Android News
1 วันกับ OPPO Reno5 Pro 5G ในการเป็นสมาร์ทโฟนถ่ายวิดีโอได้สวยที่สุด พร้อมดีไซน์สุดพรีเมียม
OPPO Reno5 Pro 5G สมาร์ทโฟนตัวท็อปรุ่นใหม่ประจำตระกูล OPPO Reno5 Series ถือเป็นอีกรุ่นที่สเปคและฟีเจอร์กล้องต่างๆ ยังคงจัดเต็มเช่นเคย แถมยังรองรับ 5G ในราคาสุดคุ้มอีกด้วย ซึ่งครั้งนี้ทีมงาน iphone-droid.net จะพามาชมการใช้งานจริงตลอด 1 วันว่าการใช้งานทั่วไป เล่นเกม และภาพถ่ายไปได้สุดขนาดไหน
ดีไซน์ยังคงทำออกได้พรีเมียมเช่นเคย
ตั้งแต่ที่แกะกล่องและสัมผัสเป็นครั้งแรก OPPO Reno5 Pro 5G ให้ความรู้สึกที่มีความพรีเมียมเหมือนเดิม จับถือได้สะดวกมือสุดๆ และตัวเครื่องก็มีความบางและเบามากๆ ครับ แต่ถ้าใครรู้สึกว่าตัวจะลื่นมือ ก็สามารถใส่เคสใสที่แถมมาในกล่องก็ไม่ว่ากันครับ
สิ่งที่พลาดไม่ได้ในเรื่องดีไซน์คือสีสันครับ โดย OPPO Reno5 Pro 5G รุ่นที่เห็นนี้เป็นสี Galactic Silver ที่มีการเล่นเฉดอย่างสวยงามในมุมมองต่างๆ ตามการสะท้อนของแสง ซึ่งสามารถเกิดได้สูงสุด 5 สี ได้แก่ สีเขียว สีเหลือง สีฟ้า สีม่วง และสีส้ม ทั้งยังมีผิวสัมผัสที่ด้านเพื่อป้องกันร้อยนิ้วมือได้เป็นอย่างดีครับ
ส่วนอุปกรณ์ในกล่องมีดังนี้ครับ
หน้าจอแสดงผลตอบสนองไว ใช้ได้ไหลลื่น
เชยเชมเรื่องตัวเครื่องไปแล้ว เรื่องหน้าจอแสดงผลก็สำคัญไม่แพ้กันครับ โดยรุ่นนี้ก็จัดมาให้ด้วยพาเนล AMOLED ที่ให้ความสว่าง คมชัด และการตอบสนองที่ไวมากๆ ท้ังยังมี Refresh Rate 90Hz ที่ถือว่าดูจะลื่นตามากขึ้น และไม่ได้กินแบตเตอรี่เกินไปเหมือนกับ 120Hz ครับ
หากใครที่มาสายดูวิดีโอหรือชอบดูซีรี่ย์ตลอดวันก็บอกเลยว่าเลือกได้ถูกเครื่องแล้วครับ เพราะหน้าจอให้มาใหญ่ 6.55 นิ้ว แถมีความโค้ง 3D-curved ดูได้เต็มตาเลยทีเดียว พร้อมความคมชัดระดับ FHD+ รองรับการแสดงผล HDR10+ ซึ่งในแอปพลิเคชั่น Netflix เจ้า OPPO Reno5 Pro 5G ก็รองรับมาตรฐานความปลอดภัยระดับ L1 ช่วยให้รับชมได้ที่ความละเอียด HD ได้สบายๆ
เกือบลืมบอกไปอีกอย่างหนึ่งในเรื่องหน้าจอ นั่นคือการรรองรับเทคโนโลยีการสแกนลายนิ้วมืออีกด้วย เพิ่มความสะดวกในเรื่องความปลอดภัยไปอีก จะใส่หน้ากากตอนอยู่ข้างนอกก็สบายครับ ไม่ต้องถอดออกมาสแกนหน้าให้เสียเวลา
สเปคแจ่ม เล่นเกมก็ได้
OPPO Reno5 Pro 5G ได้ใช้หน่วยประมวลผลระดับเรือธงจาก MediaTek อย่าง Dimensity 1000+ บอกเลยว่าไม่แพ้ CPU จาก Qualcomm แน่นอนครับ ซึ่งจากที่เราทดสอบ Benchmark ทั้งบน AnTuTu และ Geekbench ก็ได้คะแนนสูงพอสมควรตามภาพด้านล่างเลยครับ
ส่วนการทดสอบเกม เราก็ได้ทดสอบมาให้แล้ว RoV, PUBG Mobile และ Genshin Impact ทั้ง 3 เกมนี้ใช้กราฟิกค่อนข้างสูง โดยเฉพาะกับเกมสุดท้าย แต่ OPPO Reno5 Pro 5G ก็เล่นได้สบายๆ ครับ เและเรื่องการสัมผัสหน้าจอก็ถือว่าตอบสนองได้ไว ทำให้การเล่นเกมดูสมูธไปหมด ไม่หัวร้อนอีกด้วยนะ!
