Featured
รีวิว Infinix NOTE 2 LTE (X600) แฟบเล็ตหน้าจอ 5.98 นิ้ว, รองรับ 4G และแบตอึด 4,000mAh
Infinix NOTE 2 LTE (X600) แฟบเล็ตหน้าจอ 5.98 นิ้ว รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE ใช้ชิปประมวลผล MT6753 64-bit แบบ Octa-core ความเร็ว 1.3GHz กับแรม 2GB และความจุตัวเครื่อง 16GB เพิ่มได้ด้วย microSD card
สรุปข้อมูลและสเปค Infinix NOTE 2 LTE (X600) |
- ราคาเปิดตัว 4,888 บาท (มิถุนายน 2016)
- ขนาดตัวเครื่อง 159.5 x 82.5 x 9.3 มม.
- น้ำหนัก 194 กรัม
- ใช้งานได้ 2 ซิมการ์ด (2 x Micro SIM)
- เครือข่าย 2G/3G/4G LTE
- หน้าจอแสดงผล 5.98 นิ้ว IPS HD
- รันระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop ครอบด้วย XUI
- ชิปเซ็ต MT6753
- ซีพียู 64-bit Octa-core 1.3 GHz
- จีพียู Mali-T720
- แรม 2 GB
- ความจำภายในตัวเครื่อง 16 GB เพิ่มได้ด้วย microSD card สูงสุด 32GB
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ระบบโฟกัส PDAF และแฟลช LED
- กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- รองรับ Wi-Fi, Bluetooth
- รองรับระบบ GPS, A-GPS
- แบตเตอรี่ 4,000 mAh ถอดเปลี่ยนเองไม่ได้ และรองรับชาร์จเร็ว
อุปกรณ์ภายในกล่อง |
- ตัวเครื่อง Infinix NOTE 2 LTE (X600) พร้อมแบตเตอรี่ฝังติดกับตัวเครื่อง
- สายเคเบิล micro USB สำหรับชาร์จแบตและถ่ายโอนข้อมูล
- อะแดปเตอร์สำหรับแปลงไฟชาร์จแบต
- คู่มือการใช้งาน
สำหรับอะแดปเตอร์ที่ให้มา จ่ายไฟได้สูงสุด 2A โดยตัวเครื่องก็รองรับระบบ Flash Charging ซึ่งจากการทดสอบพบว่าต้องใช้อะแดปเตอร์ที่มากลับกล่องจึงจะใช้งานฟีเจอร์ชาร์จเร็วนี้ได้ หากใช้อะแดปเตอร์อื่นจะไม่รองรับการชาร์จเร็ว
ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอแสดงผล |
Infinix NOTE 2 LTE (X600) มีวัสดุหลักเป็นพลาสติกที่ดีไซน์ให้ดูพรีเมียมคล้ายโลหะ โดยมีจุดเด่นของดีไซน์อยู่ที่ฝาหลังตัวเครื่อง ด้วยลวดลายการขัดผิวลานเส้น ซึ่งมองดูแล้วก็ดูคล้าย ๆ ผ้าไหมของไทย
หน้าจอของ NOTE 2 LTE มีขนาด 5.98 นิ้ว หรือจะเรียกว่า 6 นิ้วก็ไม่ผิดนัก มีความละเอียดหน้าจอ 720 x 1280 พิกเซล ความหนาแน่นของจุดพิกเซลประมาณ 245 พิกเซลต่อนิ้ว (PPI) และใช้แผงหน้าจอ IPS จึงทำให้รุ่นนี้แม้ความละเอียดจะอยู่ที่ระดับ HD แต่มุมมองสีสันที่เห็น ก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ
เหนือหน้าจอ เริ่มจากทางซ้ายจะมีเซ็นเซอร์ Proximity สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน, ไฟแจ้งเตือน LED, เลนส์กล้องหน้าขนาดความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และลำโพงสำหรับเสียงสนทนาการโทร
ล่างหน้าจอไม่มีปุ่มใด ๆ โดยปุ่มนำทางทั้ง 3 ปุ่ม จะอยู่บนหน้าจอแสดงผล
ขอบด้านบนมีช่องหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม.
