รีวิว ROG Ally เครื่องเกม PC พกพาตัวแรกจาก ASUS มันน่าโดนแค่ไหนนะ !?

รีวิว ROG Ally เครื่องเกม PC พกพาตัวแรกจาก ASUS ที่ได้รับความสนใจไปไม่น้อย เพราะทั้งสเปคที่น่าสนใจกับชิป AMD Ryzen Z1 Extreme, หน้าจอ 7″ 120Hz และความแบรนด์เกมมิ่ง ROG ลงมาเล่นตลาดนี้เองด้วย หลังจากที่เราแกะกล่องพรีวิวไปแล้ว วันนี้ก็จะขอมาเล่าประสบการณ์จากการเล่นเกมจริง ๆ บนเครื่องเกมตัวนี้สักหน่อย

เชื่อว่าหลายคนคงสนใจเครื่องเกมตัวนี้อยู่ไม่น้อย ทั้งฟิลลิ่งการจับถือ ปุ่มกด หรือสเปคที่ให้มานั้นเล่นเกมได้ถึงใจแค่ไหนเนาะ พร้อมแล้วติดตามครับ!

รูปลักษ์ที่เป็นเอกลักษณ์จาก ROG มาเลย

เริ่มที่เรื่องดีไซน์ก่อนเลย ROG Ally ก็มาในทรงเครื่องเกมพกพายุคใหม่ มีหน้าจอขนาดใหญ่ 7″ ตรงกลางพร้อมปุ่มกดและอนาล็อกอยู่ 2 ฝั่งซ้าย-ขวา พร้อมลวดลายเส้นและความเท่ในแบบที่เห็นแล้วก็รู้ได้เลยว่านี่คือเครื่องเกมจาก ASUS ตัวเครื่องใช้สีขาว คล้ายพวก ROG Phone ยุคหลัง ๆ ที่มาเน้นสีขาวแทนสีดำเข้ม ๆ ครับ

ตัวเครื่องมีขนาดที่ใหญ่กว่าที่คิดไว้พอสมควร จะบอกว่าเต็มไม้เต็มมือก็คงไม่ผิดหนัก บอดี้ตัวเครื่องเป็นพลาสติกด้านที่สัมผัสได้ดีไม่มันหรือลื่นมือจนเกินไปเวลาถือเล่น รอบ ๆ เครื่องมีการตัดขอบเหลี่ยมกับมุมเว้ารับฝ่ามือได้ดีเวลาถือเครื่อง ส่วนน้ำหนักก็จะอยู่ที่ 608 กรัม ถามว่าหนักไหม ก็มีบ้างแหละครับถ้าเราถือเล่นนาน ๆ

ตัวหน้าจอ 7″ ของ ROG Ally ก็แสดงผลได้ดีครับ เป็นจอ IPS LCD ความละเอียด FHD อัตราส่วน 16:9 ก็คือเข้ากับเกมได้เป็นอย่างดี ความสว่างสูงสุด 500nits ในเรื่องสีสันก็ทำได้ดีครับตัวกระจกใช้เป็น Gorilla Glass Victus ที่เคลือบด้วย Gorilla Glass DXC มาอีกชั้น ตรงนี้ ASUS เคลมว่าช่วยลดแสงสะท้อนได้ดีเลย รองรับการสัมผัสเต็มรูปแบบและมี Refresh rate สูงสุด 120Hz ใช้งานได้ดีไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนเลยครับ

ปุ่มกดคุณภาพสูงวางตำแหน่งแบบจอย XBOX

ตัวปุ่มกดก็จะวางตำแหน่งเหมือนจอย XBOX ปุ่ม ABXY อยู่ฝั่งขวา มีอนาล็อกอยู่ด้านล่าง และฝั่งซ้ายจะวางอนาล็อกอยู่ด้านบนสลับปุ่ม D-Pad อยู่ด้านล่างแทนครับ

ตัวปุ่มเป็นแบบ Flat Dome โค้งองศาได้และกดได้เด้งคล้ายจอย XBOX เลย กดสนุกไม่แข็งจนเกินไปครับ ถือว่าเป็นจุดเด่นของ ROG Ally ที่เราชอบมากเพราะเวลาเล่นจะได้ความรู้สึกถึงจอยคุณภาพสูงจริง ๆ

ที่อนาล็อกก็มีลูกเล่นไฟ RGB เอาใจเกมเมอร์ทั้งหลายสักหน่อย และความแข็งแรงก้านอนาล็อกก็ดีงามมาก อย่างที่บอกว่าเหมือนเราเล่นจากจอย XBOX จริง ๆ ไม่ต้องกลัวเลื่อนแรง ๆ แล้วจะค้างหรือเสียเลย

