Android News
สรุปฟีเจอร์ใหม่ Android P ในงาน Google I/O 2018 มีอะไรน่าสนใจบ้าง มาดูกัน
สรุปฟีเจอร์ใหม่ของ Android P ที่ประกาศในงาน Google I/O 2018 เพื่อการทำงานที่ง่าย ฉาดกว่าเดิม และรองรับหน้าจอแบบ Full Screen ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 3 หมวดหลักๆ ได้แก่ Intelligence, Simplicity และ Digital Wellbeing
Android P เป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นถัดไปที่จะมาต่อจาก Android Oreo โดยมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงการทำงานหลายอย่าง มาดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
ความเปลี่ยนแปลงแรกขอพูดถึงอินเตอร์เฟซใหม่สำหรับฟีเจอร์ท่าทางในการเข้าถึงอย่างง่าย โดยการกวาดนิ้วขึ้นจากขอบจอด้านหล่างขึ้นเพื่อไปยังแอพพลิเคชั่นล่าสุด รวมถึงการแสดงตัวอย่างหน้าจอแอพที่ใช้งานล่าสุดด้วย
นอกจากการกวาดหน้าจอขึ้นเพื่อดูรายการแอพที่ใช้งานล่าสุด ยังสามารถใช้เพื่อเข้าถึง App Drawer มีการเปลี่ยนแปลงปุ่มนำทางที่เหลือเพียงปุ่มโฮม และย้อนกลับสำหรับบางหน้าจอที่ต้องการใช้งาน โดยในส่วนนี้ยังมีการปรับอินเตอร์เฟซใหม่ เช่น เพิ่มปุ่ม Rotate หมุนหน้าจอเมื่อเอียงเครื่องหากผู้ใช้งานปิดการหมุนหน้าจออัตโนมัติไว้ ก็จะเห็นปุ่มนี้ขึ้นมาเมื่อเอียงเครื่อง, ปรับหน้าตาของปุ่มปรับระดับเสียงของสื่อมัลติมีเดียที่กำหนดเป็นค่ามาตรฐาน และเพิ่มเมนูการจับภาพหน้าจอรวมอยู่ในเมนูของปุ่ม Power เป็นต้น
ถัดมาเป็นในส่วนของ Digital Wellbeing เพื่อความสุขในการใช้งานดิจิทัลอย่างมีคุณภาพ ซึ่งเป็นการสรุปการใช้งานต่างๆ ว่ามีการทำงานอะไรบ้าง และใช้เวลากับแอพแต่ละตัวนานเท่าไหร่ ได้แก่
- Dashboard เป็นกระดานสรุประยะเวลาที่มีการใช้งานสมาร์ทโฟน มีกราฟแสดงสัดส่วนการใช้งานแต่ละแอพ สถิติการปลดล็อคหน้าจอ และจำนวนการแจ้งเตือน เรียกได้ว่าต่อไปนี้จะรู้ว่าวันหนึ่งหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดกี่ครั้ง และหมดเวลากันไปเท่าไหร่กับแอพโปรด
- App Timer ตัวกำหนดความเหมาะสมในการใช้งานแอพต่างๆ เพื่อเตือนให้ทราบว่าใช้งานตามที่กำหนดแล้วนะ หยุดพักบ้าง หรือนำไปปรับใช้งานกับเด็กๆ ก็ได้
- Do Not Disturb ฟีเจอร์ใหม่นี้จะปิดการเตือนทั้งหมดจริงๆ ไม่มีอะไรขึ้นมาบนหน้าจอให้เห็นตลอดการเปิดใช้งาน แต่เลือกเบอร์ฉุกเฉินเอาไว้ได้ เผื่อสายโทรเข้า
- Wind Down ฟีเจอร์ที่จะทำงานเมื่อถึงเวลานอน เปลี่ยนหน้าจอสีให้เป็นขาวดำ พร้อมกับเปิดการทำงานฟีเจอร์ Night Light และ Do Not Disturb
ในส่วนของความฉลาดหรือ Intelligence มีการนำเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Adaptive Battery วิเคราะห์การใช้พลังงานสำหรับแอพแต่ละตัวของแต่ละผู้ใช้งานเพื่อลำดับคงามสำคัญแล้วจัดการพลังงานให้เหมาะสมในการใช้งาน ซึ่ง Google บอกว่าช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้มากกว่าเดิมถึง 30%
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงฟีเจอร์บางส่วนที่น่าสนใจเท่านั้น ยังมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ปลีกย่อยอีกเพียบ รวมไปถึง API สำหรับนักพัฒนาด้วย รายละเอียดทั้งหมดดูได้ที่ Android Developer