Smart Review
รีวิว Samsung Galaxy A5 และ A7 (2016) บอดี้โลหะกระจกสุดพรีเมียม, ขุมพลัง Exynos 7580 Octa และกล้องกันสั่น OIS
Samsung Galaxy A5 และ A7 (2016) สมาร์ทโฟนชื่อเดิม เพิ่มสเปค และปรับดีไซน์ใหม่ด้วยตัวเครื่องโลหะผสานกับกระจกได้อย่างลงตัว สวยงาม แลกล้องถ่ายรูป 13 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพได้สว่างกว่าด้วยค่ารูรับแสง f/1.9 พร้อมระบบกันสั่น OIS
สรุปข้อมูลและสเปค Samsung Galaxy A5 และ A7 (2016) |
Samsung Galaxy A5 (2016) | Samsung Galaxy A7 (2016) |
|
|
ตัวเครื่อง ดีไซน์ และหน้าจอแสดงผล |
Samsung Galaxy A5 (2016) และ Galaxy A7 (2016) ทั้งคู่มาพร้อมกับตัวเครื่องโลหะครอบกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งพรีเมียมกว่ารุ่นเดิมมาก ดีไซน์ใหม่นี้จะดูคล้ายกับรุ่น Galaxy S6 จึงทำให้รุ่นใหม่นี้ดูโดดเด่นและสวยงามขึ้นมาก
Galaxy A5 (2016) หน้าจอขนาด 5.2 นิ้ว ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเมื่อเทียบกับ A5 รุ่นเดิม และ Galaxy A7 (2016) หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ทั้งคู่มีความคมชัดเท่ากันระดับ Full HD Super AMOLED ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ตัวเครื่องบางเท่ากันคือ 7.3 มม. ทั้ง 2 รุ่นต่างกันที่ขนาดตัวเครื่องและขนาดหน้าจอแสดงผล
ในซีรีส์ 2016 ยังมีขอบหน้าจอที่บางกว่าเดิมมาก อีกทั้งขอบกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลังยังเป็นแบบโค้งมน 2.5D เรียกได้ว่าปรับดีไซน์ใหม่จนดูสวยงามเทียบเท่ารุ่นเรือธงเลยทีเดียว
เหนือหน้าจอมีช่องลำโพงเสียงสนทนา และเลนส์กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/1.9 ซึ่งกว้างกว่าเดิมรุ่นเดิม ช่วยให้การถ่ายเซลฟี่ทำได้สว่างและสวยขึ้น
ล่างหน้าจอมีปุ่มโฮมที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อเทียบกับซีรีส์ 2015 นั่นก็เพราะว่าที่ปุ่มโฮมนี้มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่แตะแล้วทำงานได้เลย ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาในซีรีส์ 2016 ส่วนปุ่มสัมผัสด้านซ้ายเป็นปุ่ม Recent App สำหรับเรียกดูแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานล่าสุด และปุ่มสัมผัสทางด้านขวาเป็นปุ่มย้อนกลับ
ขอบด้านบนมีไมโครตัดเสียงรบกวน และช่องใส่ซิม 2 ขนาด Nano SIM ซึ่งในซีรีส์ 2016 นี้มีช่องใส่ซิม 2 แยกออกมาให้เลย ไม่ต้องเลือกใส่ระหว่าง microSD card กับซิมการ์ดเหมือนในซีรีส์ 2015 แล้ว