ขอบด้านล่างมีพอร์ตเชื่อมต่อ micro USB และไมโครโฟน
ขอบด้านซ้ายไม่มีปุ่มใด ๆ ส่วนขอบด้านขวา มีปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่ม Power
เลนส์กล้องหลังมีขนาดความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และแฟลช LED โดยมีโลโก้ Infinix สลักอยู่บนฝาหลัง
บริเวณด้านหลังส่วนล่างมีช่องสำหรับเสียงลำโพง
ฝาหลังสามารถแกะเปิดออกได้ โดยภายในมีก้อนแบตเตอรี่ขนาดความจุ 4,000 mAh ฝังติดกับตัวเครื่อง ไม่สามารถแกะออกได้
ช่องใส่ซิมการ์ดทั้ง 2 ช่อง รองรับขนาด Micro SIM และมีช่องใส่ microSD card รองรับความจุสูงสุด 32GB
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน |
Infinix NOTE 2 LTE (X600) รันระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop ครอบทับด้วยอินเตอร์เฟซที่ปรับแต่งใหม่ในชื่อ XUI (เอ็กซ์ยูไอ)
ในหน้าจอล็อค รองรับการแสดงการแจ้งเตือนต่าง ๆ และภาพวอลเปเปอร์จะสลับเปลี่ยนรูปภาพไม่ซ้ำตามอัลบั้มที่ได้เลือกไว้ สามารถปลดล็อคหน้าจอโดยการแตะแล้วปัดขึ้น หรือจะเลือกแตะไอคอนโทรศัพท์กับไอคอนกล้องถ่ายรูป เพื่อปลดล็อคใช้งานแอพได้ทันที
ในหน้าโฮม รองรับการจัดเรียงไอคอนแอพพลิเคชั่น, จัดวางวิดเจ็ต, และเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์ โดยในส่วนของ App Drawer จะจัดเรียงไอคอนแบบ 4×6 แถว
เมื่อลากแถบบาร์ด้านบนลง จะเป็นในส่วนของการแจ้งเตือนต่าง ๆ และ Quick Settings ซึ่งเป็นส่วนสำหรับเปิด-ปิดการใช้งานของระบบ โดยการแตะที่ไอคอนที่ต้องการได้เลย ไม่ต้องเข้าเมนูการตั้งค่าตัวเครื่องให้ยุ่งยาก
เมื่อแตะที่ปุ่ม App Switcher (ปุ่มซ้ายสุด) จะแสดงรายแอพพลิเคชั่นที่เปิดใช้งานอยู่ล่าสุด สามารถแตะเข้าใช้งานต่อหรือปิดการทำงานก็ได้ และมีปุ่มสำหรับปิดการทำงานทั้งหมดในปุ่มเดียวเพื่อเคลียร์หน่วยความแรมด้วย
Infinix NOTE 2 LTE (X600) รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด โดยช่องซิม 1 จะรองรับการใช้งานเครือข่าย 2G/3G/4G LTE และช่องซิม 2 รองรับการใช้งานเฉพาะเครือข่าย 2G หรือใช้งานการโทรได้เท่านั้น
สำหรับการเชื่อมต่อไร้สายที่ NOTE 2 LTE (X600) รองรับ ได้แก่ Wi-Fi, Bluetooth และถ่ายแชร์ไฟล์ผ่านเทคโนโลยี HotKnot สำหรับส่งไฟล์ระหว่างสมาร์ทโฟนโดยการประกบหน้าจอกัน
หน้าจอการแสดงผลของ NOTE 2 LTE (X600) สามารถปรับค่าสีได้ 2 โหมด คือ มาตรฐาน และสดใส ที่ให้สีสันของภาพมีความสดมากขึ้น หรือจะเลือกใช้ โหมดผู้ใช้ เพื่อให้ระบบปรับค่าให้อัตโนมัติตามการแสดงผลแต่ละชนิด ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจาก MiraVision
NOTE 2 LTE (X600) สามารถเปลี่ยนตัวหนังสือหรือฟอนท์ได้จากเมนูตัวเครื่อง หรือจะดาวน์โหลดเพิ่มเติมก็ทำได้เช่นกัน
