Apple News
รวม 10 ฟีเจอร์สำคัญบน iPhone 12 mini, iPhone 12, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max
เปิดตัวพร้อมกับฟีเจอร์ต่างๆ มากมายสำหรับ iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่น ได้แก่ iPhone 12 mini, iPhone 12, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max โดยมีหลายอย่างที่พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนจากรุ่นปี 2019 โดยเราจะสรุป 10 ฟีเจอร์ที่มีให้ได้ชมกัน
1. รองรับ 5G เร็วแรงขั้นสุด
เรียกว่าเปิดศักราชใหม่ของ 5G กันเลยสำหรับ iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่นที่สามารถใช้งานเครือข่าย 5G ได้ทั้งหมด ซึ่งชูโรงด้วยจุดเด่นทั้งการดาวน์โหลดและอัปโหลดที่มีความเร็วและแรง ทำให้ใช้งานทุกอย่างไหลลื่นยิ่งขึ้น ทั้งนี้ก็ยังมาพร้อมกับโหมด Smart Data ที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่อย่างชาญฉลาด เพราะจะปรับสัญญาณ LTE และ 5G ตามสถานการณ์แบบเรียลไทม์
2. ดีไซน์สุดแกร่ง Ceramic Shield
เป็นวัสดุที่ Apple ระบุว่าแข็งแกร่งที่สุดในสมาร์ทโฟน ณ ปัจจุบันสำหรับ Ceramic Shield ที่ทนทานการตกแตกได้มากกว่ากระจกถึง 4 เท่า โดยมีการนำผลึกเซรามิกระดับนาโนมาผสม ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นอีกมาก
3. จอภาพ Super Retina XDR ทุกรุ่น!
iPhone 12 ทุกรุ่นเป็นหน้าจอแบบ Super Retina XDR ทั้งหมด ต่างจากปีที่ผ่านมาที่จะใช้แค่ในตัว Pro เท่านั้น ซึ่งทั้งหมดมี Contrast ratio ที่ 2,000,000:1 รองรับ HDR และมีความสว่างสูงสุด 800 นิต (ทั่วไป) พร้อมความสว่างสูงสุด 1,200 นิต (HDR) ส่วนขนาดของ iPhone 12 mini อยู่ที่ 5.4 นิ้ว, iPhone 12 / iPhone 12 Pro ที่ 6.1 นิ้ว และ iPhone 12 Pro Max ที่ 6.7 นิ้ว
4. A14 Bionic ชิปที่แรงสุดในโลก
สำหรับ A14 Bionic ถูกขนานนามว่าเป็นหน่วยประมวลผลที่เร็วและแรงที่สุดในสมาร์ทโฟนตอนนี้ มีความแรงมากกว่าชิปคู่แข่งถึง 50% รองรับ Neural Engine แบบ 16-core ที่จะยกระดับการเรียนรู้ของระบบหรือ Machine Learning (ML) ให้เหนือชั้นยิ่งขึ้นไปอีกถึง 80% เมื่อเทียบกับรุ่นที่ผ่านมา และสามารถประมวลผลได้ถึง 11 ล้านล้านรายการต่อวินาที
5. ระบบกล้องสุดล้ำ
ใน iPhone 12 และ iPhone 12 mini นั้นมีกล้องหลังคู่ โดยเลนส์ Wide เป็นระบบใหม่ มีรูรับแสง f/1.6 รับแสงได้มากขึ้น 27% ทั้งยังสามารถถ่าย Night Mode ได้ทุกเลนส์อีกด้วย
ส่วน iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max จัดเต็มมากขึ้นด้วยกล้อง 3 เลนส์มีเลนส์ Wide แบบใหม่พร้อมชิ้นเลนส์ 7 ชิ้น รูรับแสงf/1.6 ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน iPhone ช่วยให้ถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้ดีขึ้น 87% ขณะที่เลนส์ Ultra-Wide มีความกว้าง 120 องศา รวมถึงกล้องเทเลโฟโต้ทางยาวโฟกัส 52 มม. ซึ่งเหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคล ทั้งหมดนี้ทำให้ช่วงซูมแบบออปติคอลเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า
ทั้งนี้ Night Mode ยังสามารถใช้งานได้กับทุกเลนส์เช่นกัน แถมเป็นกล้องตัวแรกและอุปกรณ์ตัวเดียวในโลกที่สามารถมอบประสบการณ์ Dolby Vision ที่สำคัญ iPhone 12 Pro ทั้ง 2 รุ่นยังถ่ายภาพ Apple ProRAW ช่วยให้สามารถควบคุมสีสัน รายละเอียด และช่วงไดนามิกได้ตามใจชอบ
6. สีสันใหม่ไฉไลกว่าเดิม
สำหรับสีสันใหม่ของ iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่นก็จัดมาให้อย่างสวยงาม พร้อมกระชากเงินในกระเป๋าเลยทีเดียว โดย iPhone 12 และ iPhone 12 mini มีสีน้ำเงิน, เขียว, ดำ, ขาว และแดง (PRODUCT)RED
ขณะที่ iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max มีสีกราไฟต์ เงิน ทอง และแปซิฟิกบลู
7. iOS 14
แน่นอนว่า iPhone 12 ทุกรุ่นนั้นมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดอย่าง iOS 14 ที่มีฟีเจอร์ต่างๆ แบบใหม่ให้ใช้งานเพียบ
8. ชาร์จแบบไร้สายกำลังสูงด้วย MagSafe
สำหรับ MagSafe เป็นแม่เหล็กที่ฝังอยู่ในเครื่องของ iPhone 12 ทุกรุ่น ช่วยให้การชาร์จไร้สายสูงสุดที่ 15W พร้อมด้วยความแม่นยำในการวางที่จะติดกับแท่นชาร์จพอดี
9. กันน้ำ IP68
iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่น มีมาตรฐานกันน้ำระดับ IP68 ทนทานได้ที่ความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที และยังรับมือกับน้ำที่หกใส่ในชีวิตประจำวันอย่างกาแฟหรือน้ำอัดลมได้ด้วย
10. ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
และสุดท้ายกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อมของ Apple ที่ได้ตัดอะแดปเตอร์และหูฟังออกจากล่องของ iPhone 12 ทุกรุ่น ทำให้มีขนาดเล็กลง ช่วยให้อุปกรณ์ Apple ทุกชิ้นที่จำหน่าย ตั้งแต่การรวบรวมวัสดุ, การผลิตชิ้นส่วน, การประกอบ, การขนส่ง, การใช้งานของลูกค้า, การชาร์จ ไปจนถึงการรีไซเคิลและการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ จะมีความเป็นกลางทางคาร์บอน 100% ทั้งยังสามารถเพิ่มจำนวนกล่องที่จัดส่งต่อหนึ่งพาเลทได้มากขึ้นถึง 70% ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่อปีได้ถึง 2 ล้านตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับการนำรถยนต์ออกจากท้องถนน 450,000 คันในแต่ละปี
สำหรับราคาและวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยยังคงต้องรอกันในเร็วๆ นี้
ที่มา : Apple