Android News
เปิดตัว Moto Z2 Force Edition หน้าจอ ShatterShield มาพร้อมกล้องหลังคู่ และ Snapdragon 835
เปิดตัว Moto Z2 Force Edition สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมชิปประมวลผล Snapdragon 835 หน้าจอ ShatterShield และมีกล้องหลังคู่ สำหรับทำตลาดในแถบอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกาในช่วงปลายปีนี้
Moto Z2 Force Edition มีหน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้ว Quad HD POLED และเป็นเทคโนโลยีการประกอบหน้าจอ 5 ชั้นที่เรียกว่า ShatterShield ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับหน้าจอและชั้นนอกสุดเคลือบสารกันน้ำ ในขณะที่ตัวเครื่องเป็นโลหะอะลูมิเนียมเกรด 7000
ด้านหลังของ Moto Z2 Force Edition มีกล้องหลังเลนส์คู่ ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0 ระบบโฟกัสแบบ PDAF ระบบเลเลเซอร์ช่วยโฟกัส โดยเลนส์หนึ่งเป็นเซ็นเซอร์สี RGB และอีกตัวเป็นเซ็นเซอร์ขาวดำ Monochrome ซึ่งทั้ง 2 เลนส์จะช่วยให้การถ่ายภาพสามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้ดีขึ้น มีความลึกของภาพ ให้แสงเงาที่มีมิติมากขึ้น และรองรับการบันทึกวิดีโอ 4K ส่วนด้านหน้ามีกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
Moto Z2 Force Edition มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 Nougat ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 835 กับแรม 4GB และมีความจุตัวเครื่อง 64GB เพิ่มได้ด้วย microSD card รองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด, NFC, Dual band Wi-Fi 802.11ac กับ MIMO, Bluetooth 4.2 และรองรับ Bluetooth 5.0 ที่จะมาพร้อมกับการอัปเดท Android O ในอนาคต โดยพอร์ตเชื่อมต่อตัวเครื่องเป็นแบบ USB-C และไม่มีช่องหูฟัง 3.5mm
Moto Z2 Force Edition มีแบตเตอรี่ขนาด 2,730 mAh รองรับชาร์จเร็ว TurboPower ด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 15W และรองรับ Moto Mod ทุกตัวที่เปิดตัวในช่วงปีที่ผ่านมาและรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในปีนี้พร้อมกับ Moto Z2 Play
Moto Z2 Force Edition มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Super Black, Fine Gold และ Lunar Grey ราคาเริ่มต้นในสหรัฐอเมริกา 720 ดอลลาร์ผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ (ประมาณ 24,000 บาท) หรือหากซื้อผ่านร้านค้าปลีกราคา 800 ดอลลาร์ (ประมาณ 26,800 บาท) เริ่มเปิดพรีออเดอร์แล้วตั้งแต่วันนี้ และวางขายจริง 10 สิงหาคมนี้
นอกจากนี้แล้วยังได้มีการเปิดตัวกล้อง 360 องศา ซึ่งเป็น Moto Mod ที่จะช่วยให้สามารถถ่ายวิดีโอ 4K ได้แบบ 360 องศา และบันทึกเสียงแบบ 3D ที่ให้มิติในการรับชมจากทุกทิศทาง หรือจะถ่ายทอดสดก็ทำได้เช่นกัน เริ่มวางขายวันที่ 10 สิงหาคมนี้ในราคา 299 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 10,000 บาท)