IT News
ซีเกทพัฒนา’HAMR’ เทคโนโลยีใหม่ จุ 1TB ต่อตร.นิ้ว
ซีเกทบรรลุเป้าหมายในด้านความหนาแน่นในการจัดเก็บข้อมูล บนฮาร์ดไดรฟ์ถึง 1 เทราบิตต่อตารางนิ้ว พร้อมการสาธิตเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลแห่งอนาคต (HAMR) ทำให้จุข้อมูลได้มากกว่าเดิมถึง 55%…
บริษัทซีเกท เป็นผู้ผลิตฮาร์ดไดรฟ์รายแรกที่สร้างประวัติศาสตร์โดยการเพิ่มความหนาแน่นในการจัดเก็บข้อมูลเป็น 1 เทราบิต (หนึ่งล้านล้านบิต) ต่อตารางนิ้ว และสาธิตเทคโนโลยีที่ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มความจุในการจัดเก็บข้อมูลของฮาร์ดไดรฟ์รุ่นปัจจุบันเป็นสองเท่าซึ่งจะเปิดตัวในช่วงปลายทศวรรษนี้ ทำให้ฮาร์ดไดรฟ์ขนาด 3.5 นิ้วมีความจุสูงขึ้นเป็นพิเศษถึง 60 เทราไบต์ตลอดระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า ในประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญนี้ จำนวนบิตที่อยู่ในพื้นที่ดิสก์ขนาดหนึ่งตารางนิ้ว มีจำนวนมากกว่าดวงดาวในทางช้างเผือก ที่นักดาราศาสตร์บอกว่ามีจำนวนประมาณ 200,000 ล้านถึง 400,000 ล้านดวง
ล่าสุด ซีเกท บรรลุเป้าหมายในด้านความหนาแน่นในการจัดเก็บข้อมูล ด้วยเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลแบบเอชเอเอ็มอาร์ (Heat-Assisted Magnetic Recording (HAMR)) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลรุ่นถัดไป ส่วนเทคโนโลยีของฮาร์ดไดรฟ์ในปัจจุบัน คือ การจัดเก็บข้อมูลแม่เหล็กในแนวตั้งฉาก (Perpendicular Magnetic Recording (PMR))ถูกนำมาใช้เพื่อบันทึก ข้อมูลดิจิตอลที่หลากหลาย ตั้งแต่ เพลง ภาพนิ่งและวิดีโอที่ถูกจัดเก็บไว้ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและเครื่องคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปภายในบ้านจนถึงข้อมูลทางธุรกิจที่ถูกจัดเก็บไว้ในศูนย์ข้อมูลต่าง ๆ บนแผ่นดิสก์แบบหมุนที่อยู่ภายในฮาร์ดไดรฟ์ทุกตัว เทคโนโลยีพีเอ็มอาร์ถูกเปิดตัวในปี 2549 เพื่อใช้แทนที่การจัดเก็บข้อมูลในแนวนอน (longitudinal recording) ซึ่งเป็นวิธีการที่ถูกนำมาใช้ตั้งแต่มีการเริ่มมีการใช้ฮาร์ดไดรฟ์สำหรับจัดเก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์เมื่อปี 2499 และคาดว่าจะมีความจุสูงถึงขีดจำกัดด้านความจุในระดับใกล้เคียงกับ 1 เทราบิตต่อตารางนิ้วในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