ขอบด้านล่างมีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน, พอร์ตเชื่อมต่อขนาด micro USB, ช่องลำโพง และไมโครโฟน จะเห็นว่า Galaxy A5 (2016) และ Galaxy A7 (2016) นั้นได้ย้ายช่องลำโพงมาไว้ตรงส่วนนี้แล้ว ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเมื่อวางหงายตัวเครื่องแล้วจะปิดกั้นเสียงลำโพงจากเดิมในซีรีส์ 2015 จะอยู่ที่ด้านหลังตัวเครื่อง
ขอบด้านซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียง ซึ่งเปลี่ยนใหม่เป็นแบบแยกออกจากกัน จากเดิมจะเป็นยาวติดกัน
ขอบด้านขวามีปุ่ม Power และช่องถาดใส่ซิม 1 ขนาด Nano SIM กับช่องใส่ microSD card ขนาดความจุสูงสุด 128GB ซึ่งในซีรีส์ 2016 จะพบว่าไม่ต้องเลือกระหว่างใส่ซิม 2 กับ microSD card แล้ว เพราะแยกช่องใส่มาให้ทุกอย่าง
ด้านหลังเป็นกระจกที่ช่วยให้ดูพรีเมียมสวยงามขึ้นกว่าเดิมมาก โดยรุ่น Galaxy A5 (2016) มีแบตเตอรี่ 2,900 mAh (A5 เดิมมีแบตเตอรี่ 2,300 mAh) และ Galaxy A7 (2016) มีแบตเตอรี่ 3,300 mAh (A7 เดิมมีแบตเตอรี่ 2,600 mAh) นอกจากจะสวยขึ้นแล้ว แบตเตอรี่ก็อึดขึ้นด้วย
Galaxy A5 (2016) และ Galaxy A7 (2016) มีเลนส์กล้องหลังมีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/1.9 และมีระบบกันภาพสั่นไหว ซึ่งในซีรีส์ 2015 จะไม่มีฟีเจอร์กันสั่นนี้ และมีแฟลช LED
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน |
Galaxy A5 (2016) และ Galaxy A7 (2016) มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 5.1.1 Lollipop รองรับการแสดงรายการแจ้งเตือนในหน้าล็อคสกรีน ปลดล็อคหน้าจอด้วยการแตะแล้วปัดเพื่อเข้าสู่หน้าจอหลักหรือหน้าโฮม หรือจะแตะที่ไอคอนการโทรเพื่อเข้าใช้งานเมนูการโทร หรือจะแตะที่ไอคอนกล้องเพื่อเข้าใช้งานกล้องถ่ายรูปก็ได้ ซึ่งในหน้าโฮมสามารถเปลี่ยนวอลเปเปอร์, วิดเจ็ต, ธีม และตารางหน้าจอ
ระบบธีมของ Samsung มีให้เลือกใช้งานเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะปล่อยให้ดาวน์โหลดไปใช้งานกันได้ฟรี ๆ
ในส่วนของ App Drawer จะจัดเรียงไอคอนแบบ 5 x 5 แถว และสามารถลบแอพพลิเคชั่นบางตัวที่มากับตัวเครื่องได้
เมื่อลากแถบบาร์ด้านบนลงมาจะเป็นส่วนแสดงรายการแจ้งเตือนต่าง ๆ และแผงควบคุม Control panel ซึ่งจะมีปุ่มค้น S Finder และเมนูเชื่อมต่อด่วน (Quick connect) นอกจากนี้ก็สามารถเพิ่มหรือลบไอคอนในส่วนของแผงควบคุมนี้ได้ด้วย
เมื่อกดปุ่ม Recent App (ปุ่มซ้ายสุด) จะเป็นส่วนแสดงรายการแอพพลิเคชั่นที่เปิดใช้งานอยู่ล่าสุด สามารถแตะที่รายงานแอพเพื่อเข้าใช้งานต่อได้ทัน หรือปัดเพื่อปิดการทำงานก็ได้ ซึ่งในรุ่นนี้จะมีฟีเจอร์มัลติวินโดวส์หรือการเปิดหลายจอพร้อมกันได้นั่นเอง โดยแตะที่เมนูแบ่งหน้าจอ (ตามภาพ) เพื่อใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ทันที
