Smart Review
รีวิว Samsung Galaxy Tab S3 บอดี้กระจก เสียงกระหึ่มด้วยลำโพง 4 ตัว และมีปากกา S Pen
Samsung Galaxy Tab S3 แท็บเล็ตไฮเอนด์ที่มาพร้อมตัวเครื่องเป็นกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง กรอบตัวเครื่องเป็นโลหะ หน้าจอแสดงผลขนาด 9.7 นิ้ว มีปากกา S Pen และลำโพง AKG รอบทิศทางมากถึง 4 ตัว
สรุปข้อมูลและสเปค Samsung Galaxy Tab S3 (LTE)
- ราคาเปิดตัว 24,500 บาท (พฤษภาคม 2017)
- รองรับ LTE Cat.6
- หน้าจอขนาด 9.7 นิ้ว Super AMOLED ความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซล
- ขนาดตัวเครื่อง 237.3 x 169 x 6 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 434 กรัม
- ชิปเซ็ต Snapdragon 820
- แรม 4GB
- ความจุตัวเครื่อง 32GB ใส่เมมได้สูงสุด 256GB
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส และแฟลช LED บันทึกวิดีโอ 4K
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- รองรับ Wi-Fi ac, Bluetooth 4.2, USB Type-C 3.1
- รองรับ Samsung Flow ปลดล็อคคอมพิวเตอร์ผ่านมือถือหรือแท็บเล็ต Samsung
- แบตเตอรี่ขนาด 6,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว
อุปกรณ์ในกล่อง ชุดจัดจำหน่าย
- ตัวเครื่อง Samsun Galaxy Tab S3 สีดำ และแบตเตอรี่ในตัวขนาด 6,000 mAh
- สายเคเบิล USB 2.0 Type-C
- อะแดปเตอร์สำหรับแปลงไฟเข้าชาร์จตัวเครื่องแท็บเล็ต
- ปากกา S Pen และ S Pen Acc, (Pen Tip และ Tweezer)
- หูฟัง
- คู่มือวิธีใช้งาน
อุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ได้แก่
- POGO Keyboard Cover / Book Cover
ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอแสดงผล
Samsung Galaxy Tab S3 ยังคงมีดีไซน์ใกล้เคียงกับ Galaxy Tab S2 โดยมีขนาดหน้าจอแสดงผลกว้าง 9.7 นิ้ว และมีอัตราส่วนหน้าจอ 4:3 ซึ่งเหมาะกับการใช้งานทั้งแนวตั้งและแนวนอน เหมาะกับการท่องเว็บ อ่านหนังสือ E-Book และทำงานต่างๆ ได้ดี แต่การดูหนังก็จะแสดงไม่เต็มหน้าจอ จะมีขอบดำบนและล่างนั่นเอง
หน้าจอของ Galaxy Tab S3 มีความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซล ความหนาแน่นของจุดพิกเซลประมาณ 264 ppi และเป็นหน้าจอแบบ Super AMOLED การแสดงผลบนหน้าจอนั้นสวยงามสดใสด้วยอัตราส่วนคอนทราสต์ที่สูง
เหนือหน้าจอมีเลนส์กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ในขณะที่บริเวณล่างหน้าจะมีปุ่มโฮมที่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ สำหรับใช้ยืนยันตัวตนเพื่อปลดล็อคตัวเครื่องแทนการใส่รหัสผ่าน และมีปุ่มสัมผัส 2 ปุ่ม ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps (ซ้าย) และปุ่มย้อนกลับ (ขวา) ซึ่งทั้ง 2 ปุ่มมีไฟส่องสว่าง (Backlight) ช่วยในการมองเห็นเมื่อใช้งานในที่มืด
