รีวิว Skullcandy Push Ultra หูฟังไร้สายเพื่อคนรักการออกกำลังกาย มีไมค์ในตัว คุยโทรศัพท์ ประชุมออนไลน์ได้ ใช้งานนานสุด 40 ชม.

รีวิว Skullcandy Push Ultra หูฟังไร้สายจากแบรนด์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เน้นทั้งเรื่องการออกกำลังกายและความบันเทิงพร้อมกันในตัว พร้อมสเปคที่จัดเต็มทุกด้าน รับรองว่าถูกใจกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่สนใจทั้งด้านกีฬา, ความบันเทิง และแฟชั่นต่างๆ แน่นอน

สเปค Skullcandy Push Ultra

  • น้ำหนักรวม : 139.5 กรัม
  • สี : ดำ (True Black) และเหลือง (Electric Yellow)
  • การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0
  • ระยะการเชื่อมต่อ : สูงสุด 10 เมตร
  • ไดรเวอร์เบส : 10 มม.
  • คลื่นความถี่ : 20Hz – 20,000Hz
  • การชาร์จ (เคส) : USB Type-C
  • กันน้ำ/ฝุ่น : IP67
  • แบตเตอรี่ : ใช้งานได้ 6 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (สูงสุด 40 ชั่วโมงเมื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์จ)

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • หูฟังไร้สาย Skullcandy Push Ultra True Wireless Sport Earbuds
  • เคสชาร์จไร้สาย
  • สาย USB Type-C
  • ใบรับประกันสินค้า
  • คู่มือการใช้งานเบื้องต้น

มาเริ่มดูกันที่ตัวเคสชาร์จกันก่อนเลยครับ โดยมาในสี Electric Yellow หรือสีเหลืองออกปนเขียวเล็กๆ ที่มีความฉูดฉาดเหมาะกับคนที่ชอบความโดดเด่นของสีสันและการสวมใส่ เหมาะสำหรับสายแฟชั่นที่เน้นการแต่งตัวเป็นหลัก

ตัวเคสชาร์จถือว่าทำดีไซน์ออกมาได้ดีมากๆ ครับ เป็นทั้งที่เก็บหูฟังและไว้สำหรับชาร์จได้พร้อมกัน ทั้งยังทนแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี

ที่สำคัญตัวเคสนี้ยังรองรับการชาร์จแบบไร้สายได้ หรือใครจะชาร์จผ่านพอร์ต USB Type-C ที่ด้านหลังก็ได้เหมือนกันครับ

สำหรับตัวหูฟังไร้สาย Skullcandy Push Ultra นั้นเหมาะสุดๆ สำหรับสายออกกำลังกายที่เน้นเรื่องการวิ่ง ปีนเขา หรือกิจกรรมที่ต้องมีการเคลื่อนไหวแบบไม่หยุดนิ่ง เพราะดีไซน์มีการออกแบบด้วยการเพิ่มก้านล็อกใบหูที่ทำให้นิ่งและกระชับ ไม่มีหลุดแน่นอน

ความพิเศษของ Skullcandy Push Ultra คือการรองรับมาตรฐานน้ำและฝุ่นในระดับ IP67 ช่วยให้เราพร้อมใช้งานได้ทุกสถานการณ์

แถมที่เรายังสามารถควบคุมการเล่นเพลงหรือรับสายต่างๆ ผ่านตัวหูฟังได้ทันทีครับ เพราะมีปุ่มกดบริเวณแถบสีดำมาให้ในตัวเลยด้วย

ที่ด้านข้างหูฟังตรงแถบดำจะมีปุ่มกดเพื่อควบคุมการเล่นต่างๆ โดยถัดขึ้นไปจะเป็นไฟ LED เพื่อบอกสถานะของตัวหูฟังครับ

ที่ตรงขอบจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้ง 2 ฝั่งเลย และเมื่อหมุนที่ด้านล่างจะมีไมโครโฟนมาให้ในตัว

ส่วนด้านในจะมีลำโพงตามปกติ และแม่เหล็กสำหรับชาร์จในตัวเคสครับ

การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน

การเริ่มต้นใช้งานกับสมาร์ทโฟนเราสามารถใช้ได้ผ่านแอปพลิเคชั่น Skullcandy (ใช้ได้ทั้ง iOS / Android) โดยครั้งแรกเราต้องนำหูฟังใส่เข้าไปในเคสชาร์จก่อน จากนั้นให้ปิดและเปิดขึ้นมาจนไฟ LED สถานะที่ตัวหูฟังข้างซ้ายกระพริบ ต่อไปก็เราก็สามารถเชื่อมต่อได้ตามปกติเลยครับ

การควบคุมหูฟัง

  • กดปุ่มเพิ่มเสียง 1 ครั้ง : เพิ่มเสียง
  • กดค้างที่ปุ่มเพิ่มเสียง 2 วินาที : เปลี่ยนเพลง
  • กดปุ่มลดเสียง 1 ครั้ง : ลดเสียง
  • กดค้างที่ปุ่มลดเสียง 2 วินาที : ย้อนไปต้นเพลง
  • กดค้างที่ปุ่มลดเสียง 2 วินาที และกดซ้ำอีก 2 วินาที : เล่นเพลงก่อนหน้า
  • กดด้านข้าง 1 ครั้ง : หยุด/เล่นเพลง หรือรับ/วางสาย
  • กดด้านข้างค้างไว้ 2 วินาที : ตัดสายโทรเข้า
  • กดด้านข้าง 3 ครั้งติดกันและค้างไว้ : เปลี่ยน EQ Mode
  • กดด้านข้าง 3 ครั้ง : เรียก Voice Assistant