Galaxy A5 (2016) และ Galaxy A7 (2016) รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด โดยเลือกได้ว่าต้องการให้ซิมใดใช้งาน 3G/4G ส่วนอีกซิมก็จะสลับไปใช้งาน 2G สำหรับการโทรอัตโนมัติ ซึ่งในซีรีส์ 2016 นี้รองรับการใช้งานได้ทุกเครือข่ายในไทยทั้ง 3G และ 4G
การเชื่อมต่อไร้สาย ได้แก่ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n, Bluetooth 4.1 (A2DP, EDR, LE) ประหยัดพลังงาน, มีชิป NFC สำหรับการเชื่อมต่อข้อมูลด้วยการแตะในระยะใกล้ และฟีเจอร์ Download Booster เพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดวีดีโอคลิป และไฟล์ข้อมูลขนาดใหญ่ หรือดูวีดีโอ streaming ให้ลื่นไหลด้วยการรวมสองเทคโนโลยี LTE และ Wi-Fi
Galaxy A7 (2016) ขนาด 5.5 นิ้ว อาจไม่สะดวกนักหากจะใช้งานด้วยมือเดียว จึงมีฟีเจอร์ทำงานมือเดียวมาให้ด้วย ซึ่งเป็นการลดขนาดการแสดงผลให้เล็กลงพอที่จะใช้มือข้างเดียวเอื้อมกดได้สะดวก สามารถเรียกใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ง่าย ๆ โดยการกดปุ่มโฮมติดกัน 3 ครั้ง ในขณะที่ Galaxy A5 (2016) จะไม่มีฟีเจอร์นี้
สำหรับฟีเจอร์นี้สามารถลดขนาดการแสดงผลได้ทั้งปุ่มโทร, แป้นพิมพ์ Samsung ที่ติดมากับตัวเครื่อง, เครื่องคิดเลข และรูปแบบการปลดล็อคหน้าจอ โดยเลือกตำแหน่งการแสดงผลทางซ้ายหรือขวาก็ได้ ตามมือที่กำลังถือใช้งานอยู่
ฟีเจอร์การเคลื่อนไหวและท่าทาง เป็นการสั่งงานแบบอัจฉริยะโดยการขยับตัวเครื่องโทรศัพท์ ซึ่งไม่ต้องกดปุ่มใด ๆ ได้แก่
- การเตือนอัจฉริยะ : เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ตัวเครื่องจะสั่นเพื่อให้ทราบว่ามีรายการแจ้งเตือน เช่น สายไม่ได้รับ หรือมีข้อความเข้า
- ปิดเสียง : เป็นการปิดเสียงโทรเข้าหรือเสียงแจ้งเตือนต่าง ๆ โดยการวางฝ่ามือบนหน้าจอหรือคว่ำหน้าจอลงก็ได้
- ใช้ฝ่ามือปัดเพื่อจับภาพ : เป็นการใช้สันฝ่ามือปัดบนหน้าจอไปทางซ้ายหรือขวาก็ได้ เพื่อจับภาพหน้าจอ ซึ่งปกติเราจะจับภาพหน้าจอโดยการกดปุ่ม Power กับปุ่มโฮมพร้อมกัน
ระบบสแกนลายนิ้วมือ
อีกหนึ่งฟีเจอร์เด่นของ Galaxy A5 (2016) และ Galaxy A7 (2016) คือระบบสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มโฮม สามารถจดจำได้สูงสุด 3 ลายนิ้วมือ ใช้สำหรับปลดล็อคหน้าจอ, เข้าสู่ระบบเว็บไซต์ และใช้ยืนยันการซื้อคอนเทนท์ด้วย Samsung Account
แบตเตอรี่และการจัดการพลังงาน
Galaxy A5 (2016) และ Galaxy A7 (2016) มีแบตเตอรี่ความจุเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังรองรับระบบชาร์จเร็ว (Fast charging) ซึ่งในซีรีส์ 2015 จะไม่มีฟีเจอร์นี้ และมีโหมดประหยัดพลังงานที่สามารถปรับแต่งการใช้งานพลังงานของแต่ละแอพพลิเคชั่นได้ด้วย
