Smart Review
รีวิว OPPO F1 Plus ดีไซน์สวยงามสุดบางเบา เอาใจคอเซลฟี่ด้วยกล้องหน้า 16 ล้าน!
OPPO F1 Plus สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมดีไซน์สุดเพรียวบางเพียง 6.6 มม. ชูจุดเด่นกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Mediatek MT6755 Helio P10 กับแรม 4GB และแบตเตอรี่รองรับระบบชาร์จเร็ว VOOC
สรุปข้อมูลและสเปค OPPO F1 Plus
- ราคาเปิดตัว 15,990 บาท (เมษายน 2016)
- ขนาดตัวเครื่อง 151.8 x 74.3 x 6.6 มม.
- น้ำหนัก 145 กรัม
- 3G, 4G LTE Cat6 300/50 Mbps
- 2 ซิมการ์ด (Nano SIM + Nano SIM)
- หน้าจอแสดงผล 5.5 นิ้ว AMOLED Full HD 1080p
- รันระบบปฏิบัติการ Color OS 3.0 (Android 5.1 Lollipop)
- ชิปเซ็ต Mediatek MT6755 Helio P10
- ซีพียู Octa-core 2.0 GHz Cortex-A53
- จีพียู Mali-T860
- แรม 4 GB
- ความจำภายในตัวเครื่อง 64GB เพิ่มได้ด้วย microSD card สูงสุด 128GB (ใส่ช่องซิม 2)
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, f/2.2 และแฟลช Dual LED
- กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, f/2.0
- รองรับ Wi-Fi a/b/g/n, Bluetooth 4.0
- รองรับระบบ GPS, A-GPS
- แบตเตอรี่ 2,850 mAh ถอดเปลี่ยนเองไม่ได้ รองรับระบบชาร์จเร็ว VOOC
- ปุ่มโฮมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอแสดงผล
ตัวเครื่องของ OPPO F1 Plus มีดีไซน์ที่สวยงามคุ้นตา และเป็นรุ่นแรกจาก OPPO ด้วยที่มีปุ่มโฮมแบบกด หากย้อนกลับไปดูรุ่นก่อนหน้านี้จะเป็นปุ่มแบบสัมผัสทั้งหมด
OPPO F1 Plus มีขนาดความบางเพียง 6.6 มม. หนัก 145 กรัม ถือว่าบางเบามาก ๆ หากเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ๆ ที่มีขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้วเท่ากัน ส่วนหนึ่งก็มาจากการดีไซน์ขอบจอให้มีความบางลงมาก ทำให้รุ่นนี้มีสัดส่วนหน้าจอมากถึง 73.9% ของตัวเครื่อง
ขอบกระจกด้านหน้าของตัวเครื่องมีความโค้งมนแบบ 2.5D โดยหน้าจอ 5.5 นิ้วของ F1 Plus เป็นหน้าจอแบบ AMOLED ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล มีความหนาแน่นโดยประมาณ 401 พิกเซลต่อนิ้ว
เหนือหน้าจอมีเลนส์กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, ช่องลำโพงสำหรับเสียงสนทนา และเซ็นเซอร์ Proximity โดยมีไฟ LED แจ้งเตือนอยู่บริเวณมุมขวาบน
ล่างหน้าจอมีปุ่มโฮมแบบกดที่มีเซ็นเซอร์สำหรับสแกนลายนิ้วมือ โดยมีปุ่ม Recent App (ซ้าย) และปุ่มย้อนกลับ (ขวา) เป็นปุ่มแบบสัมผัสพร้อมไฟส่องสว่าง (Backlight)
ขอบด้านล่างตัวเครื่องมีช่องลำโพงสำหรับเสียงสื่อมัลติมีเดียหรือเสียงแจ้งเตือนต่าง ๆ ,พอร์ตเชื่อมต่อขนาด micro USB, ไมโครโฟนหลักสำหรับเสียงสนทนา และช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม.