ลำโพงตัวเครื่องก็จะอยู่ที่ด้านหน้านี้เลยให้มา 2 ตัวซ้าย-ขวา เสียงยิงตรงใช้ได้เลย ถือว่าออกแบบมาดีทีเดียวเพราะเมื่อเราถือเล่นก็จะได้ยินชัดและมิติแม่นยำ แถมเสียงที่ออกมาก็ดังมากด้วย เล่นแบบไม่ต้องพึ่งหูฟังก็ได้อรรถรสมาก ๆ แล้ว

ด้านบนจะมีปุ่ม Shoulder Button เหมือนของ XBOX อีกนั่นแหละครับแบ่งเป็น RB LB ปุ่มแบนเล็กและปุ่ม RT LT แบบ Trigger กดง่ายและมีน้ำหนัก ไม่หลวมหรือหน่วงจนเกินไป

แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะที่ด้านหลังก็ยังมีปุ่ม M1 M2 ที่ให้เราตั้งค่าเป็นปุ่มเสริมอื่น ๆ ได้ด้วยครับ ตรงนี้เราสามารถตั้งค่าปุ่มเพิ่มเติมได้เอง เผื่อปุ่มปกติไม่พออะเนาะ

ฝาหลังก็ยังไม่ทิ้งความเท่ในฉบับเกมมิ่ง

ส่วนดีไซน์ด้านหลังก็จัดเต็มใส่โลโก้ ROG ที่เจาะเป็นช่องพัดลม 2 ตัวคู่กับอีกฝั่งและกระจายลมร้อนออกด้านบนครับ ส่วนตรงกลางยังมีแถบคาดเป็นสีรุ้งเพื่อเพิ่มความเป็นเกมมิ่งเข้าไปได้อีกด้วย

และด้านบนเราจะเห็นส่วนประกอบหลายอย่างเลยไล่จากซ้ายไปขวาก็มีช่องหูฟัง 3.5 มม., ช่องใส่ microSD , พอร์ตการเชื่อมต่อชุดการ์ดจอแยก XG Mobile, พอร์ต USB-C, ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง, ไฟ LED สถานะ และปุ่ม Power ที่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ภายในด้วยครับ

สำหรับเรื่องดีไซน์ก็ต้องบอกว่าทำได้น่าประทับใจครับ มีความเกมมิ่งแบบชัดเจนมาก ทั้งรูปลักษณ์และความรู้สึกในการจับถือทำได้ลงตัว ปุ่มกดคุณภาพสูงขนาดพอดี กดได้อย่างสะใจ อนาล็อกควบคุมได้แม่นยำและทนทาน มีปุ่มเสริม M1 M2 มาให้สำหรับสายปรับแต่งได้ใช้งาน หน้าจออัตราส่วนเหมาะสีสันและการตอบสนองก็ดีเลยด้วยครับ จะมีจุดจุดสังเกตอยู่นิดหน่อยตรงน้ำหนักเครื่องจะอยู่ที่ราว ๆ 608 กรัม แอบหนักเหมือนกันถ้าถือเล่นนาน ๆ คงมีปวดข้อมือได้อยู่ครับ

รันด้วย Windows 11 พร้อมซอฟต์แวร์ที่รองรับหลายอย่าง

แม้ภายนอก ROG Ally จะเหมือนเครื่องเกมระบบปิด แต่จริง ๆ แล้วภายในใช้เป็น Windows 11 ปกติเลยครับ ซึ่งจะมีการทำ UI ครอบทับด้วย Armoury Crate SE มาอีกที เพิ่มความเป็นเครื่องเกมขึ้นมาอีกเหมือน Dashboard รวมเกมที่มีบนเครื่องไว้ รวมถึงการตั้งค่าอื่น ๆ ของเครื่องในนี้ด้วยครับ

ซึ่ง UI ก็เข้าใจง่ายครับมีแบ่งหน้ารวมเกมที่ดึงมาได้จากทุก Store ที่ติดตั้ง ตัวเครื่องเองจะรองรับทั้ง PC Game Pass, Steam, EA Play, Epic Game Store หรือช่องทางอื่น ๆ

ในการตั้งค่าของระบบก็ทำได้หลากหลายเลย ไม่ว่าจะเป็นการ Mapping ปุ่ม, ปรับระดับของปุ่มอนาล็อก/Trigger, ไฟ RGB, หรือ Game Profile เรียกว่าถูกใจเกมเมอร์ที่ชอบการปรับแต่งเลยล่ะ

นอกจากนี้ ROG Ally ยังมีปุ่ม Command Center ที่สามารถเรียกทางลัดขณะที่เราเล่นเกมหรือใช้งานทั่วไปแบบด่วน ๆ อาทิ ปรับโหมดตัวเครื่อง, ปรับรูปแบบการควบคุม, Game Profile, เปิด-ปิด Real-time Monitor, ปรับความละเอียดหน้าจอ, ปรับ Refresh rate หรือแคปหน้าจอ, อัดวิดีโอหน้าจอก็มาตั้งค่าในนี้ได้เช่นกันครับ