สำหรับโหมดประหยัดพลังงานขั้นสูง หากเปิดใช้งานโหมดนี้ ระบบจะเปลี่ยนการแสดงผลเป็นสเกลสีเทาดำ และปิดการใช้งานทุกอย่าง โดยจะใช้งานได้เฉพาะฟังก์ชั่นพื้นฐานและแอพพลิเคชั่นบางตัวที่เลือกไว้ เพื่อยืดระยะเวลาแบตเตอรี่ให้อยู่ได้ยาวนานที่สุด
ตรวจสอบเซ็นเซอร์ด้วย Android Sensor Box และมัลติทัช |
- Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้
- Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
- Orientation Sensor ระบบปรับมุมมองการแสดงผลหน้าจออัตโนมัติ
- Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน
- Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
- Magnetic Sensor ตรวจวัดความเข้มสนามแม่เหล็ก
- Galaxy A5 (2016) รองรับมัลติทัชสูงสุด 5 จุด และ Galaxy A7 (2016) รองรับมัลติทัชสูงสุด 10 จุด
ผลทดสอบคะแนน Benchmark และประสิทธิภาพการทำงาน |
Galaxy A5 (2016) รันระบบปฏิบัติการ Android 5.1.1 Lollipop ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Exynos 7580 Octa-core 1.6 GHz, จีพียู Mali-T720 กับแรม 2GB และความจุตัวเครื่อง 16GB โดยผลการทดสอบ AnTuTu 6.0 ซึ่งเป็นการทดสอบการเข้าถึงการทำงานของแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้ 41,003 คะแนน ระดับคะแนนถือว่าเร็วแรงกว่าเดิมมาก
ในขณะที่ Galaxy A5 (2015) รันระบบปฏิบัติการ Android 4.4.4 KitKat ใช้ชิปประมวผล Qualcomm MSM8916 Snapdragon 410 Quad-core 1.2 GHz กับแรม 2GB และความจุตัวเครื่อง 16GB ทดสอบด้วย AnTuTu 5.6 ทำคะแนนรวมได้ 21,658 คะแนน
Galaxy A7 (2016) รันระบบปฏิบัติการ Android 5.1.1 Lollipop ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Exynos 7580 Octa-core 1.6 GHz, จีพียู Mali-T720 ตัวเดียวกันกับรุ่น Galaxy A5 (2016) กับแรม 3GB และความจุตัวเครื่อง 16GB โดยผลการทดสอบ AnTuTu 6.0 ซึ่งเป็นการทดสอบการเข้าถึงการทำงานของแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้ 41,268 คะแนน ไม่ทิ้งห่าง Galaxy A5 (2016) มากนัก เนื่องจากชิปประมวลผลเป็นตัวเดียวกัน
ในขณะที่ Galaxy A7 (2015) รันระบบปฏิบัติการ Android 4.4.4 Kitkatใช้ชิปประมวลผล Qualcomm MSM8939 Snapdragon 615 Octa-core, จีพียู Adreno 405 กับแรม 2GB และความจุตัวเครื่อง 16GB โดยผลการทดสอบ AnTuTu 5.6 ซึ่งเป็นการทดสอบการเข้าถึงการทำงานของแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้ 29,828 คะแนน
