Featured
รีวิว OPPO Find X ที่สุดแห่งนวัตกรรมดีไซน์ Stealth 3D Cameras และหน้าจอไร้รอยบาก
OPPO Find X เป็นการกลับมาของ Find-Series ที่เรียกได้ว่าสร้างความฮือฮาให้กับแฟนๆ ได้เป็นอย่างดี และเป็นสมาร์ทโฟนที่มีความน่าสนใจมากที่สุดในขณะนี้เลยก็ว่าได้ ด้วยการดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร จึงทำให้รุ่นนี้มีความโดดเด่น การเลือกใช้วัสดุเกรดพรีเมียมที่มีความสวยหรู และสเปคตัวเครื่องที่จัดเต็มที่สุดเท่าที่เคยมีมาจาก OPPO ซึ่งทั้งหมดนี้เราจะมาเจาะลึกในรีวิวนี้กัน
สรุปข้อมูลและสเปค OPPO Find X (CPH1871)
- ราคาเปิดตัว 29,990 บาท (กรกฎาคม 2018)
- ขนาดตัวเครื่อง 156.7 x 74.2 x 9.6 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 186 กรัม
- หน้าจอขนาด 6.4 นิ้ว OLED ความละเอียดระดับ FullHD+
- ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบด้วย ColorOS 5.1
- ชิพเซ็ต Qualcomm SDM845 Snapdragon 845 AIE Octa-core
- แรม 8GB
- ความจุตัวเครื่อง 256GB
- กล้องหลังเลนส์คู่ 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 และ 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
- กล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C, Wi-Fi ac, Bluetooth 5.0
- แบตเตอรี่ 3730mAh ชาร์จไว VOOC Flash Charge
ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอแสดงผล
ด้านการดีไซน์ตัวเครื่อง OPPO Find X ถือเป็นงานออกแบบที่มีความโดดเด่นมากที่สุดในขณะนี้ ด้วยนวัตกรรมการซ่อนกล้องและเซ็นเซอร์ (Stealth 3D Cameras) ทำให้การจับใช้งานปกติดูสะอาดเรียบหรู ไม่มีเลนส์กล้องหรือรอยต่อให้เห็น
วัสดุตัวเครื่องเป็นกระจก Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งมีความโค้งแบบ 3D ช่วยให้การจับใช้งานกระชับเข้ากับอุ้งมือของเราพอดี และขอบกระจกยังมีความโค้งมนแบบ 2.5D ด้วย จึงให้สัมผัสเป็นเนื้อเดียวกับกรอบตัวเครื่อง ไม่มีเหลี่ยมคม
อีกหนึ่งจุดเด่นด้านการดีไซน์ของ OPPO Find X คือ ฝาหลังมีการไล่เฉดสี ให้ความมันวาวเมื่อมีแสงตกระทบ และให้มุมมองของเฉดสีแตกต่างกันออกไปในมุมต่างๆ โดยเมื่อลองใช้ไฟแฟลชส่องขึ้นลงที่ด้านหลังจะรู้สึกเหมือนตรงส่วนด้านหลังเป็นไฟนีออน ซึ่งตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Bordeaux Red เป็นโทนสีม่วงดำ และ Glacier Blue เป็นโทนสีฟ้าดำ
หน้าจอแสดงผลของ OPPO Find X มีขนาด 6.4 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่า OPPO R15 Pro แต่ด้วยการดีไซน์แบบ Panoramic Arc Screen ที่มีสัดส่วน 19.5:9 ที่มีการขยายพื้นที่การแสดงผลให้กว้างกว่าเดิม ชิดขอบทุกด้าน และไม่มีรอยบาก ทำให้รุ่นนี้มีขนาดตัวเครื่องไม่ได้มากจนเกินไป ยังคงจับถนัดในมือเดียว
หน้าจอของรุ่นนี้ต้องบอกเลยว่าสวยงามมากๆ ด้วยหน้าจอแบบ OLED ที่มีอัตราส่วนคอนทราสต์ที่สูง และความละเอียดระดับ FullHD+ หลังจากได้ลองเล่นตัวเครื่องจริง มุมมองภาพที่ได้เห็นนั้นเต็มตามากๆ ไม่มีรอยบากให้เกะกะสายตาเวลาดูหนังหรือเล่นเกม และใช้งานกลางแจ้งก็ยังเห็นสีสันที่คมชัด