วัสดุตัวเครื่องของ Galaxy Tab S3 เป็นกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยกรอบตัวเครื่องเป็นโลหะ นำ้หนักตัวเครื่องประมาณ 434 กรัม ถือว่าค่อนข้างเบาสำหรับแท็บเล็ต และมาพร้อมปากกา S Pen ที่มีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับปากกาจริงๆ ช่วยให้การจับใช้งานถนัดมือมากขึ้น ซึ่งปากกาต้องพกแยกกับตัวเครื่อง เนื่องจากตัวเครื่องมีความบางมากและไม่ได้ออกแบบมาให้มีช่องเก็บปากกาที่มีขนาดใหญ่ ต่างไปจาก Galaxy Note ที่มีช่องเก็บปากกาได้ ด้วยขนาดด้ามปากกาที่เล็กกว่ามาก
ด้านหลังตัวเครื่องเป็นกระจก มีเลนส์กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล แฟลช LED และไม่สามารถแกะฝาหลังออกได้ ภายในมีแบตเตอรี่ขนาด 6,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว
ตัวเครื่องที่ใช้ในบทความรีวิวนี้เป็นตัวเครื่องทดสอบ จะมีจุดแตกต่างไปจากตัวเครื่องที่วางจำหน่ายจริงที่ฝาหลังจะมีคำว่า Tuned by AKG เพื่อชูจุดเด่นด้านระบบเสียงที่ขับออกมาผ่านลำโพงรอบตัวเครื่องทั้ง 4 ตัว
สำหรับปากกา S Pen ที่ต้องพกแยกต่างหากก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร สามารถใส่กระเป๋ากางเกง กระเป๋าเสื้อได้ เพราะที่ปลายด้ามปากกาจะมีที่หนีบติดประเป๋าเสื้อได้ และตัวด้ามปากกามีความแข็งแรง
ขอบด้านบนตัวเครื่องจะมีลำโพง 2 ตัว ให้เสียงสเตอริโอ
ขอบด้านล่างมีลำโพงอีก 2 ตัว ให้เสียงสเตอริโอ (รวมแล้วมีลำโพงรอบตัวเครื่องมากถึง 4 ตัว) มีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5mm และพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C สำหรับชาร์จไฟหรือถ่ายโอนข้อมูลผ่านสายเคเบิล
ขอบด้านขวาจะมีปุ่มปิด/เปิดเครื่อง, ปุ่มปรับระดับเสียง, ไมโครโฟน 2 ตัว และถาดใส่ซิมการ์ด รองรับซิมเดียวขนาด Nano SIM จำนวน 1 ช่อง กับช่องใส่ microSD card อีก 1 ช่อง
ขอบด้านซ้ายจะมีพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับแป้นพิมพ์สำหรับแท็บเล็ต เป็นอุปกรณ์เสริมที่วางจำหน่ายเพิ่มเติม
อินเตอร์เฟซ ฟีเจอร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
Samsung Galaxy Tab S3 รันระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat กับ Grace UX มีหน้าตาอินเตอร์เฟซโดยรวมเหมือนกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่าง Galaxy S8 และ S8+ ซึ่งฟีเจอร์และฟังก์ชั่นเด่นๆ ของแท็บเล็ตรุ่นนี้อยู่ที่การทำงานร่วมกับปากกา S Pen ที่ทาง Samsung พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ที่มีดีไซน์ใหม่สำหรับ Galaxy Tab S3 มีขนาดใหญ่เหมือนปากกาของจริง ทำให้จับถนัดมือ ส่วนหัวปากกามีขนาดเล็กมากเพียง 0.7 มิลลิเมตร รองรับการแรงกดได้ถึง 4,096 ระดับ
