POCO F6 Series เปิดตัวทางการเรียบร้อย ก่อนหน้านี้เราได้แกะกล่อง POCO F6 กันไปแล้ว วันนี้ก็ถึงคิว POCO F6 Pro กันบ้าง รุ่นนี้ถือเป็นเรือธงของ POCO ในปีนี้ ด้วยสเปคที่อัดแน่นทั้งชิป Snapdragon 8 Gen 2 กล้องหลังตัวใหม่ 50MP เซ็นเซอร์ Light Fusion 800 ระบบชาร์จเร็ว 120W HyperCharge จึงทำให้รุ่นนี้จัดเป็นเรือธงที่เก่งรอบด้านเลยทีเดียว ไหน ๆ ก็ได้มีโอกาสจับเครื่องจริงมาแล้วเลยขอมาแกะกล่องพรีวิวให้ชมกันสักหน่อย ใครกำลังเล็งรุ่นนี้อยู่ ติดตามกันได้เลยครับ!
แกะกล่อง POCO F6 Pro
ตัวกล่องของ POCO F6 Pro จะมีสีดำที่มีชื่อรุ่นและโลโก้แบรนด์สีเหลืองตัดกันอยู่เด่น ๆ ได้เอกลักษณ์ของแบรนด์มาอย่างเต็ม ๆ เลยล่ะครับ
ที่ด้านล่างกล่องจะมีข้อมูลทั้งสีในเครื่องและความจุที่ได้มาอยู่ด้วย เราสามารถเช็กก่อนได้เลยว่าตรงกับรุ่นที่เราต้องการไหมเนาะ ซึ่งรุ่นที่เราแกะกล่องให้ชมนี้จะเป็น POCO F6 Pro สีดำความจุสูงสุด 16GB+1TB ครับผม
เปิดกล่องออกมาเราจะเจอกับกล่องชั้นแรกที่ภายในจะมีอุปกรณ์เสริมอย่าง เข็มจิ้มถาดซิม, เอกสารคู่มือ และเคสซิลิโคนที่เป็นแบบทึ่บสีเทาเหมือนทุกที
ถัดลงไปจะเจอกับตัวเครื่องที่อยู่ในซองอย่างเรียบร้อย ที่ด้านหน้าซองจะมีระบุไฮไลท์เด่นของรุ่นนี้ไว้ครบ ประกอบด้วย ชิปเซ็ตเรือธง Snapdragon 8 Gen 2, ระบบชาร์จเร็ว 120W HyperCharge, หน้าจอ Flow AMOLED 120Hz WQHD+, กล้องหลัง 3 ตัว 50MP พร้อม OIS และดีไซน์พรีเมี่ยมที่ใช้กรอบเครื่องโลหะ
ส่วนอุปกรณ์เสริมในการชาร์จก็ให้มาครบทั้งที่ชาร์จเร็ว 120W HyperCharge ตรงตามสเปคและสายชาร์จ USB-C to A ไม่มีตัดอะไรออกไปครับ
เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ในกล่องของ POCO F6 Pro ก็ให้มาทั้งหมด 6 อย่างประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง POCO F6 Pro
- เคสซิลิโคน
- สายชาร์จ USB-C to USB-A
- อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 120W HyperCharge
- เข็มจิ้มถาดซิม
- เอกสารคู่มือ
ดีไซน์ POCO F6 Pro
มา! ถึงเวลายลโฉม POCO F6 Pro แบบเต็ม ๆ กันแล้วครับ อย่างที่ระบุไว้ในไฮไลท์รุ่นนี้มาพร้อมดีไซน์พรีเมี่ยมระดับเรือธงมาก ๆ ด้วยฝาหลังที่โดดเด่นจากกระจก Velvet Glass ผิวสัมผัสแบบด้าน และยังมีความโค้งแบบ 4 ด้านที่ช่วยให้เราจับได้เข้ามือและนุ่มนวลอีกด้วย
