Featured
รีวิว Nubia Z11 Black Gold Edition ดีไซน์สวยหรู หน้าจอไร้ขอบ พร้อมแรม 6GB และกล้องกันสั่น 16 ล้านพิกเซล
Nubia Z11 Black Gold Edition สมาร์ทโฟนรุ่นพรีเมียมที่มาพร้อมตัวเครื่องสีดำทองสวยหรู มาพร้อมหน้าจอดีไซน์ไร้ขอบ Bezel-less ขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 820 กับแรม 6GB และความจำตัวเครื่อง 64GB รองรับการเพิ่มความจำได้ด้วย microSD card อีกทั้งยังมีกล้องถ่ายรูปกันสั่น OIS ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
สรุปข้อมูลสเปค Nubia Z11 Black Gold Edition
- ราคาเปิดตัว 15,990 บาท (ธันวาคม 2016)
- ขนาดตัวเครื่อง 151.8 x 72.3 x 7.7 มม.
- น้ำหนัก 162 กรัม
- ใช้งานได้ 2 ซิมการ์ด 2G/3G/4G LTE
- หน้าจอ 5.5 นิ้ว IPS LCD ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (403ppi) ครอบด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass 3
- รันระบบปฏิบัติการ nubia UI 4.0 (Android 6.0 Marshmallow) และ NeoVision 6.0
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 820 MSM8996
- ซีพียู Quad-core (2×2.15 GHz Kryo และ 2×1.6 GHz Kryo)
- จีพียู Adreno 530
- แรม 6GB
- ความจำภายในตัวเครื่อง 64 GB เพิ่มได้ด้วย microSD card สูงสุด 200 GB
- กล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ IMX298 CMOS ประกอบด้วย 6 ชิ้นเลนส์ ครอบด้วยกระจกกันรอยแซฟไฟร์ ระบบออโต้โฟกัส ค่ารูรับแสง f/2.0 และระบบกันภาพสั่นไหว OIS
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.4
- ฟีเจอร์ด้านเสียงใช้ชิปเซ็ต AKM4376 / Smart PA Dolby Surround 7.1, Hi-Fi
- รองรับ Wi-Fi a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.1 LE
- รองรับระบบ GPS/A-GPS
- USB Type-C
- แบตเตอรี่ 3,000 mAh
- รองรับชาร์จเร็ว Qualcomm Quick Charge 3.0
แกะกล่อง Nubia Z11 Black Gold Edition
Nubia Z11 Black Gold Edition มาในกล่องสีดำ โดยมีโลโก้แบรนด์ Nubia สีแดงอยู่บนฝากล่อง และด้านหลังกล่องมีรายละเอียดเกี่ยวตัวเครื่องรุ่นโมเดล NX531J ตัวเครื่องสี Black Gold ความจำแรม 6GB และความจุตัวเครื่อง 64GB
อุปกรณ์ที่มีมาให้ในกล่อง ได้แก่
- Nubia Z11 Black Gold Edition และแบตเตอรี่ในตัว
- อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ Qualcomm Quick Charge 3.0
- สายเคเบิลพอร์ต USB Type-C
- อะแดปเตอร์แปลง micro USB เป็นหัว USB Type-C
- หูฟังมาตรฐาน 3.5 มม. สีดำแดง
- คู่มือการใช้งาน และเข็มสำหรับจิ้มถาดใส่ซิม
ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอแสดงผล
Nubia Z11 Black Gold Edition เป็นรุ่นพรีเมียมพิเศษที่มีตัวเครื่องโลหะอะลูมิเนียมสีดำทอง โดยสีหลักของเครื่องจะเป็นสีดำตัดกับกรอบตัวเครื่องที่เป็นโลหะสีทอง และมีความบางเพียง 7.7 มิลลิเมตร น้ำหนัก 162 กรัม
