หลายคนคงได้ใช้ Face ID ที่ใช้งานได้ระหว่างสวมหน้ากากอนามัยไปแล้วกับการทดสอบบน iOS 15.4 Beta ครับ (วิธีติดตั้ง : https://bit.ly/3rE2qa7) ซึ่งผู้ใช้งานทั่วไปยังคงต้องรอตัวเต็มกันต่อไปครับ แต่ก่อนที่จะได้ใช้งานจริง มีอะไรที่เราควรรู้ก่อนบ้าง วันนี้เรามีมาบอกกันครับ
การทำงานของ Face ID พร้อมหน้ากากอนามัย
ฟีเจอร์เป็นการทำงานของ Face ID ในส่วนนี้จะเป็นการสแกนบริเวณดวงตาเพื่อระบุตัวตนแทนที่การสแกนใบทั้งหน้าตามปกติครับ ซึ่งเมื่อลงทะเบียน Face ID พร้อมหน้ากากแล้วก็สามารถใชงานได้ตามปกติ
วิธีการตั้งค่า Face ID ระหว่างสวมหน้ากากอนามัย
หากใครที่ได้อัปขึ้นมาเป็น iOS 15.4 แล้ว ก็ให้ทำการตั้งค่า Face ID ระหว่างสวมหน้ากากอนามัยอีกครั้ง โดยสามารถทำตามได้ที่ : https://www.iphone-droid.net/how-to-use-face-id-mask-support-on-ios-15-4/
ต้องการสแกนตอนใส่แว่น?
สำหรับ Face ID พร้อมหน้ากากอนามัยต้องการใช้การสแกนบริเวณดวงตา ดังนั้น หากเราใส่แว่นก็ต้องทำการสแกนแยกอีกครึ่งหนึ่ง (สแกนหน้าตอนใส่แว่นและไม่สวมหน้ากาก)
Face ID พร้อมหน้ากากอนามัย ไม่รองรับตอนใส่หน้ากาก
ต่อจากข้อด้านบนเลยครับ คือ การใช้ฟีเจอร์นี้จะต้องให้บริเวณดวงตาไม่มีอะไรมาบดบัง ดังนั้น ตอนเราจะสแกน Face ID พร้อมใส่หน้ากากอนามัยก็จะไม่สามารถใส่แว่นได้ ซึ่งเราต้องถอดแว่นออกก่อนสแกนครับ
ใช้งานได้กับแอปอื่นๆ
ใครที่กังวลว่าการใส่หน้ากากแล้วใช้ Face ID ไปด้วยจะไม่สามารถใช้สแกนใบหน้ากับแอปพลิเคชั่นอื่นๆ ได้ ก็ไม่ต้องห่วงครับ เพราะใช้งานได้ตามปกติ
ใช้งานได้แค่บางอุปกรณ์เท่านั้น
สำหรับฟีเจอร์ Face ID พร้อมหน้ากากอนามัย นั้นรองรับเพียง iPhone 12 Series และ iPhone 13 Series เท่านั้นครับ โดยจะมี iPhone 12, iPhone 12 mini, iPhone 12 Pro, iPhone 12 Pro Max, iPhone 13, iPhone 13 mini, iPhone 13 Pro, และ iPhone 13 Pro Max
ความปลอดภัยของการใช้งาน
Apple ระบุว่า Face ID เป็นวิธีที่มีความแม่นยำมากที่สุดเมื่อใช้งานและตั้งค่าแบบเต็มใบหน้า แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าความปลอดภัยจะมากแค่ไหนเมื่อใช้งานเพียงแค่ใบหน้าบางส่วนครับ แต่จากที่ได้ใช้งานคือยังคงแยกแยะใบหน้าได้แม่นยำอยู่เหมือนเดิมครับ
สำหรับฟีเจอร์สแกนใบหน้า Face ID ขณะสวมหน้ากากอนามัยจะต้องอัปเดทเป็น iOS 15.4 เท่านั้น โดยการอัปเดทให้กับผู้ใช้งานทั่วไปต้องรอกันต่อครับ
ที่มา : macrumors