ไฟแจ้งเตือนแบบ LED ที่อยู่เหนือหน้าจอ สามารถตั้งค่าให้สว่างเมื่ออยู่ในสถานะต่าง ๆ ได้ เช่น แสดงไฟสีแดงเมื่อชาร์จแบตและปิดหน้าจอ, กระพริบไฟสีเขียวเมื่อมีสายไม่ได้รับ เป็นต้น
พื้นที่ความจะตัวเครื่อง 16GB เหลือใช้จริงเกือบ ๆ 10GB สามารถใส่เมมเพิ่มได้อีกสูงสุด 32GB
ฟีเจอร์การสั่งงานด้วยท่าทาง ได้แก่
- เคาะหน้าจอ 2 ครั้ง เพื่อเปิดหน้าจอ
- เปิดใช้งานแอพ โดยการวาดตัวหนังสือบนหน้าจอขณะปิดอยู่ เช่น วาดตัว C เพื่อเปิดใช้งานแอพกล้องถ่ายรูป
- การใช้งานมือเดียว โดยการย่อหน้าจอให้เล็กลง เลือกได้ 2 ขนาด คือ ยอให้เหลือหน้าจอ 4.7 นิ้ว หรือ 4 นิ้ว
Infinix NOTE 2 LTE (X600) มีแบตเตอรี่ขนาดความจุ 4,000 mAh ซึ่งถือว่าเยอะพอสมควร แม้หน้าจอขนาดใหญ่ แต่หากเทียบกับความละเอียดหน้าจอ HD ก็ใช้งานได้ทั้งวันสบาย ๆ พร้อมโหมดประหยัดพลังงานเข้ามาช่วยจัดการพลังงานให้ได้ใช้งานยาวนานขึ้นด้วย และรองรับระบบ Flash Charging ช่วยให้ชาร์จเร็วขึ้น
นอกจากนี้ก็ยังมีโหมดประหยัดพลังงานต่ำพิเศษ หากเปิดใช้งานโหมดนี้ จะถูกจำกัดการใช้งาน สามารถใช้งานได้เพียงบางแอพเท่านั้น ซึ่งเป็นแอพพื้นฐาน ได้แก่ การโทร, ข้อความ, บันทึกข้อความ, เครื่องคิดเลข, เครื่องบันทึกเสียบ, นาฬิกา และปิดการเชื่อมต่อไร้สายทั้ง Wi-Fi และ Bluetooth เพื่อประหยัดพลังงานให้ได้มากที่สุด แต่หน้าจอก็ยังแสดงผลเป็นจอสี โดยแบตเตอรี่ 60% อยู่ได้นานสูงสุด 30 ชั่วโมงกับอีก 30 นาที
XTheme ซึ่งเป็นระบบธีมหรือรูปแบบอินเตอร์เฟซของ Infinix NOTE 2 LTE (X600) ก็มีให้เลือกใช้งานหลากหลาย สามารถเข้าไปดาวน์โหลดกันได้ฟรี ๆ
ตรวจสอบเซ็นเซอร์ด้วย Android Sensor Box |
- Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้
- Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
- Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน
- Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
ทดสอบประสิทธิภาพการทำงาน |
Infinix NOTE 2 LTE (X600) รันระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop ใช้ชิปเซ็ต MT6753 ซีพียู 64-bit Octa-core 1.3 GHz กับจีพียู Mali-T720 และแรม 2 GB โดยตัวระบบปฏิบัติการและซีพียูเป็น 64-bit ทั้งคู่
ผลการทดสอบ AnTuTu 6.0 ในโหมด 64-bit ซึ่งเป็นการทดสอบการเข้าถึงการทำงานของแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้ 35,834 คะแนน
ทดสอบด้วย Geekbench 3 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผลและหน่วยความจำแรม การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ Infinix NOTE 2 LTE (X600) ทำคะแนน Single-Core ได้ 617 และ Multi-Core ทำได้ 2,959 คะแนน