ฟีเจอร์ที่ทำงานได้โดยใช้ S Pen จริงๆ แล้วหลายคนน่าจะเคยเห็นไปแล้วเมื่อตอนเปิดตัว Galaxy Note7 แต่เนื่องจากรุ่นดังกล่าวยกเลิกการวางจำหน่ายไป ทำให้ไม่มีการพูดถึง และตอนนี้ฟีเจอร์ทั้งหมดก็มาอยู่บนปลายปากกาของ Galaxy Tab S3 แล้ว โดยฟีเจอร์แรกที่สามารถเลือกใช้งานแปรงได้หลากชนิดมากขึ้น มีความสามารถในการผสมสีเหมือนกับการใช้งานสีน้ำของจริงเพื่อวาดและระบายสีได้ ซึ่งน่าจะถูกใจผู้ใช้งานที่เคยใช้ Galaxy Note รุ่นก่อนๆ อย่างแน่นอน
Smart Select หรือฟีเจอร์การเลือกอัจฉริยะ เป็นการเลือกพื้นที่บนหน้าจอได้อย่างอิสระตามความต้องการ และยังสามารถนำพื้นที่ที่เลือกนั้นมาแยกข้อความเพื่อแชร์ต่อได้ทันที โดยไม่ต้องพิมพ์ให้เสียเวลา ซึ่งในฟีเจอร์นี้จะมีฟังก์ชั่น “ภาพเคลื่อนไหว” สำหรับเลือกพื้นที่วิดีโอที่กำลังเล่นบนหน้าจอแล้วทำการบันทึกเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพื่อทำเป็นภาพเคลื่อนไหว (GIF) ได้ทันที
การแปลภาษาบนหน้าจอไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปด้วยฟีเจอร์ Translate หรือแปลภาษาด้วยปลายปากกา S Pen เพียงจ่อปลายปากกาไว้เหนือคำที่ต้องการแปล ระบบก็ทำการสแกนคำนั้นแล้วทำการแปลภาษาออกมาได้ทันที โดยใช้ระบบแปลภาษาของ Google Translate รองรับเกือบทุกภาษาในโลก รวมถึงภาษาไทยด้วย และไม่เพียงแต่แปลภาษาจากข้อความบนหน้าจอตามหน้าเว็บไซต์หรือไฟล์งานเท่านั้น แต่ข้อความบนรูปภาพก็สามารถแปลภาษาได้ด้วย
Galaxy Tab S3 รองรับการแบ่งหน้าจอเพื่อเปิดใช้งานได้พร้อมกัน 2 หน้าจอ ย่อขยายแต่ละหน้าจอได้ตามต้องการ เพียงแตะที่เส้นขอบหน้าจอตรงกลาง แล้วลากไปทางด้านซ้ายหรือขวา
ฟีเจอร์ด้านความบันเทิงด้วยระบบเสียงผ่านลำโพงทั้ง 4 ตัว รอบตัวเครื่อง Galaxy Tab S3 ให้เสียงกระหึ่ม และระดับความดังถือว่าดังมาก อีกทั้งยังให้มิติของเสียงเซอร์ราวด์รอบทิศทาง ตอบโจทย์มากๆ สำหรับผู้ใช้งานที่ชอบดูหนัง ฟังเพลง และเล่นเกม นอกจากหน้าจอที่มีขนาดใหญ่เต็มตาที่รองรับวิดีโอ HDR แล้ว ระบบเสียงก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมคอนเทนท์ด้วย
จุดสังเกตเพิ่มเติมสำหรับลำโพงที่อยู่ด้านข้างตัวเครื่อง เมื่อถือใช้งานในแนวนอน ตำแหน่งของลำโพงจะอยู่ในช่วงของตำแหน่งในการจับใช้งานพอีด ทำให้มือมักจะไปปิดช่องลำโพง ซึ่งหากตัวแท็บเล็ตมีลำโพงอยู่ด้านหน้าน่าจะเป็นรุ่นที่สมบูรณ์แบบที่สุด นอกจากมือจะไม่บังลำโพงขณะถือใช้งานแล้ว เสียงสเตอริโอซ้ายขวาก็วิ่งตรงมาด้านหน้า ได้อรรถรสในการรับฟังมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับ Galaxy Tab S3 ก็ต้องยอมรับว่าระบบเสียงรอบนี้ทำออกมาได้ดีกว่าทุกรุ่นที่ผ่านมาจริงๆ
