IT News
อาร์ทีบีฯ ส่งกล้องติดรถยนต์ “DOD” แบรนด์อันดับ 1 จากไต้หวันลุยตลาดไทยเป็นครั้งแรก
อาร์ทีบีฯ ส่งกล้องติดรถยนต์นวัตกรรมใหม่ล่าสุด “DOD” แบรนด์อันดับ 1 จากไต้หวันลุยตลาดเป็นครั้งแรกในเมืองไทย ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสูงสุดในการบันทึกภาพทั้งกลางวันและกลางคืน พร้อมระบบล็อคไฟล์อัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด ตอบรับกระแสความนิยมกล้องติดรถยนต์ที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มคนรักรถรุ่นใหม่ที่พิถีพิถันในรายละเอียดคุณภาพความคมชัดสูง ด้วยการรุกเปิดตัวนวัตกรรมกล้องติดรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ไต้หวัน DOD (ดีโอดี) ที่มาพร้อมกันถึง 2 รุ่น ได้แก่ “LS470W” และ “IS200W” ลุยตลาดเสริมพอร์ตอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งกล้องทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับเทคโนโลยีการบันทึกภาพที่เหนือระดับด้วยเทคโนโลยีระดับ Full HD และ ISO ที่สูงสุดในท้องตลาดถึง 128000 พร้อมดีไซน์ ล้ำสมัยและฟังก์ชั่นการใช้งานที่พร้อมตอบสนองรูปแบบการใช้งานของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างครบครัน เพื่อสร้างประสบการณ์สุดพิเศษในการเก็บบันทึกทุกรายละเอียดภาพในทุกช่วงเวลาอย่างเต็มประสิทธิภาพ
สำหรับกล้องติดรถยนต์ DOD LS470W มาพร้อมเทคโนโลยีก้าวล้ำเพื่อช่วยให้คนรักรถสามารถบันทึกภาพยามขับขี่ได้อย่างสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นด้วย Sony Exmor CMOS Sensor ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับกล้องติดรถยนต์รุ่น LS470W ซึ่งเป็นระบบเซ็นเซอร์ที่ช่วยเพิ่มภาพคมชัดเหนือระดับและลดสัญญาณรบกวนแม้ถ่ายในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อยหรือภาพเคลื่อนไหวในขณะถ่ายภาพ ทั้งยังได้ภาพที่มีขนาดใหญ่กว่าถึง 20% ขณะเดียวกัน ยังโดดเด่นด้วยระบบประมวลผลภาพ WDR (Wide dynamic range) และค่า ISO 128000 ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในกล้องติดรถยนต์ในตลาดขณะนี้ พร้อมรูรับแสงที่มีความกว้างขนาด F/1.6 ทำให้ผู้ใช้สามารถจับภาพได้คมชัดและให้ความละเอียดสูงแม้ในตอนกลางคืนหรือมีแสงน้อย
ยิ่งกว่านั้น ยังมีความพิเศษอยู่ที่การบันทึกภาพวิดีโอคมชัดระดับ Full HD 1080p ทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยีเลนส์กระจกแบบ 7 ชั้น ช่วยให้ได้ภาพสดใสคมชัดและให้แสงที่สวยงามสมจริงอย่างเป็นธรรมชาติและสามารถเก็บภาพในมุมมองที่กว้างด้วยเลนส์ 150 องศา พร้อมหน้าจอขนาด LCD 2.7 นิ้ว ทำให้มองเห็นรายละเอียดโดยรวมได้มากกว่ากล้องทั่วไป ทั้งยังช่วยเตือนความเร็วหากคุณขับรถเกินกำหนดและเก็บพิกัดทิศทางของรถยนต์ด้วยระบบ GPS ความเร็ว 10X ที่สามารถบอกความเร็วของรถได้เทียบเท่ากับความเร็วจริง ช่วยให้เราสามารถเก็บข้อมูลการเดินทางได้อย่างละเอียด นอกจากนี้ยังรองรับฟังก์ชั่น Parking Mode ที่จะช่วยให้คุณไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวแม้จอดรถทิ้งไว้ และด้วยระบบเซ็นเซอร์อัจริยะ G-Sensor ตรวจจับแรงสั่นสะเทือนขณะมีอุบัติเหตุเพื่อป้องกันไฟล์สูญหายและ Motion Detection บันทึกภาพอัตโนมัติเมื่อ Start รถยนต์ และปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องยนต์ เพื่อสร้างประสบการณ์ในการเก็บบันทึกทุกรายละเอียดภาพในทุกช่วงเวลาอย่างเต็มประสิทธิภาพอีกด้วย โดยกล้องติดรถยนต์ DOD LS470W พร้อมวางจำหน่ายในราคา 6,990 บาท
ส่วนกล้องติดรถยนต์ DOD IS200W เป็นกล้องที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ทันสมัย ขนาดเล็กกะทัดรัดแต่สะดวก คล่องตัวในการใช้งานสูง และที่สำคัญคือ สามารถบันทึกภาพคมชัดในระดับ FULL HD 1080p และสามารถปรับความละเอียดเพื่อการบันทึกทึกที่ยาวนานขึ้น โดยมาพร้อมหน้าจอขนาด LCD 2.7 นิ้ว และเลนส์กว้างถึง 140 องศาทำให้คุณมั่นใจได้ว่าจะเก็บภาพได้ครอบคลุมทุกมุมมอง นอกจากนี้ ยังมีความพิเศษด้วยชิปประมวลผลใหม่ ซึ่งทำให้กล้องทำงานได้เร็วขึ้น 2 เท่า มากกว่ากล้องติดรถในท้องตลาดปัจจุบัน แถมยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีคุณภาพอย่าง WDR (Wide dynamic range) ที่สามารถเก็บภาพในยามกลางคืนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และเทคโนโลยี 3D Noise Reduction ที่ช่วยลดสัญญาณรบกวนจากการบันทึกภาพที่มีแสงน้อยให้คมชัดสดใส พร้อมค่ารูรับแสงขนาด F/1.8 และ ISO 3200 ช่วยให้กล้องติดรถยนต์มีความไวในการปรับแสงและสามารถบันทึกภาพในสภาพแสงน้อยหรือไม่มีแสงไฟจากถนนยิ่งขึ้น ทั้งยังมี SOS Files Locking Function ที่จะช่วยล็อคไฟล์เพื่อป้องกันไฟล์ที่ต้องการถูกเขียนทับและสูญหาย รวมถึงระบบ G-Sensor ที่ช่วยตรวจจับแรงสั่นสะเทือนขณะมีอุบัติเหตุเพื่อป้องกันไฟล์สูญหายและฟังก์ชั่นบันทึกภาพเมื่อมีสิ่งเคลื่อนไหวหรือฟังก์ชั่นตรวจจับสิ่งเคลื่อนไหว (Motion Detection Function) บันทึกภาพอัตโนมัติเมื่อ Start รถยนต์ และปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องยนต์ โดยกล้องติดรถยนต์ DOD IS200W พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคา 4,490 บาท
สำหรับผู้สนใจสามารถหาซื้อและสัมผัสประสบการณ์ใช้งานกล้องติดรถยนต์สุดคมชัดสายพันธุ์ใหม่จากจาก “DOD” ทั้ง 2 รุ่นใหม่ล่าสุดได้แล้ววันนี้ที่ Jaymart, The Mall บางกะปิ, Siam Paragon, Central ลาดพร้าว, Betrend, Digital2home, Loft, FotoFile, Shop@7, Tohome.com, Centralonline.com , www.gadgetthai.bentoweb.com และ KDT-Shop และ หรือสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทาง www.rtbtechnology.com