ฟังเพลงหรือเล่นเกมทำได้เต็มที่

สำหรับ Skullcandy Push Ultra ให้เสียงที่คมชัดและมีเบสที่หนักแน่นสะใจมากๆ ด้วยไดรเวอร์ขนาด 10 มม. ที่ถือว่าใหญ่พอสมควรเลยครับ ทั้งยังให้เสียงที่ดูมีมิติมากๆ โดยใครที่ชอบฟังเพลง Skullcandy Push Ultra เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ

ที่สำคัญใครที่จะเล่นเกม โดยเฉพาะกับเกมแนว FPS เช่น PUBG Mobile หรือ Call Of Duty: Mobile ก็เล่นได้แบบไร้กังวล เพราะค่าความหน่วงค่อนข้างต่ำ ช่วยให้เกิดการดีเลย์ที่น้อย เรียกง่ายๆ ว่าเสียงตรงกับภาพสุดๆ ครับ แถมยังให้ระบบเสียงที่แยกฝั่งซ้ายและขวาอย่างชัดเจน และมีการได้ยินดังหรือเบาตามระยะทางของศัตรูด้วย หรือใครจะใช้เพื่อชมภาพยนตร์ก็ทำได้เต็มอรรถรสไม่แพ้กันเลยครับ

นอกจากนี้ Skullcandy Push Ultra ยังมีไมโครโฟนมาให้ในตัว สามารถใช้คุยโทรศัพท์ได้อย่างชัดเจนแน่นอนครับ

ปรับโหมด EQ (Equalizers) ได้ตามใจชอบ

สำหรับ Skullcandy Push Ultra มีโหมดการใช้งานให้ 3 แบบ ได้แก่ Music Mode (เพลง), Podcast Mode (ฟังเสียงรายการ) และ Movie Mode (ภาพยนตร์) โดยเราสามารถเปลี่ยนได้ผ่านการกดที่ตัวหูฟัง หรือปรับได้ที่แอป Skullcandy เลยครับ

แต่ละโหมดก็มีการปรับแต่งเสียงที่ต่างกันไป โดยโหมดเพลงจะมีการปรับให้เสียงมีความบาลานซ์และขอบเขตเสียงกว้างขึ้น, โหมดฟังเสียงรายการจะลดเบสลงเพื่อให้ได้ฟังเสียงที่คมชัดมากขึ้น และโหมดภาพยนตร์จะเพิ่มประสิทธิภาพระบบเสียงแบบเต็มที่เพื่อให้เราได้รับประสบการณ์การรับชมแบบเต็มที่

แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสุดถึง 40 ชั่วโมง

เรื่องแบตเตอรี่ Skullcandy Push Ultra คงเป็นหนึ่งในหูฟังไร้สายที่แบตอึดสุดๆ ครับ โดยการชาร์จ 1 ครั้งสามารถใช้งานได้นานสุดถึง 6 ชั่วโมงหรือครึ่งวันเลยเดียว แต่ถ้าเราพกเคสชาร์จที่ชาร์จเต็มๆ เอาไว้ก็ใช้ได้ต่อ 34 ชั่วโมง รวมเป็น 40 ชั่วโมงไปเลยครับ

นอกจากนี้ ใครที่มีเวลาจำกัดหรือเร่งรีบอยู่ เคสชาร์จยังรองรับเทคโนโลยี Rapid Charge หรือชาร์จเร็ว เพียง 10 นาที ใช้งานได้ได้ต่อถึง 2 ชั่วโมง

สรุปการใช้งาน

จากการใช้งาน Skullcandy Push Ultra หลังทดสอบมาเกือบสัปดาห์ สิ่งที่ชอบมากที่สุดเลยคือเรื่องระบบเสียงที่ทำได้ดีเลยทีเดียวครับ เสียงมีความคมชัด ใครที่ชอบฟังเพลงจะได้เสียงเบสที่หนักแน่นมาก รวบถึงการใช้งานเมื่อใช้รับชมสิ่งต่างๆ หรือตอนเล่นเกมทำได้เป็นอย่างดี เสียงฟังได้ชัดเจน และมีการลดเสียงรอบข้างออกไปเล็กน้อย รวมไปถึงแบตเตอรี่ที่บอกเลยว่าอึดมากจริงๆ ครับ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อาจขัดใจเล็กๆ คือเรื่องของไมโครโฟนเวลาโทรศัพท์ในสถานที่ที่มีคนเยอะ ปลายสายจะได้ยินไม่ค่อยเท่าที่ควรครับ แต่หากใช้ในการประชุมหรือใช้ในสถานที่เงียบๆ จะใช้งานได้ดีเลยทีเดียว

ราคาวางจำหน่าย

Skullcandy Push Ultra วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วในราคา 5,900 บาท โดยมีการรับประกันถึง 2 ปี พิเศษ! โปรโมชั่นรับเทศกาล X’Mas และปีใหม่ตลอดเดือนธันวาคม สามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาเพียง 4,xxx (ขึ้นอยู่กับแต่ละช่องทาง) ดังนี้

เนื้อหาเกี่ยวข้อง

รีวิว Xiaomi Smart Audio Glasses แว่นตาเสียงอัจฉริยะ พร้อมใช้งานได้หลากหลาย และสวมใส่สบายตลอดทั้งวัน

รีวิว Xiaomi 165W Power Bank 10000 (Integrated Cable) แบตเตอรี่สำรองชาร์จเร็วเต็มประสิทธิภาพ พร้อมจอแสดงผลครบ

รีวิว Redmi Watch 5 สมาร์ทวอทช์สุดคุ้ม ได้จอใหญ่สุด 2.07″ เต็มตา พร้อมใช้ด้านครบครันทั้งสุขภาพและการออกกำลังกาย

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Read More