สำหรับกล้องหน้าและกล้องหลังจะถูกซ่อนเอาไว้เมื่อไม่มีการใช้งาน และจะเด้งขึ้นมาอัตโนมัติเมื่อมีการใช้งาน โดยทาง OPPO เคลมว่าใช้งานได้ยาวๆ นานถึง 5 ปี จากการทดสอบเลื่อนขึ้นลงถึง 300,000 ครั้ง ซึ่งการดีไซน์แบบนี้ช่วยให้ตัวเครื่องดูสะอาดตาขึ้นจริงๆ เมื่อซ่อนกล้อง และไม่ต้องกังวลว่ากระจกที่ครอบเลนส์กล้องจะเกิดรอยเวลาวางกับพื้น
หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วเวลาโทรจะได้ยินเสียงได้อย่างไร ในเมื่อลำโพงถูกซ่อนเอาไว้หากไม่มีการเปิดกล้อง ซึ่งจริงๆ แล้วตรงหน้าจอกระจกมีรูเล็กๆ ทำหน้าที่ส่งสัญญาณเสียงออกจากลำโพงผ่านชั้นกระจกเมื่อใช้งานการโทรนั่นเอง
ขอบด้านซ้ายมีปุ่มปรับกระดับเสียง จะเห็นด้านข้างตัวเครื่องจะโค้งเว้าเข้าหากรอบตัวเครื่อง ทำให้ส่วนนี้มีความเพรียวบางมากๆ
ขอบด้านขวามีปุ่ม Power สำหรับกดปิด/เปิดเครื่องหรือปิด/เปิดหน้าจอ
OPPO Find X มีพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C สำหรับถ่ายโอนข้อมูลผ่านสายเคเบิลและชาร์จไฟรวดเร็วด้วย VOOC Flash Charge
สำหรับถาดใส่ซิมจะอยู่ขอบด้านล่างตัวเครื่อง เป็นถาดซิมแบบ Dual Nano SIM แต่ไม่มีช่องใส่ microSD card ซึ่งทาง OPPO น่าจะมองแล้วว่าความจุตัวเครื่องขนาด 256GB เพียงพอต่อการใช้งานอยู่แล้ว และมีสมาร์ทโฟน Android เพียงไม่กี่รุ่นที่มีความจุสูงขนาดนี้
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน
OPPO Find X รันระบบปฏิบัติการ ColorOS 5.1 เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดที่ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ไม่ต้องอัพเดท แกะกล่องออกมาก็ได้ใช้ซอฟต์แวร์ใหม่ทันที ซึ่งตัวซอฟต์แวร์มีการปรับแต่งให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพบนหน้าจอ Panoramic Arc Screen และเอฟเฟ็กต์เคลื่อนไวที่ดูมีชีวิตชีวาทุกครั้งที่มีการแตะใช้งาน โดยในหน้าจอหลัก เมื่อแตะค้างที่ไอคอนแอพพลิเคชั่นก็จะมีเมนด่วน (Quick Actions Menus) เด้งขึ้นมาให้เลือกใช้งานแตกต่างกันออกไปตามแต่ละแอพพลิเคชั่น เช่น แอพกล้องก็จะมีเมนู การถ่ายภาพบุคคล เซลฟี่หน้าสวย เซลฟี่สติกเกอร์ อัดวิดีโอ สามารถเลือกแตะใช้งานทันได้ที เป็นต้น
เริ่มจากฟีเจอร์แรกที่หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นชินในการใช้งาน แต่สำหรับหน้าจอที่ยาวขึ้นการมีฟีเจอร์นี้จะทำให้หน้าจอแสดงผลได้แบบไม่มีเมนูนำทางมาบดบังการแสดงผล คือฟีเจอร์การสั่งงานด้วยท่าทางการสัมผัสด้วยปลายนิ้วที่เรียกว่า Full Screen Gestures เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานมากกว่าการเอื้อมนิ้วไปกดปุ่มนำทาง
- กลับสู่หน้าจอโฮมได้ง่ายๆ โดยการปัดขึ้นจากตรงกลางจอด้านล่าง
- ย้อนกลับ ปัดขึ้นจากด้านล่างของจอฝั่งขวา
- Multitasking ปัดขึ้นจากด้านล่างของจอฝั่งซ้าย
