Apple News
รวม 7 ฟีเจอร์ใหม่ของ iPhone 16 Pro ตามข่าวลือ จอใหญ่ขึ้น l ปุ่ม Capture l 5G แรงขึ้น และอื่นๆ เพียบ
ใครที่กลั้นใจไม่ซื้อ iPhone 15 Series ไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ตามก็อาจจะรอคอยข่าวลือของ iPhone 16 Series กันอยู่ครับ ซึ่งรายละเอียดโดยเฉพาะในรุ่น Pro ทั้ง iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max ก็มีหลุดออกมาพอสมควรแล้วครับ ซึ่งเราได้สรุป 7 ฟีเจอร์ใหม่ที่อาจเข้ามาใช้งานใน iPhone ปีหน้า
รวมสเปค iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max (ตามข่าวลือ)
หน้าจอใหญ่ขึ้น
ทั้ง iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max คาดว่าจะมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเป็น 6.3 นิ้ว และ 6.9 นิ้ว ซึ่งข้อมูลนี้มาจาก Ross Young ซีอีโอของ Display Supply Chain Consultants ที่หน้าจออาจมีความสูงมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเทียบกับ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ที่มีขนาด 6.1 นิ้ว และ 6.7 นิ้วตามลำดับ
ปุ่ม Capture ใหม่
ปุ่ม Capture จะเป็นปุ่มเอาไว้สำหรับการถ่ายภาพโดยเฉพาะ ซึ่งปุ่มนี้คาดว่าจะได้ใช้งานใน iPhone 16 Series ทั้ง 4 รุ่น โดยตำแหน่งของปุ่มนี้จะวางอยู่ใต้ปุ่ม Power
เลนส์ Ultra-Wide 48MP
iPhone 16 รุ่น Pro คาดว่าจะมีการอัปเกรดเลนส์ Ultra-Wide เป็นความละเอียด 48MP เพื่อให้ได้ความละเอียดในมุมกว้างที่สูงขึ้น โดยรายงานนี้ก็มาจากนักวิเคราะห์จอมแม่นอย่าง Jeff Pu อีกด้วย
รองรับ Wi-Fi 7
iPhone 16 รุ่น Pro ทั้ง 2 รุ่นจะรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7 เพื่อให้อุปกรณ์สามารถรับ-ส่งข้อมูลได้เร็วกขึ้นกว่าเดิมผ่านคลื่น 2.4GHz, 5GHz และ 6GHz ตามลำดับ ซึ่งความเร็วของ Wi-Fi 7 จะสูงสุดถึง 40Gbps หรือมากกว่า Wi-Fi 6E ถึง 4 เท่า
ชิป A18 Pro
ในปีนี้ที่ Apple ได้เปิดตัว A17 Pro ไปแล้ว ในปีหน้าก็มีลุ้นจะเป็น A18 Pro ที่ใช้งานใน iPhone 16 รุ่น Pro ขณะที่ iPhone 16 และ 16 Plus จะเป็นชิป A18 ปกติครับ
5G ประสิทธิภาพสูงขึ้น
iPhone 16 รุ่น Pro คาดว่าจะใช้โมเด็ม 5G รุ่น Qualcomm Snapdragon X75 ที่ให้ความเร็วและประหยัดพลังงานมากขึ้นกว่าเดิม โดยโมเด็มรุ่นนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยี ‘5G Advanced’ ที่ระบุว่าจะเป็นประสิทธิภาพขั้นสูงของ 5G
รองรับการซูมออปติคอล 5x ในรุ่น Pro
ปีนี้ iPhone 15 Pro Max เป็นเพียงรุ่นเดียวที่ได้ใช้เลนส์ Telephoto 5x ครับ แต่ในปีหน้าคาดการณฺว่าจะได้ทั้ง iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max เหมือนกันเลย
การเปิดตัวของ iPhone 16 Series คาดว่าจะเปิดตัวในเดือนกันยายนเช่นเดิม โดยวันที่เป๊ะๆ ก็ยังคงต้องติดตามกันต่อไปครับ
ที่มา : MacRumors