หน้าจอของ Nubia Z11 มีขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD มีความหนาแน่นของจุดพิกเซลประมาณ 403 พิกเซลต่อนิ้ว (PPI) ครอบด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass 3
Nubia Z11 มีการดีไซน์แบบไร้ขอบจอ Bezel-less นอกจากจะให้ความสวยงามแล้ว ยังช่วยลดขนาดตัวเครื่องไม่ให้มีขนาดใหญ่เทอะทะจนเกินไป หากเทียบกับสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว จะพบว่า Nubia Z11 นั้นมีขนาดตัวเครื่องที่เล็กกว่ามาก
กระจกหน้าจอของ Nubia Z11 เป็นกระจกแบบขอบโค้งมน 2.5D เมื่อมองจะด้านข้างจะเห็นความโค้งมน ซึ่งเป็นการลบขอบไม่ให้คมและสวยงามกว่ากระจก 2D ทั่วไป
เหนือหน้าจอมีเลนส์กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และลำโพงสำหรับเสียงสนทนา
ล่างหน้าจอมีปุ่มสัมผัส 3 ปุ่มพร้อมไฟส่องสว่าง (Backlight) ได้แก่ ปุ่มโฮม (กลาง), ปุ่มย้อนกลับ (ขวา) และปุ่มเมนู (ซ้าย) ซึ่งปุ่มซ้ายขวาทั้ง 2 ปุ่มนี้สามารถตั้งค่าสลับตำแหน่งการใช้งานได้ตามความถนัด
สำหรับไฟสีแดงของปุ่มโฮม (ปุ่มกลาง) ยังเป็นไฟแสดงสถานะการแจ้งเตือนต่าง ๆ ด้วย เช่น กระพริบเมื่อมีรายการแจ้งเตือน หรือขณะชารจ์ไฟให้แบตเตอรี่ เป็นต้น
ขอบด้านบนตัวเครื่องเริ่มจากทางซ้ายจะมีพอร์ตอินฟราเรด (IR) สำหรับใช้เป็นรีโมทคอนโทรลเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้ ถัดมาตรงกลางจะมีรูเล็ก ๆ ซึ่งเป็นไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน และช่องสำหรับหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม.
ขอบด้านล่างตัวเครื่องเริ่มจากซ้ายจะเป็นช่องไมโครโฟนหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และช่องลำโพงของตัวเครื่อง
ด้านข้างขวามีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Power สำหรับปิด/เปิดตัวเครื่อง หรือกดปิด/เปิดหน้าจอ
ด้านข้างซ้ายมีช่องสำหรับถาดใส่ซิมแบบไฮบริด รองรับซิมการ์ดขนาด Nano SIM จำนวน 2 ช่อง หรือจะเลือกใส่ microSD card ในช่องซิม 2
ด้านหลังมีเลนส์กล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซล โดยมีขอบกระจกสีแดง และไฟแฟลชแบบ Dual LED (Dual tone)
บริเวณกลางเครื่องมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบวงกลม แตะสแกนได้จากทุกมุมแบบ 360 องศา และมีขอบสีทองสวยงาม
บริเวณส่วนล่างของด้านหลังตัวเครื่องมีโลโก้ Nubia โดยส่วนบนและส่วนล่างจะมีเส้นคาดสีทองตัดกับสีดำของตัวเครื่อง และภายในมีแบตเตอรี่ขนาด 3,000 mAh
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน
Nubia Z11 รันระบบปฏิบัติการ nubia UI 4.0 บนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ปลดล็อคหน้าจอโดยการปัดหน้าจอเพื่อเข้าสู่หน้าจอหลักหรือหน้าจอโฮม
ในหน้าโฮมจะเป็นส่วนสำหรับการจัดวางไอคอนแอพพลิเคชั่นที่ติดตั้งบนตัวเครื่อง และเพิ่มวิดเจ็ตต่าง ๆ ได้ รวมถึงปรับแต่งเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์ได้ โดยจะไม่มีในส่วนของ App Drawer