รองรับ 5G ตั้งแต่แกะกล่อง
ชื่อต่อท้ายด้วยคำว่า 5G แน่นอนว่าก็ต้องใช้เครือข่าย 5G ได้แน่นอนครับ ซึ่ง OPPO Reno5 Pro 5G พร้อมใช้ทันทีตั้งแต่แกะกล่องไม่ต้องรออัปเดทให้เสียเวลา โดยรองรับกับผู้ให้บริการเครือข่ายทั้ง 3 ค่ายเลยด้วย
กล้องจัดเต็มถ่ายสวยครบทุกมุมมอง
พูดถึง OPPO สิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยคือเรื่องกล้องนั่นเองครับ ช่วง 1 วันเราก็ได้ถ่ายมาตั้งแต่เช้าจนถึงมืดๆ ต้องบอกเลยว่าใน 1 วัน เราใช้ OPPO Reno5 Pro 5G ถ่ายได้ไม่มีเบื่อเพราะฟีเจอร์เยอะมากจริงๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นโหมด AI จากเลนส์หลัก, Ultra Wide Angle, Portrait ที่ถ่ายได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง และฟีเจอร์ที่ไม่เหมือนใครอย่าง AI Portrait Color ก็ทำได้อย่างสุดยอดที่ใช้ได้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ
ภาพตัวอย่างแต่ละโหมด
AI Scene Enhancement
Ultra Wide Angle
Portrait ละลายหลัง
Night Flare Portrait
AI Portrait Color
Ultra Dark Mode
Dual-View Video
AI Highlight Video
แบตเตอรี่อยู่รอดมาถึงค่ำๆ
มาถึงช่วงท้ายของบทความ 1 วันกับ OPPO Reno5 Pro 5G ครับ ซึ่งตั้งแต่เริ่มการทดสอบเราชาร์จเต็ม 100% ออกจากบ้าน มาจนถึงช่วงค่ำ แบตเตอรี่ยังคงเหลืออยู่ราวๆ 30% เพียงพอให้เหลือหลับมาชาร์จที่บ้านได้ต่อ
ทั้งนี้ ในการชาร์จแบตเตอรี่ตอนใกล้จะหมด เราได้ชาร์จทิ้งเอาไว้แล้วไปทำธุระส่วนตัวสักครู่หนึ่ง ประมาณ 30นาที กลับมาแบตเตอรี่ก็กลับมาเต็ม 100% แล้วครับ เพราะ OPPO Reno5 Pro 5G รองรับเทคโนโลยีการชาร์จ 65W SuperVOOC 2.0
สรุปการใช้งาน
OPPO Reno5 Pro 5G นั้นเหมาะมากๆ กับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนที่ต้องการแบบครอบคลุมหลายฟังก์ชันครับ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม ดูหนัง และกล้อง ที่ให้เราได้ใช้แบบไม่มีเบื่อเลยครับ ส่วนแบตเตอรี่จาก 100% ใช้งานทั่วไปแบบไม่เล่นเกมหนักมากก็อยู่ได้ตลอดวัน แถมราคาก็ถือว่ายังเหมาะสมกับฟีเจอร์ต่างๆ อีกด้วย ที่สำคัญใครที่อยากลองใช้งานความเร็วแรงของ 5G เป็นครั้งแรก รุ่นนี้ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด
ใครที่อยากเป็นเจ้าของ OPPO Reno5 Pro 5G ก็สามารถจับจองได้แล้วในราคา 19,990 บาท ได้แล้วตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์นี้ เป็นต้นไป โดยสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รายละเอียดเพิ่มเติม : https://bit.ly/3q8xHjE