ส่วนสีสัน POCO F6 Pro จะมีให้เลือก 2 สีคือสีขาวและสีดำ ซึ่งทั้งคู่จะมีลวดลายที่ฝาหลังเพิ่มความสวยงามและโดดเด่นเข้าไปอีก ตรงนี้ POCO บอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากสีของดวงจันทร์โดยสีขาวคือส่วนที่สว่างที่สุดและสีดำคือส่วนที่มืดที่สุดนั่นเองครับ
ทั้งคู่จะมีความโดดเด่นกันคนละแบบโดยสีขาวจะได้ความหรูหราแบบเรียบง่ายด้วยกรอบเครื่องโลหะที่เด่นชัดเจนเพราะเป็นอลูมิเนียมแบบดั้งเดิม แต่ถ้าเป็นสีดำก็จะเป็นกรอบโลหะที่ทำสีดำเข้ามาเพิ่มเติมนั่นเองครับ
ด้านบนของฝาหลังจะเห็นว่ามีฐานกล้องเป็นสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ผิวมันวาวตัดกับฝาหลังที่เป็นผิวด้านได้เป็นอย่างดีพร้อมกับวงแหวนกล้อง 3 วงบวกกับไฟแฟลชอีก 1 วงสร้างความหรูหรา แถมยังมีโลโก้ POCO และข้อความ 50MP OIS ระบุถึงกล้องหลักของรุ่นนี้อีกด้วย
ซึ่ง 2 สีจะมีความแตกต่างในเรื่องกรอบเลนส์อยู่นิดหน่อยคือสีดำจะได้กรอบตัดสีทองเพิ่มความเท่เข้ามา แต่สีขาวอย่างที่บอกว่าเน้นเรียบหรูจึงได้เป็นกรอบสีดำคลาสสิคแทนครับ
พลิกกลับมาดูที่หน้าจอกันบ้าง POCO F6 Pro มาพร้อมหน้าจอ Flow AMOLED ขนาด 6.67″ ความละเอียด WQHD+ (3200×1440 พิกเซล) แบบจอแบนน่าจะถูกใจคนที่ไม่ชอบหน้าจอโค้ง ขอบหน้าจอก็เบางชิดขอบดีมาก ๆ อีกด้วยครับ
เป็นจอเกรดสูงมากเพราะความละเอียดที่ให้มามากระดับ 2K แล้ว สวยคมเวลาชมคอนเทนต์ความละเอียดสูง ๆ และทีเด็ดอีกอย่างคือความสว่างสูงสุดที่ทำได้มากสุดที่ 4000nits เลยด้วยครับ
ในเรื่องการตอบสนองทำได้ดีเหมือนกันด้วย Refresh rate สูงสุด 120Hz ตอบสนองการเลื่อนหน้าจอต่าง ๆ ได้อย่างลื่นไหล
รอบ ๆ ตัวเครื่อง วางตำแหน่งได้ดีเหมือนกับ POCO รุ่นอื่น ๆ ด้านล่างตัวเครื่องมีพอร์ต USB-C ไมโครโฟน ลำโพงหลักของตัวเครื่องและช่องใส่ซิมการ์ด
ส่วนด้านบนตัวเครื่องจะมี IR Infrared และไมโครสำหร้บตัดเสียงรบกวนครับ
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ POCO F6 Pro ก็ถือว่ายกระดับขึ้นมาอีกขั้นด้วยความพรีเมี่ยมของวัสดุที่ใช้ฝาหลังกระจก Velvet Glass พร้อมลวดลายเท่ ๆ และกรอบเครื่องโลหะ หน้าจอ WQHD+ สว่างสูงสุดได้ถึง 4000nits อีก รวม ๆ แล้วลงตัวแบบเรือธงจริง ๆ ครับรุ่นนี้
สเปค POCO F6 Pro
สำหรับสเปคภายก็เป็นอีกจุดเด่นของ POCO F6 Pro รุ่นนี้มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 2 ชิปเรือธงรุ่นก่อน ที่ยังคงแรงเหลือ ๆ ในปี 2024 นี้ ทั้งกาประมวลผลทั่วไปจนถึงการประมวลผลด้าน AI ต่าง ๆ นอกจากนี้ รุ่นนี้ยังได้ความจุระดับเรือธงคือ RAM LPDDR5X สูงสุด 16GB และ Storage แบบ UFS 4.0 สูงสุดที่ 1TB อีกต่างหากครับ!