แอพพลิเคชั่นที่ติดตั้งมากับตัวเครื่องมีเฉพาะแอพพื้นฐาน และไม่มีแอพขยะติตตั้งมาให้รกเครื่อง ซึ่งทำให้ไม่เปลืองพื้นที่จัดเก็บตัวเครื่องโดยไม่จำเป็น
การจัดเรียงแอพพลิเคชั่นสามารถกำหนดได้ระหว่าง 4×5 แถว และ 5×5 แถว
เมื่อลากแถบาร์ด้านบนลงมาจะเป็นในส่วนของรายการแจ้งเตือน และ Quick Setting สำหรับปิด/เปิดเมนูการใช้งานต่าง ๆ รวมถึงแถบเมนูสำหรับปรับความสว่างของหน้าจอ
ไอคอนเมนูในส่วนของ Quick Setting สามารถปรับตำแหน่งการจัดวางของแต่ละไอคอนตามความถนัดหรือตามการเรียกใช้งานบ่อย ๆ ก็ได้
เมนูการตั้งค่าต่าง ๆ ตัวเครื่องมีความง่ายในการเข้าใช้งาน ไม่ลึก และซับซ้อนจนเกินไป สามารถเข้าถึงเมนูที่ต้องการได้รวดเร็วในไม่กี่คลิก
Nubia Z11 รองรับการใช้งานได้ 2 ซิมการ์ด โดยเลือกได้ว่าจะให้ช่องซิมใดใช้งานบนเครือข่าย 3G/4G LTE และอีกซิมก็จะสลับไปใช้งานบนเครือข่าย 2G/3G อัตโนมัติ ซึ่งก็หมายความว่า Z11 รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 3G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม หรือจะเลือกใส่ microSD card ในช่องซิม 2 เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บตัวเครื่องให้มากขึ้น อีกทั้งตัวเครื่องรองรับ VoLTE การโทรบนเครือข่าย 4G ที่ให้เสียงคมชัดระดับ HD
Nubia Z11 รองรับการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth 4.1 ประหยัดพลังงาน (LE), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Dual-band, Wi-Fi Direct, เป็นจุดกระจายสัญญาณ Wi-Fi Hotspot และ NFC
หน้าจอแสดงผลของ Nubia Z11 สามารถปรับโทนสีให้เหมาะกับการใช้งานได้ ตั้งแต่โทนสีเย็นไปจนถึงโทนสีอุ่น และปรับความอิ่มตัวของสีสันบนหน้าจอได้ 3 ระดับ ได้แก่ Glow, Standard และ Soft
ตัวอักษรปรับได้ 4 ขนาด เหมาะกับผู้ใช้งานที่ต้องการเลือกขนาดตัวอักษรได้เอง ตั้งแต่เล็กสุด ไปจนถึงใหญ่สุด
Notification Center เมนูสำหรับตั้งค่าการแจ้งเตือน เช่น กำหนดรูปการแจ้งเตือนในหน้าจอล็อค, กำหนดการแสดงไอคอนแอพในแถบบาร์การแจ้งเตือน เป็นต้น
Nubia Z11 ไม่ได้มีดีเพียงขอบจอที่บางจนแทบจะไร้ขอบเท่านั้น แต่ยังมีฟังก์ชั่นสำหรับการใช้งานด้วยขอบจอได้หลากหลายรูปแบบที่เรียกว่า Edge gestures
เริ่มจากฟีเจอร์แรก Hold the edge and swipe inward เป็นการกดค้างที่ขอบจอเพื่อเลือกหน้าจอใช้งานอื่น ๆ ที่เพิ่งเปิดใช้งานไปก่อนหน้านี้
Swipe up/down from the edge เป็นการลากขอบจอขึ้นหรือลง เพื่อไปยังหน้าจอก่อนหน้าหรือหน้าจอถัดไปที่เพิ่งเปิดใช้งานไปก่อนหน้า
Slide repeatedly on edge เป็นการลากขอบจอติดต่อกัน 2 ครั้งเพื่อปิดการทำงานของแอพพลิเคชั่นที่เปิดค้างไว้เบื้องหลัง ยกเว้นหน้าจอที่กำลังใช้งานอยู่
Swipe from both edges เป็นลากขอบจอทั้ง 2 ข้างขึ้นหรือลง เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอแสดงผล ลากขึ้นจะเป็นการปรับความสว่างขึ้น และลากลงจะเป็นการลดความสว่างหน้าจอ