แต่ความได้เปรียบของระบบ Windows 11 แบบเต็ม ๆ ก็คงไม่หมดแค่นี้ เพราะเราสามารถกดออกไปหน้า Desktop ได้เหมือนคอมพิวเตอร์พกพาสักเครื่องเลย มีไอคอนโปรแกรมบนหน้าจอและมี Taskbar อะ…ที่นี้เราอยากจะดาวน์โหลดโปรแกรมหรือเกมในช่องทางอื่น ๆ นอกจาก Store ที่รองรับก็ได้เลย เข้าเว็บโหลดนั่นนี่มาเพิ่มได้เลย

หรือจะใช้งานด้านอื่นเสริม จะเข้าเว็บไซต์ ดู YouTube หรือ Netflix ก็ทำได้เพิ่มเติม ข้อดีของการเป็น Windows 11 เต็ม ๆ ก็เหมือนจะได้เปรียบเรื่องนี้เหมือนกัน ไม่ใช่แค่เครื่องเล่นเกมที่เล่นได้แต่เกมน่ะเนาะ

หรือสายทำงานที่ต้องการโหลดแอปอื่น ๆ มาแก้งานนิดหน่อย ก็มี Microsoft Office ติดตั้งมาให้แล้ว หรือจะดาวน์โหลดเพิ่มจาก Windows Store ดาวน์โหลดจากหน้าเว็บมาติดตั้งเองก็ได้หมดครับ

สเปคที่แรงพอจะเล่นเกมระดับสูงได้หมด

สำหรับสเปคภายในของ ROG Ally จะใช้ชิป AMD Ryzen Z1 Series ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ มีให้เลือก 2 รุ่นคือ Ryzen Z1 กับ Ryzen Z1 Extreme ซึ่งรุ่นที่เราได้ลองนี้เป็นตัว Extreme ตัวท็อปเลย มีความจุภายใน 16GB (LPDDR5) + 512GB (PCle Gen 4) ด้วยสเปคระดับนี้ทาง ASUS เคลมว่าสามารถเล่นเกมระดับ AAA ได้ทั้งหมด!

ซึ่งเราได้ทดสอบกับหลาย ๆ เกมอาทิ GTA V, Counter Strike Global Offensive, Marvel’s Avengers, Ryse: Son of Rome, Overcooked 2 หรือ Overwatch 2 ก็สามารถปรับกราฟิกได้ในระดับสูงแทบทั้งหมด ด้วยขนาดหน้าจอระดับ 7″ เราว่ากราฟิกระดับกลาง-สูงก็เพียงพอมาก ๆ แล้วล่ะครับ

ด้วยสเปคที่สูงระดับนี้ทำให้เกมโปรดบน PC ของเราสามารถเล่นได้อย่างราบรื่นในระดับที่น่าพอใจจริง ๆ ครับ สมแล้วกับที่ ASUS ใช้สโลแกนว่า #PlayALLYourGames จริง ๆ ครับ ตรงนี้ทำได้ดีกว่าที่เราคิดไว้ตอนแรกมาก เกมที่เคยเล่นบนคอมแรง ๆ เดี๋ยวนี้เล่นได้ลื่น ๆ บนเครื่องเท่านี้แล้วอะ

ความร้อนก็ถือว่าจัดการได้ดีเลยครับ แม้ตอนที่เล่มเกมหนัก ๆ จะมีความร้อนจากหน้าจอหรือไอร้อนที่ออกมาบ้าง แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ แถมช่องระบายอากาศก็ยังอยู่ด้านบนที่เราไม่ค่อยไปสัมผัสโดนเท่าไหร่ครับ

ด้วยรูปแบบเครื่องเกม Handheld เกมที่เหมาะกับเครื่องแนวนี้คงต้องเป็นเกมบุคคลที่ 3 หรือเกมที่ถูกออกแบบมาให้เล่นร่วมกับจอยคอนโทรลเลอร์เป็นหลัก เท่าที่เราลองอย่างพวก GTA V, Overcooked 2 หรือ Marvel’s Avengers นี่เหมาะเลย

แต่หากเรามาเน้นเล่นเกมแนว FPS อย่าง Counter Strike หรือ Overwatch 2 ก็อาจจะไม่เหมาะนัก เพราะเกมแนวนี้อาจจะเล่นกับเม้าส์กับคีย์บอร์ดสนุกกว่าเนาะ