- ศูนย์ตั้งค่า ปัดลงจากด้านบนจอ
ผู้ช่วยแบบชาญฉลาด (Smart Assistant) ฟีเจอร์ที่ถูกติดตั้งมาให้เลยบนตัวเครื่อง OPPO Find X สำหรับเป็นผู้ช่วยที่คอยรวบรวมข้อมูลต่างๆ ไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ ติดตามก้าวเดิน กิจกรรมต่างๆ จากปฏิทิน แอพพลิเคชั่นที่ใช้งานบ่อยๆ และรายชื่อติดต่อโปรด เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใช้งานในคลิกเดียว โดยสามารถเข้าใช้งานได้โดยปัดหน้าจอโฮมไปทางขวาเพื่อเข้าสู่หน้าจอนี้ ซึ่งวิดเจ็ตต่างๆ สามารถปรับแก้ไขได้เองตามความสนใจ
OPPO Find X สามารถเรียกใช้งาน Google Assistant ได้ด้วยคำสั่ง OK Google และรองรับภาษาไทยด้วยด้วยคำสั่ง สวัสดีกูเกิล เมื่อตั้งค่าเมนูตัวเครื่องเป็นภาษาไทย โดยไมค์รับเสียงของรุ่นนี้ทาง OPPO บอกว่ารับเสียงได้ดี มีระบบตัดเสียงรบกวนอัตโนมัติ ซึ่งทางการทดสอบใช้งานในที่เสียงค่อนข้างดัง ก็พบว่า Google Assistant รับฟังเสียงที่เราพูดได้อย่างถูกต้อง
ความจุตัวเครื่อง 256GB ถือว่าเยอะมากๆ สำหรับสมาร์ทโฟน ใช้งานได้อย่างสบายใจ เก็บรูปได้นับหมื่นรูป ไม่ต้องคอยลบรูปเก่าเพื่อเก็บรูปใหม่ หรือเกมที่มีกราฟิกสวยๆ ก็สามารถโหลดมาติดตั้งได้แบบไม่ต้องกลัวเมมเครื่องจะเต็ม
แอพพลิเคชั่นสำหรับจัดการโทรศัพท์ (Phone Manager) บน OPPO Find X อีกหนึ่งแอพดีๆ ที่คอยตรวจสอบการทำงานและแก้ไขให้กลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิมเพียงคลิกเดียว
มาถึงความสวยงามสีสันสดใสของหน้าจอ OPPO Find X ที่เป็นแผงหน้าจอ OLED ทำให้การดูคอนเทนท์บนหน้าจอมีความคมชัด และด้วยสัดส่วน 19.5:9 ที่กว้างกว่าเดิม ช่วยให้ดูหนังหรือวิดีโอได้ภาพแบบเต็มตา และไม่มีรอยบากอีกต่อไปแล้ว
สำหรับการเล่นเกมด้วยสัดส่วนหน้าจอ 19.5:9 ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง Tip ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการชนะเกมได้เหมือนกัน เพราะความกว้างของหน้าจอ OPPO Find X ที่ไม่มีรอยบากจะช่วยให้เห็นศัตรูหรือฝ่ายตรงข้ามที่อยู่รอบๆ ขอบจอได้มากกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป และเล่นได้แบบไม่สะดุดเมื่อมีการแจ้งตือนต่างๆ เพราะระบบจะแสดงหน้าต่างการแจ้งเตือนเล็กๆ ไม่ให้บังหน้าจอขณะเล่นเกม
ความเร็วแรงของ OPPO Find X ถือว่าเป็นที่สุดของสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ในขณะนี้ด้วยชิพประมวลผลตัวท็อปสุดที่มีในตลาด นั่นก็คือ Qualcomm SDM845 Snapdragon 845 AIE ที่รองรับการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI โดยซีพียู Octa-core แบ่งการทำงานออกเป็น 2 ระดับตามการใช้งาน คือ Quad-core 2.8GHz Kryo 385 Gold และ Quad-core 1.7GHz Kryo 385 Silver พร้อมกราฟิกหรือจีพียู Adreno 630 และแรม 8GB โดยผลการทดสอบ AnTuTu v7.1.0 เป็นการทดสอบภาพรวมของการทำงานในส่วนของหน่วยความจำแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู OPPO Find X ทำคะแนนรวมได้ 288,542 คะแนน ระดับคะแนนถือว่าทำได้สูงมาก เหนือกว่าเรือธงของทุกค่ายบน AuTuTu