Double click edge เป็นการเคาะที่ขอบจอติดกัน 2 ครั้งเพื่อย้อนกลับไปยังหน้าจอก่อนหน้า
ในส่วนของเมนู Features เป็นการตั้งค่าและเปิด/ปิดการใช้งานความสามารถต่าง ๆ ของ Nubia Z11
เริ่มจากฟีเจอร์ Screen split-up เป็นการเปิดใช้งานพร้อมกัน 2 หน้าจอ โดยการลากจากขอบด้านล่างหน้าจอขึ้นมา ซึ่งจุดเด่นของฟีเจอร์นี้คือไม่เพียงแค่เปิดแอพทั่วไปได้พร้อมกัน แต่ยังสามารถเปิดเล่นเกมได้พร้อมกัน 2 เกมด้วย ในขณะที่สมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ๆ แม้จะมีฟีเจอร์ลักษณะเดียวกันนี้ แต่มีข้อจำกัดเรื่องของแอพที่รองรับและไม่สามารถเปิดเกมได้พร้อมกัน 2 หน้าจอ
Screen split-up สามารถลากปรับขนาดหน้าจอแต่ละอันได้
นอกจากนี้แล้ว Screen split-up ยังรองรับการใช้งานในหน้าจอทั้งแนวตั้งและแนวนอน
ปุ่มย้อนกลับและปุ่มเมนูบริเวณล่างหน้าจอ ผู้ใช้งานสามารถกำหนดตำแหน่งของปุ่มได้ตามความถนัด
Touch gestures ฟีเจอร์ท่าทางการสัมผัสบนหน้าจอ ได้แก่
- Double click to light up เป็นการเคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อเปิดหน้าจอ หากหน้าจอดับอยู่
- Palm screen lock เป็นการใช้ฝ่ามือวางบนหน้าจอเพื่อปิดล็อคหน้าจอ
- Tri finger screenshot เป็นการใช้ 3 นิ้วลากบนขึ้นหรือลงบนหน้าจอ เพื่อจับภาพหน้าจอ
- Tri finger switch app เป็นการใช้ 3 นิ้วปัดไปทางซ้ายหรือขวา เพื่อสลับไปใช้งานแอพก่อนหน้า
Smart sensing เป็นฟีเจอร์สำหรับสั่งงานด้วยเซ็นเซอร์ที่มีในตัวเครื่อง Nubia Z11 ได้แก่
- Flip to mute/pause คว่ำหน้าจอเพื่อปิดเสียงสายโทรเข้าหรือหยุดเล่นไฟล์มีเดียชั่วคราว
- Shake to clear เป็นการเขย่าตัวเครื่องเพื่อเคลียร์รายการแจ้งเตือน, ปิดการทำงานแอพ และเคลียร์หน่วยความจำแรม
Dual instance อีกหนึ่งฟีเจอร์เด่นของ Nubia Z11 สำหรับโคลนแอพพลิเคชั่นประเภทโซเชียลให้สามารถใช้งานได้พร้อมกันในเครื่องเดียว เช่น โคลนแอพ WeChat เพื่อให้สามารถใช้งานพร้อมกันได้ 2 บัญชี หรือโคลนแอพ Facebook เพื่อใช้งานอีกบัญก็ได้ เป็นต้น
Supersnap ฟีเจอร์สำหรับการจับภาพหน้าจอที่ทำได้มากกว่าการจับภาพหน้าจอทั่วไป ด้วยลูกเล่นที่มากขึ้นทั้งบันทึกเป็นภาพนิ่งและบันทึกเป็นวิดีโอ
หน้าจอขณะกดจับภาพหน้าจอก็จะมีฟีเจอร์ Supersnap ขึ้นมาให้เลือกใช้งาน ได้แก่ บันทึกหน้าจอเป็นภาพปกติ, เลือกภาพหน้าจอเป็นวงกลม, เลือกภาพหน้าจอเป็นรูปหัวใจ หรือเลือกภาพหน้าจอเป็นรูปร่างต่าง ๆ โดยการวาดลายเส้นเพื่อเลือกพื้นที่ได้ตามต้องการ
นอกจากนี้ยังสามารถเลือกจับภาพหน้าจอแบบยาวต่อเนื่องกันเป็นภาพเดียวได้ เช่น จับภาพหน้าจอแชทที่ยาว ๆ เป็นภาพเดียวได้โดยไม่ต้องมาเรียงต่อภาพเอง หรือจะเลือกบันทึกหน้าจอเป็นไฟล์วิดีโอก็ทำได้เช่นกัน ซึ่งสามารถเลือกความละเอียดของไฟล์วิดีโอระดับ HD ได้ด้วย
ตัวอย่างการจับภาพหน้าอจแล้วเลือกหน้าจอเป็นรูปหัวใจ จากนั้นกดปุ่มบันทึกลงเครื่องหรือแชร์ต่อได้ทันที
ระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint) สามารถใช้ปลดล็อคหน้าจอ, แตะเพื่อถ่ายรูป, แตะเพื่อใช้จับภาพหน้าจอร่วมกับฟีเจอร์ Supersnap และล็อคแอพพลิเคชั่น
การใช้งานลายนิ้วมือเพื่อล็อคแอพพลิเคชั่น เป็นการเพิ่มความปลอดถัยและความเป็นส่วนตัวให้กับข้อมูลแอพพลิเคชั่นบนเครื่อง
แอพพลิเคชั่นที่ติดตั้งมากับตัวเครื่องที่น่าสนใจ เริ่มจากแอพโทรศัพท์หรือ Phone มีหน้าตาอินเตอร์เฟซที่ดูสะอาดตาด้วยพื้นหลังสีขาว และปุ่มตัวเลขขนาดใหญ่
แอพไฟฉาย (Flashlight) เป็นการเปิดใช้งานไฟแฟลชของกล้องหลังเพื่อใช้งานเป็นไฟฉายยามฉุกเฉิน
แอพแกลเลอรี่ (Gallery) มาพร้อมเครื่องมือปรับแต่งรูปภาพครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการตัดบางส่วนของภาพ, หมุนภาพ, เลือกใส่ฟิลเตอร์, ใส่กรอบรูป, ใส่ข้อความลงบนภาพ เป็นต้น
เครื่องเล่นวิดีโอ (Video) รองรับไฟล์ความละเอียดระดับ Full HD 1080p และเลือกจับภาพจากวิดีโอแล้วแชร์ต่อได้ด้วย
เครื่องเล่นวิดีโอรองรับการย่อขนาดหน้าจอให้เล็กลงและลอยอยู่เหนือหน้าจออื่น ๆ ได้ ทำให้สามารถเข้าใช้งานหน้าจออื่นพร้อมกับดูวิดีโอไปพร้อม ๆ กัน
Screen projection แอพพลิเคชั่นสำหรับส่งภาพจากหน้าจอสมาร์ทโฟน Nubia ไปแสดงบนหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือทีวีเครื่องอื่น
แอพจัดการไฟล์ (My file) มีหน้าตาอินเตอร์เฟซที่ดูสวยงาม แบ่งหมวดหมู่ประเภทของไฟล์ และบอกปริมาณพื้นที่จัดเก็บของตัวเครื่อง
ตัวจัดการไฟล์ยังสามารถเลือกไฟล์แล้วบีบอัดไฟล์เป็นสกุล ZIP เพื่อส่งต่อได้ง่ายขึ้น
แอพรีโมทคอนโทรล (Remote Control) เป็นการใช้งานตัวเครื่อง Nubia Z11 เป็นรีโมทควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านผ่านพอร์ตอินฟราเรดที่อยู่ขอบด้านบนตัวเครื่อง เช่น ทีวี แอร์ เป็นต้น
ตรวจสอบเซ็นเซอร์ด้วย Android Sensor Box
- Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้
- Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
- Orientation Sensor ระบบปรับมุมมองการแสดงผลหน้าจออัตโนมัติ
- Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน
- Gyro Sensor ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบ 3 แกน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และ
ความยืดหยุ่นหลากหลายในการควบคุม - Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
- Magnetic Sensor ตรวจวัดความเข้มสนามแม่เหล็ก
ผลทดสอบคะแนน Benchmark ประสิทธิภาพการทำงาน
Nubia Z11 Black Gold Edition รันระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow ครอบด้วย nubia UI 4.0 ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 820 MSM8996 ซีพียูแบ่งการทำงานออกเป็น 2×2.15 GHz Kryo และ 2×1.6 GHz Kryo กับจีพียู Adreno 530 และแรม 6GB
