฟล์ไปยังแต่ละแอปได้ง่ายๆ (Drag and Drop) ทั้งยังมี Smart Side Bar เพื่อเปิดแอปได้อย่างรวดเร็วด้วย

ฟีเจอร์ Nearby Share ก็มีมาให้ด้วย โดยสามารถส่งไฟล์ให้กับสมาร์ทโฟน Android เครื่องอื่นได้อย่างรวดเร็ว

Quantum Animation Engine 2.0 ช่วยให้การสัมผัสบนหน้าจอของรุ่นที่ใช้ ColorOS 11 มีความไหลลื่นด้านแอนิเมชั่นมากขึ้น และตอบสนองได้ไวกว่าเดิม

ใน ColorOS 11 มีฟีเจอร์ Super Power Saving Mode หรือการประหยัดพลังงานสูงสุด โดยแบตเตอรี่เหลือเพียง 5 % ก็ช่วยให้สามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 12 ชั่วโมง หรือแชทได้ต่อ 1.5 ชั่วโมง และโทรศัพท์ได้นาน 1 ชั่วโมง ทั้งยังมี Battery Guard เพื่อป้องกันการชาร์จเกินกำลังในตอนกลางคืน ระบบจะเรียนรู้ว่าเราจะตื่นตอนไหน และจะชาร์จเต็ม 100% พอดีในช่วงที่เราตื่น

ColorOS 11 ยังเน้นเรื่องระบบความปลอดภัย ที่จะมีการแจ้งเตือนเพื่อขอนุญาตเมื่อมีการใช้ไมโครโฟนหรือตำแหน่ง ทั้งยังมี Private System ที่เป็นพื้นที่ที่ 2 แยกออกจากการพื้นที่หลัก และต้องใช้รหัสผ่านคนละชุดในการเข้าถึงด้วย

ColorOS 11 Beta จะเริ่มปล่อยอัปเดทให้กับ Find X2 Series แล้วในวันนี้ ตามมด้วยรุ่นอื่นๆ อีกเพียบตามภาพเลยครับ

ส่วนในการปล่อยอย่างเป็นทางการในฝั่งของยุโรปที่แรก เริ่มด้วย OPPO Find X2 Pro, Find X2 Pro Automobili Lamborghini Edition ในเดือนธันวาคมนี้ ตามด้วย Find X2 Neo และ Find X2 Lite ขณะที่รุ่นอื่นๆ รอการประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้งครับ

ที่มา : OPPO 1, 2

เนื้อหาเกี่ยวข้อง

น้ำตาล – ฟิล์ม เสิร์ฟโมเมนต์รับวาเลนไทน์ไปกับ OPPO Reno13 Series 5G มาพร้อม AI Livephoto เปลี่ยนทุกภาพถ่ายให้มีชีวิต เก็บครบทุกโมเมนต์หวาน

DXOMARK ปล่อยรีวิวกล้อง OPPO Find X8 Pro มาแรง! ขึ้นที่ 4 ร่วมกับ iPhone 16 Pro Max

ลืออีก! OPPO Find X8 mini จะมาพร้อมหน้าจอ 6.3″ ได้ปุ่ม Alert Button และมีลุ้นเปิดตัวพร้อม Find X8 Ultra เดือนหน้า!?

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Read More