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผล การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ OPPO Find X ทำคะแนน Single-Core ได้ 2,305 คะแนน และ Multi-Core ทำได้ 7,973 คะแนน
นอกจากนี้แล้วในการเล่นเกม ยังสามารถเปิดโหมดการเร่งความเร็วเกม เพื่อเรียกใช้งานซีพียูและปรับจีพียูให้จัดลำดับความสำคัญให้มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการเล่นเกม และไม่ให้มีการรบกวนระหว่างเล่นเกมได้
จากการทดสอบเล่นเกม Asphalt 9: Legends สุดยอดเกมแข่งใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกราฟิกอลังการจากค่าย Gameloft มุมมองภาพที่ได้บน OPPO Find X เรียกได้ว่าเป็นกระสบการณ์ใหม่ที่เห็นภาพแบบเต็มพื้นที่ด้านหน้าจริงๆ ต้องบอกเลยว่าความลื่นไหลของภาพไม่มีสะดุดเลย
เล่นเกม ROV ในโหมดเฟรมเรตสูง ได้เฟรมเรตวิ่งที่ 60 fps ได้แบบนิ่งๆ ไม่มีตก ถ้าใครเลยลองเล่นบนมือถือรุ่นอื่นๆ ที่จอเล็กหรือมีรอยบาก แล้วได้มาลองเล่นบน OPPO Find X จะได้อีกความรู้สึกเลย ภาพลื่นไหลดีมาก และมุมมองของภาพเกมก็จะได้มุมที่กว้างมากขึ้นด้วยเพราะสัดส่วนหน้าจอที่ยาว รวมถึงหน้าจอ OLED ก็เป็นอีกหนึ่งความประทับใจในการเล่นเกมด้วยสีสันสวยที่สดใส แต่อย่าลืมว่าการเล่นเกมในโหมดนี้จะค่อนข้างเปลืองแบต และเครื่องจะร้อนเร็วกว่าโหมดปกติ
App Notification Bar ฟังก์ชั่นการแสดงไอคอนแอพ รายการแจ้งเตือนที่แถบบาร์ สามารถอ่านและตอบกลับข้อความได้โดยไม่ต้องสลับหน้าจอไปมา โดยระบบจะเปิดหน้าต่างใหม่ขึ้นมาแบบ Picture-in-Picture ลอยอยู่เหนือหน้าจอที่กำลังใช้งาน ไม่ขัดจังหวะการดูคลิปวิดีโอและเล่นเกม ซึ่งขณะนี้รองรับแอพยอดนิยมหลายแอพ เช่น WhatsApp, Messenger, LINE และ WeChat
ฟีเจอร์การแบ่งหน้าจอ (Split Screen) สำหรับแบ่ง 2 หน้าจอ ใช้งานแอพพลิเคชั่นได้พร้อมกัน 2 แอพ เช่น เล่นเกมพร้อมกับแชทคุยกับเพื่อนๆ หรือดูวิดีโอและคุยแชทกับเพื่อนก็ทำได้ เป็นต้น ซึ่งรองรับการใช้งานได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน
การแคปภาพหน้าจอของ OPPO Find X นอกจากการกดปุ่ม Power และปุ่มลดเสียงพร้อมกันแล้ว ยังสามารถใช้ 3 นิ้ววาดลงมาเพื่อแคปหน้าจอได้ทันที และสามารถแคปหน้าจอแบบยาวต่อเนื่องได้ด้วย
ความฉลาดของ ColorOS 5.1 ในแอพพลิเคชั่นรูปภาพ มีเทคโนโลยี AI ที่สามารถตรวจจับใบหน้าและจดจำใบหน้าของแต่ละบุคคลได้ เพื่อแยกเป็นอัลบั้มเดียวกัน ทำให้สามารถค้นหารูปภาพได้ง่ายมากขึ้น รวมถึงการแบ่งอัลบั้มตามสถานที่ และประเภทของรูปถ่ายได้ด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วฟีเจอร์นี้ใช้งานได้ตั้งแต่ ColorOS 5.0
แอพรูปภาพยังใช้ประโยชน์จากการจดจำใบหน้าด้วย AI ในการนำมาใช้ร่วมกับฟีเจอร์ที่เรียกว่า ความทรงจำ (Memories) เพื่อนำภาพถ่ายที่เกี่ยวข้องกับบุคคลนั้นๆ มาทำเป็นคลิปวิดีโอน่ารักๆ บันทึกถึงความทรงจำจากการถ่ายภาพในแต่ละช่วงเวลา เช่น ไปเที่ยวสถานที่ใดที่หนึ่ง ก็รวมเป็นคลิปเดียวกันได้ เป็นต้น