แต่ก็นั่นล่ะครับ (ขออีกแต่) ด้วยความที่ ROG Ally ใช้ระบบ Windows 11 จริง ๆ เลย ตัวเครื่องก็เหมือนโน้ตบุ๊คหรือแท็บเล็จแรง ๆ สักเครื่องเราสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมอย่างเม้าส์, คีย์บอร์ด, ต่อจอยเพื่อเล่น 2 คน หรือจะต่อออกจอมอนิเตอร์ให้กลายเป็นเครื่องคอนโซลไปเลยก็ได้เหมือนกัน

หรือถ้าอยากได้ประสิทธิภาพสูงสุดเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นเครื่องเกม PC แรง ๆ ไปเลย ASUS ก็ยังมีพอร์ต XG Mobile ที่ยกระดับพลังการ์ดจอให้ไปถึงระดับ RTX4090 ไปเลย ทีนี้อยากปรับสุดแค่ไหนก็หายห่วงล่ะครับ

ประสบการณ์ก็ถือว่าประทับใจครับ เหมือนเราได้เล่นเกม PC ฟอร์มยักษ์แบบพกพาได้จริง ๆ ด้วยสเปคที่สามารถรัยเกมใหญ่ ๆ ได้ไหว การควบคุมด้วยปุ่มต่าง ๆ ROG Ally ก็คล่องตัวเหมือนใช้จอย XBOX คุณภาพสูงจริง ๆ จุดสังเกตเท่าที่ลองเล่นคงเป็นเรื่องแบตเตอรี่นี่แหละครับ เพราะถ้าเล่นแบบจริงจัง ชม.กว่า ๆ ก็หมดเกลี้ยงแล้ว บางเกมยังไม่ทันจบ Tutorial ก็แบตฯหมดแล้วนะ ไม่ถึง 2 ชม.เนี่ย

แต่โชคดีที่ ROG Ally รองรับระบบชาร์จแบบ Power Delivery (PD) ที่ใช้เวลาไม่นานก็ชาร์จกลับมาให้เราได้เล่นต่อกันอีกแล้ว นั่นหมายความว่าเราสามารถใช้งานร่วมกับ Powerbank ที่รองรับ PD เพื่อชาร์จเวลาออกไปเล่นนอกบ้านได้อีกด้วย

ราคา ROG Ally

สำหรับราคาของ ROG Ally ก็เปิดตัวมาที่ 24,990 บาท โดยจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

สรุปแล้ว “นี่คืออีกหนึ่งไอเท็มที่เกมเมอร์ควรมีไว้ในครอบครอง”

สรุปแล้ว ROG Ally ก็ถือเป็นเครื่องเกม PC พกพาเครื่องแรกจาก ASUS ที่ทำให้เราประทับใจได้มากกว่าที่คิดไว้เยอะครับทั้งดีไซน์ที่สวยงามดูเป็นเครื่องเกมยุคใหม่ที่พร้อมให้เราหยิบขึ้นมาเล่นเกมฟอร์มยักษ์ได้ทุกเมื่อ สเปคที่จัดเต็มมาสำหรับเล่นเกมใหญ่ ๆ ได้เป็นอย่างดี หน้าจอใหญ่และสวยพอที่จะเล่นได้แบบไม่ติดขัด ปุ่มกดต่าง ๆ ลงตัวและมีประสิทธิภาพ ซอฟต์แวร์ที่ปรับแต่งมาดีพอควรในการเล่นเกมหรือใช้งานอื่น ๆ อีกทั้งราคาเปิดตัวเพียง 24,990 บาทแบบนี้ ยิ่งถูกใจแฟน ๆ เข้าไปอีกเยอะเลย จะมีจุดสังเกตอยู่อย่างเดียวเลยก็คือแบตเตอรี่ที่อาจจะน้อยไปหน่อยสำหรับการใช้งานแบบพกพา เพราะถ้าเล่นจริงจังอยู่ได้ไม่ถึง 2 ชม.ถ้าเพิ่มแบตฯให้นานกว่านี้อีกหน่อย เราว่าจะ Perfect ไม่น้อยเลยล่ะครับ!

เนื้อหาเกี่ยวข้อง

ROG ร่วมกับ Cabal เปิดศึกเกมทัวร์นาเมนต์ “The Infinite War of Celestials” Season 1 ชิงเงินรางวัลมูลค่ากว่า 6,000,000 บาท และตั๋วเข้าสู่รอบ Thailand Championship

หลุดสเปคเต็ม ASUS ROG Phone 9 จัดเต็มจอ AMOLED 165Hz l SD 8 Elite l 5800mAh พร้อมฟีเจอร์เกมมิ่ง

ASUS (ประเทศไทย) จัดโปรโมชั่นลดราคา ROG Ally จากราคาเดิม 24,990 บาท เหลือ 19,990 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 25 ส.ค. 67 

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Read More