ผลการทดสอบเล่นทั่วไปก็ถือว่าทำงานได้ดี ลื่นไหล แต่บางเกมที่จำเป็นต้องใช้เซ็นเซอร์ Gyro อย่างเช่น เกมแข่งรถ อาจส่งผลให้การควบคุมทิศทางการเล่นเกมมีปัญหา
กล้องถ่ายรูป |
กล้องถ่ายรูปด้านหลังของ Infinix NOTE 2 LTE (X600) มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพได้ขนาดสูงสุดทั้งอัตราส่วน 4:3 และ 16:9 มีระบบออโต้โฟกัส สามารถเลือกจุดโฟกัสโดยการแตะบนหน้าจอ และรองรับการบันทึกวิดีโอ 1080p ส่วนกล้องหน้าขนาดความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมโหมดหน้าสวย ที่ปรับความขาวเนียนได้ 9 ระดับ แต่ภาพที่ได้อาจไม่ค่อยชัดมากกนัก เนื่องจากความละเอียดของกล้องน้อยไปหน่อย
โหมดถ่ายภาพที่มีให้ใช้งาน ได้แก่ โหมด HDR, หน้าสวย, พาโนรามา, กลางคืน, และโหมด PIP
สำหรับโหมด HDR เป็นการเก็บรายละเอียดของภาพหลายภาพ ที่มีค่าความสว่างของแสงแตกต่างกัน แล้วเอาภาพมารวมกันเป็นภาพเดียว ทำให้เวลาถ่ายภาพด้วยโหมดนี้จำเป็นต้องถือกล้องนิ่ง ๆ สักพัก เพื่อให้ได้ภาพที่มีรายละเอียดครบ ทั้งพื้นที่ส่วนที่สว่างและส่วนที่มืด
โหมดพาโนรามา เป็นโหมดสำหรับการถ่ายภาพนิ่งเพื่อเก็บภาพในแนวนอนหรือแนวตั้งโดยการแพนกล้องแล้วเลื่อนไปทางซ้ายหรือขวา
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปจุดเด่น
- Infinix NOTE 2 LTE (X600) เป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอขนาดใหญ่ที่ตอบโจทย์ในงบไม่ถึง 5 พันบาท ด้วยหน้าจอแสดงผลขนาด 5.98 นิ้ว และเป็นแผงหน้าจอแบบ IPS ความคมชัดระดับ HD
- ชิปประมวลผล MT6753 64-bit Octa-core 1.3 GHz กับแรม 2GB และความจุตัวเครื่อง 16GB เพิ่มเมมได้อีกด้วย ถือว่าสมเหตุสมผลกับราคาตัวเครื่อง
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ระบบโฟกัส PDAF และแฟลช LED ซึ่งจากการใช้งานพบว่าชัตเตอร์ได้เร็วดี และภาพที่ได้ก็เก็บรายละเอียดได้ค่อนข้างดี
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด ใช้งานเครือข่าย 2G/3G/4G, Wi-Fi และ Bluetooth ได้
- แบตเตอรี่ 4,000 mAh เป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานสมาร์ทโฟนได้ตลอดทั้งหมด และมีโหมดประหยัดพลังงานให้ด้วย อีกทั้งยังรองรับระบบชาร์จเร็ว
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- การใช้งานบนเครือข่าย 3G/4G จะรองรับเฉพาะช่องซิม 1 ส่วนช่องซิม 2 จะรองรับเฉพาะ 2G
- ไม่มีหูฟังแถมมาในกล่อง
Infinix NOTE 2 LTE (X600) วางจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟบนเว็บไซต์ Lazada แล้ว ในราคา 4,888 บาท คลิก www.lazada.co.th/infinix-note2-x600-lte-16gb-glossy-silver-5931020.html