เราสามารถเลือกธีม (Theme) ให้กับคลิปวิดีโอ ใส่เสียงเพลง ภาพปก ข้อความ และแก้ไขรูปภาพได้ ซึ่งวิดีโอที่สร้างเสร็จแล้วจะบันทึกลงเครื่องหรือแชร์ลงโซเชียลได้ทันที
ฟีเจอร์ด้านการเชื่อมต่อรองรับเครือข่าย 4G พร้อมกันทั้ง 2 ซิม และรองรับ VoLTE การโทรด้วยความเร็วสูงผ่านสัญญาณ 4G ที่ให้คุณภาพเสียงสนทนามีความคมชัดมากขึ้น สามารถใช้เน็ตไปพร้อมๆ กันได้ และยังรองรับ VoWi-Fi ที่สามารถโทรผ่านไวไฟได้อีกด้วย ส่วนการเชื่อมต่ออื่นๆ รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, NFC, Bluetooth 5.0 และพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C รองรับ USB On-The-Go
OPPO Find X ใช้การจดจำใบหน้าในการปลดล็อคหน้าจอ ซึ่งเป็นครั้งแรกของ OPPO ที่มีการนำเทคโนโลยี Flood Illuminator, เซ็นเซอร์กล้องอินฟาเรด และการประมวลจุดต่างๆ บนใบหน้ามากกว่า 15,000 จุดในการสร้างโมเดลใบหน้า 3D ของผู้ใช้งาน เพื่อความแม่นยำในการปลอดล็อค และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยเซ็นเซอร์กล้องอินฟาเรดยังช่วยให้สามารถตรวจจับใบหน้าได้รวดเร็วมากขึ้น ซึ่งจาการทดสอบปลดล็อคหน้าจอในที่แสงน้อยหรือที่ค่อนข้างมืดก็สามารถปลดล็อคได้
ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว โดยการเลือกเข้ารหัสและซ่อนแอพไม่ให้แสดงหน้าจอได้ ซึ่งฟีเจอร์นี้ช่วยป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นเข้าถึงแอพส่วนตัวของเราได้ เช่น แอพโซเชียล รูปภาพ เป็นต้น โดยเข้าไปที่เมนู การตั้งค่า >> การรักษาความปลอดภัย >> การเข้ารหัสแอป
เมื่อเข้ามายังเมนู “การเข้ารหัสแอป” ระบบจะให้ตั้งรหัสผ่าน แล้วเลือกแอพพลิเคชั่นที่ต้องการเข้ารหัสปลอดภัย ซึ่งตรงนี้จะยังไม่ใช่การซ่อนแอพนะครับ ให้ผ่านขั้นตอนนี้ไปก่อน ระบบจะพาไปยังหน้าเมนู “ล็อคแอพ” ซึ่งในหน้าจอนี้จะมีรายการแอพพลิเคชั่นทั้งหมดในเครื่องให้เลือกซ่อน ตั้งรหัสผ่านในรูปแบบ #ตัวเลข4ตัว# โดยเมื่อซ่อนแล้วแล้วจะมีไอคอนเส้นคาดลูกตาปรากฏที่รายการแอพนั้น
เมื่อเลือกซ่อนแอพใดๆ แล้ว เราจะไม่เห็นแอพนั้นที่หน้าจอโฮม สามารถเรียกใช้งานแอพที่ซ่อนได้โดยเข้าแอพโทรศัพท์ แล้วกด #ตัวเลข4ตัว# ที่ได้ตั้งค่าเอาไว้ ระบบก็จะแสดงแอพที่ซ่อนขึ้นมาให้ใช้งานได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่มีความปลอดภัยและให้ความเป็นส่วนตัวกับผู้ใช้งานได้อย่างมาก
นอกจากนี้ก็มี Smart Drive Mode สำหรับการขับขี่ที่ปลอดภัย โดยเมื่อทำการเชื่อมต่อ Bluetooth กับรถยนต์ OPPO Find X จะเปิดใช้งาน Smart Driving อัตโนมัติ พร้อมกับเปิดใช้งาน No Disturb ไม่ได้รบกวนขณะขับรถ หรือจะเลือกรับสายก็ได้ด้วยคำสั่งเสียง
แบตเตอรี่ขนาด 3730mAh มีระบบจัดการพลังงานด้วย AI ช่วยให้ใช้งานได้ยาวนานทั้งวันสำหรับการใช้งานทั่วไป และรองรับชาร์จไว VOOC Flash Charge ด้วยไฟสูงสุด 5V/4A ช่วยให้ชาร์จเร็วกว่าการชาร์จปกติบนสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 4 เท่า