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 3 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผลและหน่วยความจำแรม การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ Galaxy A5 (2016) ทำคะแนน Single-Core ได้ 703 (A5 รุ่นเก่าทำได้ 480 คะแนน) และ Multi-Core ทำได้ 3,548 คะแนน (A5 รุ่นเก่าทำได้ 1,432 คะแนน) ถือว่าคะแนนอยู่ในระดับที่ดีมากสำหรับสมาร์ทโฟนระดับกลาง
ผลทดสอบของ Galaxy A7 (2016) ด้วย Geekbench 3 ทำคะแนน Single-Core ได้ 693 (A7 รุ่นเก่าทำได้ 649 คะแนน) และ Multi-Core ทำได้ 3,742 คะแนน (A7 รุ่นเก่าทำได้ 2,806 คะแนน)
จากผลคะแนนทดสอบจะเห็นว่าทั้ง Galaxy A5 (2016) และ Galaxy A7 (2016) ซึ่งใช้ชิปประมวลผล Exynos 7580 Octa-core 1.6 GHz สามารถทำคะแนนทิ้งห่างรุ่นเก่าในปี 2015 อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ Android 5.1.1 แม้ว่า Galaxy A7 รุ่นเก่าจะได้อัปเดทเวอร์ชั่นใหม่ แต่ล่าสุดก็ยังเป็น Android 5.0.2
กล้องถ่ายรูป |
Galaxy A5 (2016) และ Galaxy A7 (2016) ทั้งคู่มาพร้อมกล้องถ่ายรูปความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/1.9 มีระบบกันภาพสั่นไหว OIS และแฟลช LED รองรับการถ่ายภาพได้ขนาดสูงสุด 4128 x 3096 พิกเซล (ประมาณ 12.78 ล้านพิกเซล) ในอัตราส่วน 4:3
แอพกล้องรองรับการแนบตำแหน่งแผนที่ลงในภาพถ่าย, สั่งงานด้วยเสียง เช่น พูดคำว่า “Smile” หรือ “Capture” เป็นต้น และสามารถตั้งค่าปุ่มระดับเสียงให้ใช้งานเป็นปุ่มถ่ายรูป, บันทึกวิดีโอ หรือซูมก็ได้
โหมดถ่ายรูปที่มีให้ใช้งาน ได้แก่ โหมดอัตโนมัติ, โหมดโปร, Panorama, ถ่ายต่อเนื่อง, HDR, กลางคืน และสามารถเข้าไปดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้
โหมดออโต้
กล้องหลังของ Galaxy A5 (2016) และ Galaxy A7 (2016) ช่วยให้การถ่ายภาพทำได้ดีขึ้นด้วยระบบกันสั่น เพราะในรุ่นเก่าจะไม่มีตัวกันสั่น สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปแล้วโหมดออโต้หรืออัตโนมัติน่าจะเป็นที่ใช้งานกันบ่อยและง่ายที่สุด เพียงหยิบมือถือขึ้นมาแล้วเปิดกล้อง เลือกจุดโฟกัส ก็ถ่ายภาพได้ทันที ซึ่งในโหมดนี้ก็ยังใส่ฟีเจอร์ล็อคจุดวัดแสงกับจุดโฟกัสได้ด้วย แต่ไม่สามารถแยกจุดโฟกัสกับจุดวัดแสงออกจากกันได้
ตัวอย่างภาพถ่าย
โหมด Panorama
โหมด Panorama เป็นการแพนกล้องในแนวนอนหรือแนวตั้งเพื่อเก็บภาพหลายภาพเป็นภาพเดียวกัน เหมาะกับการถ่ายวิว แต่พบว่าไม่สามารถถือมือถือในแนวนอนได้เมื่อถ่ายด้วยโหมดนี้ ต้องถือมือถือแนวตั้งแล้วแพนกล้องไปทางซ้ายหรือขวา
โหมดโปร
โหมดโปร หรือ Manual Mode สามารถปรับค่าการชดเชยแสง +/-2, ค่า ISO 100-800, และค่า White Balance
ภาพเปรียบเทียบตัวอย่างการปรับค่าชดเชยแสง
โหมด HDR (ริชโทน)