ผลการทดสอบ AnTuTu V6.2.6 เป็นการทดสอบการเข้าถึงการทำงานของแรม (RAM) และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู (GPU) ทำคะแนนรวมได้ 117,806 คะแนน ถือว่าทำคะแนนได้ค่อนข้างสูงมากหากเทียบกับสมาร์ทโฟนในระดับราคาเดียวกัน
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผลและหน่วยความจำแรม การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ Nubia Z11 Black Gold Edition ทำคะแนน Single-Core ได้ 1,678 และ Multi-Core ทำได้ 4,063 คะแนน
จากการทดสอบเล่นเกม Modern Combat 5: Blackout ที่มีกราฟิกสวยงามและต้องควบคุมทิศทางในทางการเล่น ก็สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล รวมถึงทดสอบเล่นเกม Asphalt 8: Airborne ซึ่งเป็นเกมแข่งรถที่มีภาพสวยงาม และต้องเอียงตัวเครื่องซ้าย-ขวา เพื่อควบคุมการขับรถ ก็สามารถเล่นเกมนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา
ตัวเครื่อง Nubia Z11 มี Gyro Sensor ซึ่งเป็นตัวตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบ 3 แกน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และ
กล้องถ่ายรูป
Nubia Z11 มีกล้องถ่ายรูปด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0 มีระบบกันภาพสั่นไหว (OIS) พร้อม NeoVision 6.0 ที่มีฟีเจอร์และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกล้องให้ทำงานออกมาดีขึ้น และตัวแอพกล้องได้ออกแบบมาให้สามารถใช้งานในมือเดียวได้สะดวกขึ้น โดยการปัดหน้าจอไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อเปลี่ยนโหมดถ่ายรูป
ตัวกล้องรองรับการแตะหน้าจอเพื่อเลือกจุดโฟกัส และแยกจุดวัดแสงออกจากจุดโฟกัสได้ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้การถ่ายภาพทำออกมาได้ดีขึ้นเมื่ออยู่ในสภาพแสงกับจุดที่ต้องการโฟกัสมีความแตกต่างกันมาก
โหมดโปร (Pro Mode)
โหมดโปร (Pro Mode) เป็นโหมดที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่ากล้องให้มากขึ้น ทั้งในส่วนของความเร็วชัตเตอร์ (Speed Shutter) ได้นานสุด 2 วินาที, ค่าสมดุลแสงขาว (WB), ความไวแสง (ISO) 100 – 12800 และระยะโฟกัส
โหมด HDR
HDR เป็นการถ่ายรูปหลายรูป ที่มีค่าความสว่างของแสงแตกต่างกัน แล้วเอาภาพมารวมกันเป็นภาพเดียว ทำให้เวลาถ่ายภาพด้วยโหมดนี้จำเป็นต้องถือกล้องนิ่ง ๆ สักพัก เพื่อให้ได้ภาพที่มีรายละเอียดครบ ทั้งพื้นที่ส่วนที่สว่างและส่วนที่มืด
โหมดพาโนรามา
โหมดพาโนรามา (Panorama) เป็นโหมดสำหรับการถ่ายภาพวิว ทิวทัศน์ โดยการแพนกล้องไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อเก็บรายละเอียดของภาพตามต้องการ
Camera Family
Camera Family ฟีเจอร์ที่รวมโหมดถ่ายรูปที่ทำให้การถ่ายรูปด้วยกล้องของ Nubia Z11 ทำได้มากกว่าการถ่ายรูปปกติและมีลูกเล่นมากขึ้น
โหมด Multi Exposure หรือการรับแสงสองครั้งเพื่อให้ภาพซ้อนทับกัน