กล้องถ่ายรูป
OPPO Find X เป็นสมาร์ทโฟนที่ช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีถึงการเป็นสมาร์ทโฟนสำหรับคนรักเซลฟี่ ด้วยการพัฒนาไปอีกขั้นของเทคโนโลยี 3D AI Beauty ในกล้องหน้า ทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์กล้องตัวท็อป Sony IMX576 ความละเอียดสูงถึง 25 ล้านพิกเซล และมีรูรับแสงกว้าง f/2.0 เพื่อการเซลฟี่ได้สวยในทุกสภาพแสง
เทคโนโลยี 3D AI Beauty เป็นการดึงความสามารถของกล้องหน้าและเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่ใช้สำหรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้าในรูปแบบ 3 มิตินั้นเอง โดยฟีเจอร์ใหม่นี้จะทำการสแกนใบหน้าของเราในแบบ 3 มิติ แล้วให้เราเลือกปรับโครงหน้าให้สวยงามได้ตามความชอบจาก 4 สไตล์ จากนั้นก็บันทึกไว้ในเครื่อง หลังจากนี้เมื่อทำการเซลฟี่ในครั้งต่อๆ ไป AI ก็จะช่วยปรับแต่งโครงหน้าอัตโนมัติโดยอิงจากโครงหน้าเดิมของเราที่เคยบันทึกเอาไว้
กล้องหน้าเซลฟี่สวยเป็นธรรมชาติถือเป็นฟีเจอร์เด่นของ OPPO มาแล้วหลายรุ่น ซึ่งใน OPPO Find X ได้เพิ่มความสามารถในการถ่ายภาพย้อนแสงหรือสภาพแสงที่แตกต่างกันมากๆ ได้ออกมาสวย เห็นรายละเอียดครบทั้งภาพ โดยเป็นการดึงความสามารถเทคโนโลยี 3D AI ที่มีอยู่ในรุ่นนี้มาใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการถ่ายภาพ HDR ด้วยเซนเซอร์กล้องตัวใหม่นี้ สามารถทำได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง จะเห็นว่าภาพถ่ายย้อนแสงให้รายละเอียดฉากหลังได้อย่างครบถ้วน ในขณะที่ใบหน้าของคนก็ยังสว่างสวยงาม
อีกหนึ่งความฉลาดของกล้องที่มี AI Beauty คือการแยกเพศ อายุ และผิวพรรณของแต่ละคน เพื่อนำมาปรับความสวยงามให้เหมาะสมกับแต่ละคนได้ เช่น ใบหน้าผู้หญิงก็มีความขาวนวล ในขณะทีใบหน้าผู้ชายก็ปรับให้สว่างเนียนแต่ยังคงเก็บหนวดเคราเอาไว้ เป็นต้น
ความสนุกรูปแบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในกล้องของ OPPO Find X คือ 3D Omoji สำหรับสร้างตัวการ์ตูนน่ารักๆ ที่สามารถขยับตามใบหน้าของเราได้ในรูปแบบ 3 มิติ สามารถกดถ่ายเป็นภาพนิ่งหรือวิดีโอ จากนั้นก็กดส่งหาเพื่อนผ่านแชทหรือโพสต์สนุกๆ ลงบนโซเชียลก็ได้
สติกเกอร์ในแอพกล้องมีให้เลือกใช้งานมากขึ้น ซึ่งฟีเจอร์นี้ก็มีการพัฒนาให้ตัวสติกเกอร์ตรวจจับการจัดวางและขยับตามตัวของเราได้รวดเร็วมากขึ้น
AI Portrait Mode เป็นโหมดที่สร้างขึ้นมาด้วยเทคนิคการเล่นแสงในการถ่ายภาพ โดยมี AI เข้ามาช่วยจัดแสงให้ได้ความสมจริงทั้งความสว่างและแสงเงาที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งใช้งานโหมดนี้ได้ทั้งจากกล้องหน้าและกล้องหลัง
