รีวิว ZTE Blade V6 บอดี้อะลูมิเนียมบางเบา ดีไซน์สวยงาม พร้อมกล้อง 13 ล้าน

ZTE Blade V6 สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมตัวเครื่องอลูมิเนียมสุดเพรียวบาง 6.8 มม. น้ำหนักเบาเพียง 122 กรัม อีกทั้งยังมีดีไซน์ที่เรียบหรูด้วยตัวเครื่องสีทอง และกล้องถ่ายรูปความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มีแฟลช Dual tone วางจำหน่ายในราคาย่อมเยาเข้าถึงวัยรุ่นยุคใหม่

สรุปข้อมูลและสเปค ZTE Blade V6 (ZTE T660)
  • ราคาเปิดตัว 5,690 บาท (กุมภาพันธ์ 2559)
  • ขนาดตัวเครื่อง 142 x 69.5 x 6.8 มม.
  • น้ำหนัก 122 กรัม
  • 3G : 850/900/2100 MHz
  • 4G : 800/900/1800/2100/2600 MHz
  • GSM : 900/1800 MHz
  • 2 ซิมการ์ด (Micro SIM + Nano SIM)
  • หน้าจอแสดงผล 5 นิ้ว HD 720p
  • รันระบบปฏิบัติการ Android 5.0.2 Lollipop
  • ชิปเซ็ต MediaTek MT6735
  • ซีพียู Quad-core 1.3 GHz Cortex-A53
  • จีพียู Mali-T720
  • แรม 2 GB
  • ความจำภายในตัวเครื่อง 16 GB เพิ่มได้ด้วย microSD card สูงสุด 128 GB (ใส่ช่องซิม 2)
  • กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และแฟลช Dual LED (Dual tone)
  • กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
  • รองรับ Wi-Fi b/g/n, Bluetooth 4.0
  • รองรับระบบ GPS, A-GPS
  • แบตเตอรี่ 2,200 mAh ถอดเปลี่ยนเองไม่ได้

 

แกะกล่อง (Unboxing)

ZTE Blade V6 มาในกล่องกระดาษสีขาว และมีแถบกระดาษสีทองระบุชื่อรุ่นด้วย สำหรับอุปกรณ์ที่มีภายในกล่อง ได้แก่

  • ตัวเครื่อง ZTE Blade V6 พร้อมแบตเตอรี่ในตัวขนาดความจุ 2,200 mAh
  • อะแดปเตอร์หรือหัวชาร์จสำหรับแปลงไฟบ้านเข้าชาร์จมือถือ รุ่นโมเดล LPL-A005050100Z รองรับกระแสไฟ 100-240V และจ่ายไฟเข้าชาร์จมือถือได้สูงสุด 1.0A หรือ 1,000mA ต่อชั่วโมง
  • สายเคเบิล micro USB
  • หูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม.
  • เข็มสำหรับจิ้มถาดใส่ซิม
  • คู่มือการใช้งาน

 

ดีไซน์ ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล

ZTE Blade V6 ตัวเครื่องหลักเป็นอะลูมิเนียม บางเพียง 6.8 มม. ซึ่งสัมผัสแรกที่รู้สึกได้เลยคือน้ำหนักตัวเครื่องที่เบามากเพียง 122 กรัม ถ้าหากใครใช้รุ่นตัวเครื่องอะลูมิเนียมอยู่แล้วมาจับเครื่องนี้จะรู้สึกถึงความเบาที่แตกต่างกันชัดเจน

กรอบตัวเครื่องมีความโค้งมน สอดรับกับอุ้งมือเมื่อจับใช้งาน โดยมีเส้นเสาอากาศรับสัญญาณคาดอยู่ที่กรอบด้านข้างและด้านล่างตัวเครื่อง จากการใช้งานพบว่าปุ่มกดของตัวเครื่องดูไม่แน่นหนา โดยเฉพาะปุ่ม Power เหมือนจะหลุด แต่ก็ใช้งานได้ปกติ

หน้าจอของ Blade V6 มีขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล เป็นหน้าจอแบบ IPS LCD ขนาดกำลังพอดี ไม่เล็กและไม่ใหญ่ ใช้งานมือเดียวได้ไม่ยากนัก และพื้นที่ด้านหน้าจะเป็นพื้นสีขาว ซึ่งรุ่นนี้ให้สัดส่วนหน้าจอมาประมาณ 69.74% ของตัวเครื่อง