สำหรับแท็บเล็ตหน้าจออัตราส่วน 4:3 หากดูหนังหรือวิดีโอ อย่างเช่นบน YouTube ที่ส่วนใหญ่จะเป็นอัตราส่วน 16:9 หรือ 21:9 จะทำให้การแสดงผลบนหน้าจอ Galaxy Tab S3 ไม่เต็มจอ เหลือพื้นดำด้านบนกับด้านล่าง
Galaxy Tab S3 แม้จะเป็นแท็บเล็ต แต่ทาง Samsung ก็ยังคงฟีเจอร์การใช้งานการโทรไว้เหมือนเดิม สามารถโทรเข้า โทรออกได้เหมือนกับสมาร์ทโฟน แต่การถือแนบหูเพื่อคุยโทรศัพท์อาจไม่สะดวกมากนัก ซึ่งก็อาจจะใช้หูฟังเข้ามาช่วยได้
Samsung Flow สามารถใช้งานได้บน Galaxy Tab S3 สำหรับปลดล็อคคอมพิวเตอร์ผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต และเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน Samsung เพื่อดูการแจ้งเตือนและตอบกลับข้อความจากสมาร์ทโฟนได้บนแท็บเล็ต และสามารถใช้งานเน็ตบน Galaxy Tab S3 ผ่านการต่อเน็ตบนสมาร์ทโฟนได้ด้วย
Secure Folder หรือโฟลเดอร์ที่ปลอดภัย เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่มีอยู่บน Galaxy Tab S3 สำหรับแยกเก็บไฟล์ข้อมูลที่สำคัญเอาไว้ต่างหาก เพราะพื้นที่ในส่วนนี้จะแยกออกมาจากพื้นที่หลักของตัวเครื่อง พร้อมระบบความปลอดภัยด้วยการล็อคไฟลเดอร์ด้วยรหัสผ่านหรือใช้ลายนิ้วมือในการปลดล็อคเพื่อเข้าไปใช้งาน ได้รับการออกแบบใหม่มาจาก Samsung KNOX เดิม โดยมีหน้าตาการใช้งานที่ดูเรียบง่าย น่าใช้งานมากขึ้น
Secure Folder นอกจากจะช่วยในการเก็บข้อมูลสำคัญแล้ว ยังช่วยให้สามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นได้พร้อมกัน 2 แอพในเครื่องเดียว เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่าในโฟลเดอร์นี้ก็เหมือนเป็นสมาร์ทโฟนอีกเครื่อง ดังนั้นจะใช้งาน Facebook, LINE, Instagram และแอพอื่น ๆ ได้พร้อมกัน 2 บัญชี ซึ่งเหมาะมากสำหรับการแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน และสามารถ Backup and Restore (BnR) สำรองหรือเรียกข้อมูลกลับมาได้ทุกเวลา
ประสิทธิภาพการทำงาน
Galaxy Tab S3 ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8996 Snapdragon 820 ซีพียู Quad-core แบ่งการประมวลผลออกเป็น Dual-core 2.15GHz Kryo และ Dual-core 1.6GHz Kryo มาพร้อมจีพียู Adreno 530 และแรมขนาด 4GB
ผลการทดสอบ AnTuTu v6.2.7 ในโหมด 64-bit ซึ่งเป็นการทดสอบภาพรวมของการทำงานในส่วนของหน่วยความจำแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้ 141,501 คะแนน ระดับคะแนนถือว่าทำได้สูงเหมาะสมกับชิปเซ็ตไฮเอนด์ของปีที่แล้ว
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผล การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ Galaxy S8+ ทำคะแนน Single-Core ได้ 1,479 และ Multi-Core ทำได้ 4,034 คะแนน