สำหรับกล้องหลังคู่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล IMX519 และ 20 ล้านพิกเซล IMX376k ซึ่งเป็นเซนเซอร์ RGB ทั้งคู่ และรองรับระบบกันภาพสั่นไหว OIS ด้วยตัวฮาร์ดแวร์ที่ดีและซอฟต์แวร์ที่ทำงานด้วย AI จึงทำให้กล้องของ OPPO Find X ถ่ายได้สว่างและลดการเกิดนอยซ์ได้ดีมากขึ้นเมื่อถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือภาพกลางคืน
Portrait กล้องหลังนอกจากจะใช้สำหรับถ่ายภาพคนแล้ว ยังสามารถใช้ถ่ายวัตถุเพื่อให้มีความโดดเด่น ละลายฉากหลังได้เช่นเดียวกัน
AI Scene Recognition 2.0 เป็นความสามารถของ AI ที่ช่วยให้กล้องของ OPPO Find X สามารถรู้ได้ว่ากำลังถ่ายอะไร และปรับกล้องให้เหมาะกับการถ่ายภาพนั้นๆ อัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องตั้งค่ากล้องให้ยุ่งยาก เช่น เมื่อส่องกล้องไปที่อาหาร หน้าจอก็จะขึ้นไอคอนโหมดอาหารทันที ซึ่งหน้าที่เราก็แค่กดปุ่มชัเตอร์เท่านั้น เป็นต้น โดยปัจจุบันสามารถระบุได้ถึง 21 ประเภท รวมกันมากกว่า 800 ซีน
ภาพถ่ายจากกล้อง OPPO Find X
สรุปจุดเด่น
- OPPO Find X ถือเป็นสุดยอดสมาร์ทโฟนที่มีความโดดเด่นด้านการดีไซน์ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเหมือนใคร และเป็นการผสานเทคโนโลยีเข้ากับแฟชั่นด้านสีสันตัวเครื่องได้อย่างลงตัว
- หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ มาพร้อมแผงหน้าจอ OLED สีสันสดใสสวยงาม และไม่มีรอยบากที่หน้าจอ ทำให้การดูหนังและเล่นเกมเห็นภาพได้อย่างเต็มตา
- ชิพประมวลผลตัวท็อปสุด Qualcomm SDM845 Snapdragon 845 AIE กับแรม 8GB ทำงานได้อย่างลื่นไหล เล่นได้ไม่มีสะดุด และความจุมากถึง 256GB โหลดเกมมาเล่นได้ไม่ต้องกังวลเมมเต็ม
- กล้องหน้าเทคโนโลยี 3D ทำงานร่วมกับ AI ทำให้มีความสามารถในการตรวจจับใบหน้าได้ 3 มิติ ถ่ายรูปเซลฟี่หรือปลดล็อคหน้าจอได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ
- กล้องหลังคู่ โฟกัสได้อย่างรวดเร็ว และมีความฉลาดด้วย AI ตอบโจทย์ผู้ใช้ทุกคนให้สามารถถ่ายภาพได้สวยงามโดยไม่จำเป็นต้องตั้งค่ากล้องให้ยุ่งยาก
- ระบบจัดการพลังงานทำได้ดีมาก และรองรับชาร์จไว VOOC Flash Charge
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ไม่รองรับ microSD card แต่ถ้ามองที่ความจุตัวเครื่อง 256GB ก็ถือว่าเยอะมาก เพียงพอต่อการใช้งานอยู่แล้ว
- ยังไม่รองรับชาร์จไร้สาย
OPPO Find X ราคา 29,990 บาท เริ่มเปิดจองตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม – 4 สิงหาคม ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดยจะได้รับของแถมสุดพิเศษมากมาย ประเดิมด้วยหูฟังเฮดโฟน Marshall Major Bluetooth (มูลค่า 5,130 บาท), VIP Card ประกันหน้าจอแตกไม่จำกัดครั้งนานถึง 1 ปี (มูลค่า 19,990 บาท), Tripod ชุดขาตั้งกล้อง (มูลค่า 1,700 บาท) และที่ชาร์จแบบไวสำหรับรถยนต์ (มูลค่า 1,500 บาท) ซึ่งรวมมูลค่าทั้งหมดแล้วกว่า 28,000 บาท
หลังจากเริ่มวางจำหน่ายจะได้ของแถมเป็นชุด Tripod ชุดขาตั้งกล้อง (มูลค่า 1,700 บาท) และที่ชาร์จแบบไวสำหรับรถยนต์ (มูลค่า 1,500 บาท)