นายมาร์ค เร รองประธานอาวุโส ฝ่ายวิจัยและพัฒนาหัวอ่านและมีเดียบันทึกข้อมูลของซีเกท กล่าวว่า การเติบโตของสื่อสังคมออนไลน์ (Social media) เซิร์ชเอ็นจิน (Search engines) คลาวด์ คอมพิวติ้ง (Cloud computing) ริช มีเดีย (Rich media) และระบบปฏิบัติการอื่น ๆ ที่ต้องการพื้นที่สำหรับจัดเก็บข้อมูลสูง ยังคงเพิ่มปริมาณความต้องการความจุในการจัดเก็บข้อมูลที่สูงขึ้น นวัตกรรมใหม่สำหรับฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์อย่างเช่น เอชเอเอ็มอาร์จะนำมาซึ่งการพัฒนาระบบปฏิบัติการที่ต้องจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากในอนาคต และเพิ่มวิธีการที่ธุรกิจและผู้บริโภคทั่วโลก ใช้ จัดการและจัดเก็บข้อมูลดิจิตอล
รอง ปธ.อาวุโส ฝ่ายวิจัยและพัฒนาหัวอ่านและมีเดียบันทึกข้อมูล ซีเกท กล่าวต่อว่า ผู้ผลิตฮาร์ดไดรฟ์เพิ่มความหนาแน่นและความจุในการจัดเก็บข้อมูลด้วยการทำให้บิตของข้อมูลที่อยู่ในแพล็ทเตอร์มีขนาดเล็กลง เพื่อจัดเก็บข้อมูลมากขึ้นภายในพื้นที่ดิสก์แต่ละตารางนิ้ว นอกจากนี้ พวกเขายังบีบอัดตำแหน่งของข้อมูล ที่เป็นวงกลมมีจุดศูนย์กลางอยู่บนพื้นผิวของดิสก์ ยึดติดอยู่กับบิตต่าง ๆ หัวใจของการเพิ่มความหนาแน่นในการจัดเก็บข้อมูลคือการทำทั้งสองอย่างโดยไม่ทำให้วงจรแม่เหล็กของบิตเกิดการสะดุด อันเป็นปรากฎการณ์ที่ทำให้ข้อมูลบิดเบือน จากการใช้เทคโนโลยีเอชเอเอ็มอาร์ ที่เพิ่มความหนาแน่นในการจัดเก็บข้อมูลได้ประมาณ 2 ล้านบิตต่อตารางนิ้ว โดยครั้งหนึ่งเคยคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ส่งผลให้มีความหนาแน่นในการจัดเก็บข้อมูลสูงกว่า 1 ล้านล้านบิต หรือ 1 เทราบิตต่อตารางนิ้ว สูงกว่าความหนาแน่นในการจัดเก็บข้อมูลสูงสุดในปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 620 กิกะบิตต่อตารางนิ้ว ถึงร้อยละ 55
ความจุสูงสุดของฮาร์ดไดรฟ์ขนาด 3.5 นิ้ว รุ่นปัจจุบัน คือ 3 เทราไบต์ (ทีบี) ซึ่งมีความหนาแน่นประมาณ 620 กิกะบิตต่อตารางนิ้ว ในขณะที่ไดรฟ์ขนาด 2.5 นิ้ว มีความจุสูงสุด 750 กิกะไบต์ (จีบี) หรือมีความหนาแน่นประมาณ 500 กิกะบิตต่อตารางนิ้ว ไดรฟ์เอชเอเอ็มอาร์รุ่นแรก ซึ่งมีความหนาแน่นสูงกว่า 1 เทราบิตต่อตารางนิ้ว น่าจะเพิ่มความจุเหล่านี้ให้สูงถึงกว่าสองเท่า นั่นคือ 6 เทราไบต์สำหรับไดรฟ์ขนาด 3.5 นิ้วและ 2 เทราไบต์สำหรับรุ่นที่มีขนาด 2.5 นิ้ว เทคโนโลยีนี้ทำเสนอการเพิ่มขึ้นของความจุที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ด้วยทฤษฏีขีดจำกัดของความหนาแน่นในการจัดเก็บข้อมูลตั้งแต่ 5 ถึง 10 เทราบิตต่อตารางนิ้ว นั่นคือ ความจุ 30 เทราไบต์ถึง 60 เทราไบต์สำหรับไดรฟ์ขนาด 3.5 นิ้วและความจุ 10 เทราไบต์ถึง 20 เทราไบต์สำหรับไดรฟ์ที่มีขนาด 2.5 นิ้ว
ที่มา : ไทยรัฐ