Light Painting เป็นโหมดสำหรับถ่ายภาพโดยการใช้แสงไฟวาดในที่มืด ซึ่งเป็นการเปิดหน้ากล้องนานขึ้น ใช้เป็นลูกเล่นในการจับภาพแสงไฟตามทิศทางของแสง เหมาะกับการถ่ายภาพแสงไฟรถยนต์ตามท้องถนน หรือวาดสัญลักษณ์ ตัวหนังสือต่าง ๆ ด้วยแสงไฟ เป็นต้น โหมดนี้ต้องถือเครื่องมือถือให้นิ่ง ๆ หรือใช้ขาตั้งกล้องช่วยก็ได้
Electronic Aperture เป็นโหมดที่ช่วยให้ผู้ใช้งานเลือกปรับค่ากล้องในส่วนของค่ารูรับแสงได้ตั้งแต่ f/2.8 – f/44 ซึ่งเป็นการใช้ซอฟต์แวร์เข้าช่วย รวมถึงสามารถปรับค่าอื่น ๆ ได้ด้วย ได้แก่ ค่าสมดุลแสงขาว (WB), ระยะโฟกัส และค่าชดเชยแสง -/+3
Slow Shutter โหมดนี้สามารถปรับความเร็วชัตเตอร์ได้นานตั้งแต่ 1 วินาทีไปจนถึง 21 นาที, ค่าสมดุลแสงขาว (WB), ระยะโฟกัส และความไวแสง (ISO) 100 – 3200
Clone Camera เป็นการถ่ายวัตถุหรือบุคคลในท่าทางต่าง ๆ ได้ในภาพเดียวด้วยวิธีการโคลนนิ่ง
นอกจากนี้ก็ยังมีโหมด Macro Camera เป็นโหมดการถ่ายภาพวัตถุที่มีเล็ก ๆ ในระยะใกล้ ๆ เพื่อเก็บรายละเอียดของวัตถุนั้น ๆ, Star Track สำหรับถ่ายวิถีดวงดาวบนท้องฟ้า, โหมด Video Maker สำหรับถ่ายวิดีโอสั้น ๆ รวมเป็นวิดีโอเดียวกัน, โหมด Trajectory สำหรับถ่ายภาพเพื่อติดตามวิถีการเคลื่อนที่ของวัตถุ และรองรับการบันทึกไฟล์ DNG หรือ RAW ด้วย
โหมดการถ่ายวิดีโอของ Nubia Z11 รองรับการบันทึกความละเอียดสูงสุด 4K ที่ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที, บันทึกวิดีโอที่ความละเอียด 1080p ความเร็ว 60 เฟรมต่อนาที และรองรับการบันทึกวิดีโอแบบสโลว์โมชั่น (Slow Motion) และเร่งความเร็ว (Time-lapse)
สำหรับกล้องหน้าของ Nubia Z11 มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีระบบตรวจจับใบหน้าและรอยยิ้ม อีกทั้งยังปรับความเนียนของผิวได้ 10 ระดับ เอาใจคนรักการเซลฟี่โดยเฉพาะ
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปจุดเด่น
- ดีไซน์สวยงาม ให้ความรู้สึกถึงความพรีเมียม และมีหน้าจอแสดงผลสีสันสดใส ความคมชัดระดับ Full HD 1080p พร้อมขอบจอสุดบางทำให้ขนาดตัวเครื่องไม่ใหญ่จนเกินไปเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนที่มีขนาดหน้าจอเท่ากันที่ 5.5 นิ้ว
- Nubia Z11 Black Gold มาพร้อมชิปประมวลผล Snapdragon 820 กับแรมขนาด 6GB และระบบปฏิบัติการ nubia UI 4.0 (Android 6.0 Marshmallow) จากการใช้งานพบว่าระบบมัลติทาสก์ทำงานได้ดีมาก ใช้งานมากกว่าหนึ่งแอพพร้อมกันได้อย่างลื่นไหล
- กล้องถ่ายรูปด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มีระบบช่วยกันภาพสั่นไหว ระบบโฟกัสทำงานได้รวดเร็ว และเก็บรายละเอียดของภาพได้ดี พร้อมซอฟต์แวร์ NeoVision 6.0 ที่ทำให้กล้องมีฟีเจอร์ใช้งานหลากหลายและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
- แบตเตอรี่ขนาด 3,000 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว Quick Charge 3.0
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ถ้าต้องการใส่ microSD card จะใช้งานได้เพียง 1 ซิม
ขอขอบคุณ Nubia Smartphone Thailand