โหมด HDR เป็นการถ่ายรูปหลายรูป ที่มีค่าความสว่างของแสงแตกต่างกัน แล้วเอาภาพมารวมกันเป็นภาพเดียว ทำให้เวลาถ่ายภาพด้วยโหมดนี้จำเป็นต้องถือกล้องนิ่ง ๆ สักพัก เพื่อให้ได้ภาพที่มีรายละเอียดครบ ทั้งพื้นที่ส่วนที่สว่างและส่วนที่มืด
นอกจากนี้แล้วยังมีฟิลเตอร์ให้เลือกใช้ในการถ่ายภาพได้ด้วย ได้แก่ โทนภาพสีเทา และโพสเตอร์ไรซ์
โหมดที่ดาวน์โหลดเพิ่มเติมที่น่าสนใจอย่างเช่น โหมดเซลฟี่กล้องหลัง (Rear-cam Selfie) เป็นการใช้กล้องหลังในการเซลฟี่ ซึ่งแน่นอนว่าเราจะมองไม่เห็นว่าจอแสดงผล แต่ด้วยโหมดนี้ระบบจะทำการตรวจจับใบหน้าแล้วโฟกัส จากนั้นจะสั่นนับถอยหลังเพื่อให้เรารู้ว่ากล้องกำลังจะถ่ายแล้วนะ จากนั้นก็จะชัตเตอร์ให้อัตโนมัติ
สำหรับกล้องหน้าของ Galaxy A5 (2016) และ Galaxy A7 (2016) มีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/1.9 ช่วยให้เซลฟี่ได้สว่างขึ้นกว่าเดิม มาพร้อมโหมดหน้าสวยที่สามารถปรับความขาวเนียนได้ 8 ระดับ, ปรับหน้าเรียว และตาโตได้ด้วย คงถูกใจคนรักเซลฟี่อย่างแน่นอน
โหมดกล้องหน้าที่น่าสนใจ ถ่ายภาพตนเองแบบกว้าง ซึ่งก็คือโหมดสำหรับเซลฟี่แบบกลุ่มโดยการเก็บภาพ 3 ช็อต คือตรงกลาง ซ้าย และขวา แล้วรวมเป็นภาพเดียวที่ให้มุมกว้างเก็บภาพได้กว้างขึ้น จะได้ไม่ตกเฟรมนั่นเอง
สรุปจุดเด่น Samsung Galaxy A5 (2016) และ Galaxy A7 (2016) |
- ดีไซน์และวัสดุตัวเครื่องระดับพรีเมียม ด้วยโหละกับกระจกแบบเดียวกับ Galaxy S6
- หน้าจอขนาดใหญ่ ให้ความคมชัดระดับ Full HD 1080p ซึ่งเป็นหน้าจอแบบ Super AMOLED ให้อัตราส่วนคอนทราสสูง, กระจกจอขอบโค้งมน และขอบจอบางกว่าเดิมทำให้ดูสวยงามมากขึ้น
- ลำโพงอยู่ที่ขอบด้านล่างตัวเครื่อง ไม่มีปัญหาเรื่องการบังเสียงจากช่องลำโพงเมื่อวางหงายตัวเครื่อง
- ชิปประมวลผล Exynos 7580 Octa-core 1.6 GHz เร็วแรงกว่าเดิม
- กล้องถ่ายรูป 13 ล้านพิกเซล ถ่ายได้ดีขึ้นกว่าเดิมด้วยระบบกันภาพสั่นไหว OIS และค่ารูรับแสง f/1.9 รวมถึงกล้องหน้าที่มีค่ารูรับแสง f/1.9 ด้วย
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มโฮม
- แบตเตอรี่อึดขึ้นด้วยความจุที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม และรองรับระบบชาร์จเร็ว ช่วยลดระยะเวลาในการชาร์จ
- ใช้งานได้ 2 ซิมการ์ด รองรับ 3G/4G และมีช่องใส่ microSD card แยกต่างหาก
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ต้องเลือกซิมใดซิมหนึ่งให้ใช้งาน 3G/4G แล้วอีกซิมจะสลับไปใช้งาน 2G สำหรับการโทรอัตโนมัติ
นอกจากนี้ Samsung Galaxy A5 (2016) และ A7 (2016) ยังแถมฟรี Samsung – EVO+ 32GB microSDHC Class 10 UHS-1 ให้ด้วย
ขอขอบคุณ Samsung (ประเทศไทย)