 

เหนือหน้าจอมีเซ็นเซอร์วัดแสง/ปิด-เปิดหน้าขณะโทร, ช่องลำโพงสำหรับเสียงสนทนา และเลนส์กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล

 

ล่างหน้าจอมีปุ่มสัมผัส 3 ปุ่ม โดยปุ่มตรงกลางจะเป็นปุ่มโฮม และปุ่มซ้าย-ขวา สามารถสลับใช้งานเป็นปุ่มย้อนกลับหรือปุ่ม Recent App ก็ได้

 

ขอบด้านบนตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม.

 

ขอบด้านล่างมีไมโครโฟน และพอร์ตเชื่อมต่อขนาด micro USB สำหรับชาร์จแบตหรือถ่ายโอนข้อมูลผ่านสายเคเบิล

 

ขอบด้านขวามีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Power

 

ขอบด้านซ้ายมีช่องถาดใส่ซิม รองรับซิมขนาด Micro (ช่องซิม 1) และ Nano (ช่องซิม 2) หรือจะเลือกใส่ microSD card แทนช่องซิม 2 ก็ได้

 

ฝาหลังถอดออกไม่ได้ ภายในมีแบตเตอรี่ขนาด 2,200mAh โดยเลนส์กล้องหลังมีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ขนาด 1/3.06 นิ้ว พร้อมแฟลช Dual LED แบบ Dual tone และรุ่นนี้ยังมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนด้วย ส่วนลำโลงก็อยู่ด้านหลังตัวเครื่องเช่นกัน

 

อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน

ZTE Blade V6 รันระบบปฏิบัติการ Android 5.0.2 Lollipop ในหน้าจอหลักสามารถลากวางไอคอนแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ รวมถึงการเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์, วิดเจ็ตต่าง ๆ หรือเพิ่ม/ลบหน้าโฮมได้ และจะไม่มีในส่วนของ App Drawer ตามสไตล์ของ ZTE ดังนั้นแอพพลิเคชั่นตัวทุกจะถูกจัดเรียงไว้ในหน้าโอมทั้งหมด

 

Blade V6 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด โดยช่องซิม 1 (ขนาด Micro SIM) ใช้งานได้ทุกเครือข่ายในไทยทั้ง 3G และ 4G ในขณะที่ช่องซิม 2 (ขนาด Nano SIM) จะรองรับเฉพาะ 2G สำหรับการโทรหรือเชื่อมต่อข้อมูลผ่าน EDGE เท่านั้น ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายเพิ่มเติมรองรับ Wi-Fi 802.11 b/g/n, Wi-Fi Direct, Hotspot และ Bluetooh 4.0

 

ปุ่มกดนำทางสามารถเลือกสลับระหว่างปุ่มย้อนกับกับปุ่มเมนู (ปุ่มรายการ) ได้ เผื่อว่าใครถนัดซ้ายหรือขวาก็เลือกได้ตามสะดวก

 

อัลบั้มรูปภาพเลือกแสดงได้ตามชื่ออัลบั้ม, สถานที่ หรือเวลา โดยเครื่องมือแก้ไขรูปภาพที่มีมาให้สามารถเลือกใส่ฟิลเตอร์, กรอบ, ตัดภาพบางส่วน และปรับแสงได้

 

ตรวจสอบเซ็นเซอร์ด้วย Android Sensor Box และมัลติทัช

  • Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้
  • Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
  • Orientation Sensor ระบบปรับมุมมองการแสดงผลหน้าจออัตโนมัติ
  • Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน
  • Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
  • Magnetic Sensor ตรวจวัดความเข้มสนามแม่เหล็ก
  • รองรับมัลติทัชสูงสุด 5 จุด

 

ผลทดสอบคะแนน Benchmark และประสิทธิภาพการทำงาน

ZTE Blade V6 รันระบบปฏิบัติการ Android 5.0.2 Lollipop รองรับ 64-bit ใช้ชิปเซ็ต MediaTek MT6735 ซีพียู Quad-core 1.3 GHz Cortex-A53 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบ 64-bit พร้อมจีพียู Mali-T720 และแรม 2 GB โดยตัวระบบและซีพียูต่างก็เป็น 64-bit ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด

ผลการทดสอบ AnTuTu 6.0 ในโหมด 64-bit ซึ่งเป็นการทดสอบการเข้าถึงการทำงานของแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้ 28,901 คะแนน คะแนนถือว่าอยู่ในระดับที่ดี หากเทียบสมาร์ทโฟนที่มีระดับราคา 5-6 พันบาท

 

ทดสอบด้วย Geekbench 3 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผลและหน่วยความจำแรม การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ Blade V6 ทำคะแนน Single-Core ได้ 608 และ Multi-Core ทำได้ 1,721 คะแนน

 

กล้องถ่ายรูป

ZTE Blade V6 มีเลนส์กล้องหลังขนาดความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพได้ขนาดสูงสุดในอัตราส่วน 4:3 รองรับการแตะหน้าจอเพื่อโฟกัส, แตะค้างที่วัตถุเพื่อติดตามโฟกัส, แนบตำแหน่งแผนที่ลงในภาพถ่าย, ตั้งเวลาถ่าย และถ่ายต่อเนื่องได้สูงสุด 99 ช็อต

 

ขณะถ่ายภาพเลือกฟิลเตอร์เพื่อดูตัวอย่างก่อนถ่ายภาพได้

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดออโต้

โหมดออโต้หรืออัตโนมัติ หยิบขึ้นมาถ่ายภาพได้เลยหรือเลือกจุดโฟกัสก่อนแล้วกดชัตเตอร์ก็ได้

 

โหมด HDR เป็นการถ่ายรูปหลายรูป ที่มีค่าความสว่างของแสงแตกต่างกัน แล้วเอาภาพมารวมกันเป็นภาพเดียว ทำให้เวลาถ่ายภาพด้วยโหมดนี้จำเป็นต้องถือกล้องนิ่ง ๆ สักพัก เพื่อให้ได้ภาพที่มีรายละเอียดครบ ทั้งพื้นที่ส่วนที่สว่างและส่วนที่มืด

 

กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมโหมดหน้าสวยเอาใจคอเซลฟี่ก่อนอัปโหลดลงโซเชียล

โดยรวมแล้วกล้องหลังของ Blade V6 จะถ่ายภาพออกมาได้ดีในที่แสงเพียงพอ ส่วนระบบโฟกัสยังทำงานได้ไม่ค่อยเร็ว โดยเฉพาะการถ่ายภาพในที่แสงน้อยจะพบว่าโฟกัสได้ช้ากว่าปกติ

 

สรุปจุดเด่น

  • ตัวเครื่องอะลูมิเนียมบางเบา ดีไซน์สวยงาม
  • รองรับการใช้งานได้ 2 ซิมการ์ด (Micro SIM + Nano SIM) และใช้งาน 4G LTE ได้
  • รันระบบปฏิบัติการ Android 5.0.2 Lollipop
  • หน้าจอ 5 นิ้ว HD หน่วยประมวลผล Quad-core 1.3 GHz Cortex-A53 กับจีพียู Mali-T720 และแรม 2 GB ใช้งานทั่วไปได้ลื่นไหล และเล่นเกมทั่วไปที่มีกราฟิกไม่สูงมากได้ไม่มีปัญหา
  • กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช Dual LED (Dual tone) และกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล

จุดสังเกตเพิ่มเติม

  • ช่องซิม 2 รองรับเฉพาะ 2G  เท่านั้น ขนาด Nano SIM
  • แบตเตอรี่ 2,200 mAh น้อยเกินไปสำหรับการใช้งานหลากหลายฟังก์ชั่น


ขอบคุณ ZTE Mobile Devices Thailand

เนื้อหาเกี่ยวข้อง

nubia Blade A35e ทำยอดขายทะลุ 10,000 เครื่อง ในเวลาไม่ถึงเดือน

ZTE Blade A35e เปิดตัวในไทย ราคา 1,999 บาท

ZTE | nubia x true dtac 5G ผนึกกำลัง เปิดศึกดวลเดือด RoV ในงาน Thailand Game Show 2024

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Read More