การเล่นเกมทำได้ลื่นไหลดี มีเซ็นเซอร์รองรับการเล่นเกมทุกตัว และมี Game Launcher เป็นฟีเจอร์สำหรับการตั้งค่าเกมที่รวมไว้ในที่เดียว พร้อมตัวเลือกการประหยัดพลังงานโดยการลดความละเอียด และลดอัตราเฟรมให้น้อยลง นอกจากนี้ก็มีฟังก์ชั่นที่เรียกว่า Game Tools หรือเครื่องมือในการใช้งานร่วมกับการเล่นเกม โดยจะเป็นไอคอนซ่อนอยู่บริเวณขอบจอ มาพร้อมเมนูต่าง ๆ ได้แก่
- เลือกปิด/เปิดการแสดงผลแบบเต็มจอ
- ปิด/เปิดการแจ้งเตือนขณะเล่นเกม
- ล็อคปุ่มป้องกันการกดโดนปุ่มนำทางและขอบจอของตัวเครื่อง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่ถือว่าตอบโจทย์การเล่นเกมได้ดีมาก เพราะในบางครั้งมือเราอาจพลาดไปโดยปุ่มกดตัวเครื่องขณะเล่นเกม อาจทำให้พลาดเควสที่อุตส่าห์ตั้งใจเล่นได้
- ย่อหน้าต่างเกม
- บันทึกวิดีโอหน้าจอขณะเล่นเกม
สำหรับแท็บเล็ตแล้ว การถือเล่นเกมหรือถือใช้งานนานๆ อาจจะเมื่อยแขนด้วยขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่ จึงน่าจะเหมาะกับการเล่นเกมที่สามารถวางเล่นกับพื้นได้ ไม่ต้องขยับตัวเครื่อง และสำหรับแบตเตอรี่ขนาด 6,000 mAh ของ Galaxy Tab S3 เพียงพอให้ใช้งานได้ตลอดทั้งวันสำหรับการใช้งานทั่วไป
กล้องถ่ายรูป
ส่วนใหญ่แล้วแท็บเล็ตจะให้ความสำคัญในเรื่องของหน้าจอและประสิทธิภาพการทำงานเป็นหลัก แต่การมีกล้องถ่ายรูปที่ดีก็ทำให้แท็บเล็ตมีความสามารถครบทุกด้าน โดย Galaxy Tab S3 มีกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED ค่ารูรับแสงกว้าง f/1.9 อัปเกรดจาก 8 ล้านพิกเซลในรุ่น Galaxy Tab S2 ในขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
คุณภาพกล้องหลังของ Galaxy Tab S3 ถือว่าอยู่ในระดับเดียวกันกับสมาร์ทโฟนระดับกลางในปัจจุบัน ระบบโฟกัสทำงานได้รวดเร็ว รองรับการแตะหน้าจอเพื่อเลือกจุดโฟกัส สามารถถ่ายภาพได้ขนาดสูงสุด 13 ล้านพิกเซลในอัตราส่วน 4:3 หรือจะลดความละเอียดลงเพื่อถ่ายภาพในอัตราส่วน 16:9 ก็ได้ ส่วนการบันทึกวิดีโอก็รองรับความละเอียดสูงสุดถึง 4K
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปจุดเด่น
Galaxy Tab S3 เป็นแท็บเล็ตที่มีดีไซน์สวยงาม ตอบโจทย์ทั้งการทำงาน ขีดเขียนบนหน้าจอได้ด้วยปากกา S Pen และรองรับการบันเทิงด้านภาพที่เป็นวิดีโอ HDR ในขณะที่ความบันเทิงด้านเสียงก็มีลำโพง AKG มากถึง 4 ตัว ให้เสียงรอบทิศทาง
แม้จะเป็นแท็บเล็ตและผู้ใช้งานส่วนใหญ่อาจไม่ได้มองว่าเป็นฟีเจอร์ที่ต้องโดดเด่นบนแท็บเล็ตอย่างกล้องถ่ายรูป แต่ Galaxy Tab S3 ก็มีกล้องที่มีค่ารูรับแสงกว้าง f/1.9 และมีแฟลช LED ด้วย
จุดสังเกตเพิ่มเติม
ตัวเครื่องเป็นกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เกิดคราบลายนิ้วมือได้ง่าย และไม่กันน้ำ