ซึ่ง POCO เองก็เคลมว่ารุ่นนี้สามารถทำผลทดสอบจาก AnTuTu ไปได้สูงถึง 1642770 แต้มเลยทีเดียว เรียกว่ายังแรงมาก ๆ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี LiquidCool 4.0 พร้อม WildBoost Optimization 3.0 ที่ช่วยจัดการการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วย
ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ POCO F6 Pro มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh ใหญ่เพียงพอสำหรับสายเกมและความบันเทิงแน่นอน และระบบชาร์จก็ได้เร็วถึง 120W HyperCharge เร็วสุดในทุกด้านจริง ๆ
ซอฟต์แวร์ POCO F6
POCO F6 Pro มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 14 ที่ครอบทับมาด้วย HyperOS ล่าสุดของทาง Xiaomi เลย ทั้งความลื่นไหลและลูกเล่นยังมีให้ครบและน่าสนใจเหมือนเดิม
กล้อง POCO F6 Pro
สำหรับกล้องของ POCO F6 Pro ก็ไม่ธรรมดา ด้วยกล้องหลัง 3 ตัว พร้อมเซ็นเซอร์กล้องหลักใหม่ล่าสุด มีสเปคทั้ง 3 ตัวดังนี้เลย
- 50MP กล้องหลัก (เซ็นเซอร์ Light Fusion 800) f/1.6 พร้อม OIS
- 8MP กล้อง Ultra Wide f/2.2
- 2MP กล้อง Macro f/2.4
สำหรับกล้องหลัก Light Fusion 800 ตัวใหม่นี้จะมีขนาดใหญ่ 1/1.55″ ที่ POCO เคลมว่ามีพื้นที่รับแสงมากขึ้นถึง 62% มีระบบ Dual Native ISO Fusion Max เพื่อ Dynamic Range ที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมี Burst mode 2.0 ที่สามารถถ่ายภาพรัวได้ 30 ภาพใน 1 วินาทีอีกด้วย!
สรุปสเปค POCO F6 Pro
- หน้าจอ : Flow AMOLED ขนาด 6.67″
- ความละเอียด : WQHD+ (3200×1440 พิกเซล), ความสว่างสูงสุด 4000nits
- Refresh rate : 120Hz
- ชิปเซ็ต : Snapdragon 8 Gen 2 Octa-Core 3.19GHz (4nm)
- RAM : 12GB/16GB (LPDDR5X)
- Storage : 256GB/512GB/1TB (UFS 4.0)
- แบตเตอรี่ : 5000mAh
- ระบบชาร์จ : ชาร์จเร็ว 120W HyperCharge
- กล้องหน้า : 16MP
- กล้องหลัง : 3 ตัว
- 50MP กล้องหลัก (Light Fusion 800) f/1.6 พร้อม OIS
- 8MP กล้อง Ultra Wide f/2.2
- 2MP กล้อง Macro f/2.4
- ระบบปฏิบัติการ : Android 14 (HyperOS)
- สีสัน : ดำ, ขาว
ราคา POCO F6 Pro
ก่อนจากกันเราขอสรุปราคา “เครื่องศูนย์ไทย” ของ POCO F6 Pro กันหน่อย โดยรุ่นที่ขายบ้านเราจะมีให้เลือก 2 สีคือ ดำ, ขาว พร้อม 3 ตัวเลือกความจุดังนี้เลย
- รุ่น 12GB+256GB ราคา 15,990 บาท
- รุ่น 12GB+512GB ราคา 17,990 บาท
- รุ่น 16GB+1TB ราคา 19,990 บาท
พร้อมโปรโมชั่น Early Bird เมื่อซื้อระหว่างวันที่ 23 – 31 พฤษภาคม 2567 ที่ Shopee และ mi.com/th ได้ราคาพิเศษ 14,990 บาท (รุ่น 12GB+256GB), 16,990 บาท (รุ่น 12GB+512GB) 18,990 บาท (รุ่น 16GB+1TB) และครับผม
มีมือถือเครื่องใหม่แล้ว อย่าลืมนำมือถือเครื่องเก่ามาทิ้งให้ถูกที่เพื่อโลกที่ดีกว่าไปด้วยกันนะครับ
AIS ชวนทุกคนมาฝากทิ้ง E-Waste หรือมือถือเก่า ที่ AIS Shop และจุดรับทิ้งกว่า 2,500 จุดทั่วประเทศ เช็กจุดรับทิ้งได้ที่ https://sustainability.ais.co.th/th/sustainability-projects/ais-ewaste/collection-channels