ขอบด้านบนมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
ขอบด้านซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียง
ขอบด้านขวามีปุ่ม Power และช่องถาดใส่ซิม
OPPO F1 Plus รองรับซิมการ์ดขนาด Nano SIM ทั้ง 2 ช่อง หรือจะเลือกใส่ microSD card ในช่องซิม 2 ก็ได้เช่นกัน รองรับความจุสูงสุด 128GB
ด้านหลังตัวเครื่องมีลักษณะผิวเรียบ และที่เห็นเป็นเส้นสีขาวคาดด้านบนกับด้านล่างนั้นคือบริเวณเสารับสัญญาณ ถอดฝาหลังไม่ได้ ภายในมีแบตเตอรี่ขนาด 2,850 mAh
เลนส์กล้องหลังมีขนาดความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และมีแฟลช LED
ตัวโมดูลของเลนส์กล้องจะนูนขึ้นมาเหนือฝาหลังเล็กน้อย และถูกจัดวางให้อยู่บริเวณชิดมุมซ้าย
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน
OPPO F1 Plus รันระบบปฏิบัติการที่ปรับแต่งเองในชื่อ Color OS 3.0 บนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop ปลดล็อกหน้าจอโดยการปัดขึ้น หรือแตะที่ไอคอนกล้องถ่ายรูปเพื่อเปิดใช้งานกล้องถ่ายรูปได้ทันที
ไอคอนแอพพลิเคชั่นทุกตัวที่ทำการติตดั้งลงใน F1 Plus จะถูกจัดเรียงไว้ในหน้าโฮมทั้งหมด เนื่องจากไม่มีในส่วนของ App Drawer
ลากแถบบาร์ด้านบนลงมาจะเป็นในส่วนของการแจ้งเตือนต่าง ๆ และแผง Quick Settings
เมื่อแตะปุ่ม Recent App (ปุ่มขวา) จะเป็นหน้าสำหรับปิดการทำงานของแอพพลิเคชั่นที่เปิดใช้งานอยู่เพื่อเคลียร์ความจำแรม หรือจะเลือกแตะเข้าใช้งานต่อก็ได้เช่นกัน
ฟีเจอร์การใช้ท่าทางและการเคลื่อนไหว
ท่าทางหน้าจอปิด เป็นฟีเจอร์สั่งงานโดยการวาดตัวอักษรลงบนหน้าจอที่ปิดอยู่เพื่อเรียกใช้งานแอพต่าง ๆ ตามที่ได้ตั้งค่าไว้ รวมถึงสามารถวาดท่าทางเพื่อควบคุมเพลง และเคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อเปิดหน้าจอ
ท่าทางด่วน เป็นการใช้ท่าทางขณะหน้าจอเปิด ได้แก่ เลื่อน 3 นิ้วขึ้นลงเพื่อจับภาพหน้าจอ และลากนิ้วจากมุมซ้ายลางหรือมุมขวาล่างเข้าหาบริเวณตรงเพื่อย่อขนาดหน้าจอให้ใช้งานมือเดียวได้
การโทรอัจฉริยะ เป็นฟีเจอร์ท่าทางเกี่ยวกับการใช้งานการโทร ได้แก่
- ยกโทรศัพท์แนบหูเมื่ออยู่ในหน้ารายชื่อติดต่อหรือประวัติการโทร เพื่อโทรออกไปยังหมายเลขนั้น ๆ ได้ทันที
- รับสายอัตโนมัติโดยการยกโทรศัพท์แนบหู
- ยกโทรศัพท์แนบหูเพื่อสลับมาใช้งานช่องลำโพงเสียงสนทนา
- พลิกหน้าจอโทรศัทพ์เพื่อปิดเสียง
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มโฮมรองรับการจดจำได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ ใช้สำหรับปลดล็อกหน้าจอ, ล็อคแอพพลิเคชั่น และล็อคไฟล์
แอพศูนย์ความปลอดภัย เป็นแอพสำหรับจัดการระบบโดยมีฟีเจอร์สแกนเพื่อทำการลบไฟล์ขยะ, การอนุญาต และสแกนไวรัส ซึ่งเป็นตัวสแกนไวรัสจาก Avast
แกลเลอรี่รูปภาพจะแสดงได้ทั้งตามเวลาและอัลบั้ม มาพร้อมเครื่องมือแก้ไขรูปภาพ เช่น ครอปรูปภาพ, ตัวกรองสี, ทำภาพเบลอ, โมเสก และวาดรูปลงบนภาพ เป็นต้น
เครื่องเล่นวิดีโอ สามารถเล่นแบบเต็มจอ หรือย่อขนาดหน้าจอแล้วลอยอยู่เหนือต่างจออื่น ๆ ได้ด้วย
ตรวจสอบเซ็นเซอร์ด้วย Android Sensor Box และมัลติทัช
- Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้
- Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
- Orientation Sensor ระบบปรับมุมมองการแสดงผลหน้าจออัตโนมัติ
- Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน
- Gyro Sensor ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบ 3 แกน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และ
ความยืดหยุ่นหลากหลายในการควบคุม - Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
- Magnetic Sensor ตรวจวัดความเข้มสนามแม่เหล็ก
ผลทดสอบคะแนน Benchmark และประสิทธิภาพการทำงาน
OPPO F1 Plus รันระบบปฏิบัติการ Color OS 3.0 (Android 5.1 Lollipop) ใช้ชิปเซ็ต Mediatek MT6755 Helio P10 ซีพียู Octa-core 2.0GHz Cortex-A53 กับจีพียู Mali-T860 และแรม 4GB
โดยผลการทดสอบ AnTuTu 6.0.1 ในโหมด 64-bit ซึ่งเป็นการทดสอบการเข้าถึงการทำงานของแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้ 51,558 คะแนน ระดับคะแนนทำได้ใกล้เคียงกับรุ่นที่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 808
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 3 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผลและหน่วยความจำแรม การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ OPPO F1 Plus ทำคะแนน Single-Core ได้ 856 คะแนนถือว่าอยู่ในระดับกลาง ๆ และ Multi-Core ทำได้ 3,232 คะแนน ระดับคะแนนถือว่าค่อนข้างดีมาก
กล้องถ่ายรูป
OPPO F1 Plus มีเลนส์กล้องหลังขนาดความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และเลนส์กล้องหน้าขนาดความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด 1080p
กล้องหน้ามาพร้อมโหมดที่ช่วยปรับแสงของภาพเซลฟี่ให้ได้ความสว่างที่เหมาะสมเป็นธรรมชาติอัตโนมัติ ดังนั้นเมื่อถ่ายภาพด้วยกล้องหน้าระบบจะปรับโทนแสงให้เลย
กล้องหน้ายังมีโหมด Selfie Panorama สำหรับถ่ายเซลฟี่มุมกว้างโดยการถ่าย 3 ช็อต คือตรงกลาง ซ้าย ขวา แล้วนำมารวมเป็นภาพเดียวกัน
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่กล้องหน้าของ OPPO F1 Plus มีนั่นก็คือ Screen Flash เป็นการใช้แสงจากหน้าจอช่วยเพิ่มความสว่างแทนไฟแฟลช สำหรับการถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อย
ตัวอย่างภาพกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพกล้องหลัง
สรุปจุดเด่น
- ดีไซน์สวยงาม บางเฉียบ และนำหนักเบา อีกทั้งหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 5.5 นิ้ว สีสันสวยงามด้วยหน้าจอแบบ AMOLED ความคมชัด 1080p
- ชิปประมวลผล MT6755 Helio P10 Octa-core 2.0 GHz กับแรม 4 GB และรันระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop การทำงานลื่นไหลดี
- ความจำภายในตัวเครื่อง 64GB เพิ่มได้ด้วย microSD card สูงสุด 128GB (ใส่ช่องซิม 2)
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, f/2.2 และกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, f/2.0
- แบตเตอรี่ 2,850 mAh ถอดเปลี่ยนเองไม่ได้ รองรับระบบชาร์จเร็ว VOOC
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ไม่มี NFC
ขอบคุณ THAI OPPO CO.,LTD