IT News
Facebook แนะนำ 6 วิธีรักษาบัญชีผู้ใช้ของคุณให้ปลอดภัยจากการหลอกลวงแบบฟิชชิ่งและสแกม
หนึ่งในพันธกิจของ Facebook คือการเปิดโอกาสให้ผู้คนได้แบ่งปันและสร้างการเชื่อมต่อที่มีความหมายร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อกับเพื่อนและครอบครัว การสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นที่พวกเขาชื่นชอบ หรือการสร้างชุมชนตามความสนใจ การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่น ประสบการณ์ และช่วงเวลาที่มีความหมายมากที่สุดสำหรับพวกเขา
เราเข้าใจดีว่าผู้คนต้องการที่จะเชื่อมบน Facebook ได้อย่างปลอดภัยและเราเองก็ต้องการให้ทุกคนรู้สึกปลอดภัยเมื่อใช้งาน Facebook ด้วยเช่นกัน และนั่นคือเหตุผลที่เรามีเครื่องมือและฟีเจอร์ที่หลากหลายที่พร้อมให้บริการผู้ใช้งานทุกคน เพื่อช่วยให้บัญชีผู้ใช้ของพวกเขาปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เรายังทำงานอย่างเต็มกำลังในการพัฒนา ดำเนินการ และอัพเดทนโยบายของเรา เพื่อป้องกันพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจและการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายจากโปรไฟล์และเพจที่มีวัตถุประสงค์ในการหลอกลวงและประสงค์ร้าย
ในประเทศไทย ผู้คนเข้าใจความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยในโลกออนไลน์โดยทั่วไป แต่เมื่อนำความรู้นั้นมาใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงมักไม่เป็นไปตามสิ่งที่คิดไว้ การศึกษาเกี่ยวกับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย[1]ที่จัดทำขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้แสดงให้เห็นว่า 44.5 เปอร์เซ็นต์ ละเลยการตรวจสอบที่อยู่เว็บไซต์ที่พวกเขาใช้เพื่อทำธุรกรรมออนไลน์ว่าปลอดภัยหรือไม่ และ 43 เปอร์เซ็นต์ ยอมรับว่าพวกเขาเคยเปิดลิงค์และอีเมล์ที่ไม่น่าไว้วางใจมาก่อน ซึ่งต่างแสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมที่แท้จริงของคนไทยนั้นมีความเสี่ยงมากกว่าที่คิด นอกจากนี้ ธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ล้วนแต่มีความเสี่ยงทั้งนั้น การศึกษา 2 ชิ้นที่จัดทำขึ้นโดยซิสโก (Cisco)[2] เมื่อไม่นานมานี้ ระบุว่ามีการรายงานการหลอกลวงแบบฟิชชิ่งจำนวนหลายหมื่นครั้งทั่วโลกในแต่ละเดือน และโดยเฉลี่ยแล้ว มีพนักงาน 2 คนที่ทำงานอยู่ในธุรกิจขนาดกลางหรือขนาดย่อมมักดาวน์โหลดข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ[3] ซึ่งนำมาสู่ภัยคุกคามภายในองค์กร
บน Facebook แอดมินของกลุ่มสำหรับชุมชน เจ้าของเพจธุรกิจ สื่อมวลชน ครีเอเตอร์ และโปรไฟล์ของบุคคลที่มีชื่อเสียงต่างๆ ควรให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของบัญชีผู้ใช้ เพราะอาจตกเป็นเป้าหมายของผู้ประสงค์ร้ายที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลการติดต่อและข้อมูลที่มีความอ่อนไหวอื่นๆ และนี่คือเคล็ดลับสำคัญจาก Facebook ในการหลีกเลี่ยงการหลอกลวงแบบฟิชชิ่งและสแกม ซึ่งเป็นรูปแบบอาชญากรรมในโลกไซเบอร์ที่เป็นปัญหามาอย่างยาวนาน
ฟิชชิ่งคืออะไร
ฟิชชิ่งคือการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต เมื่อมีบุคคลพยายามที่จะเข้าถึงบัญชีผู้ใช้ Facebook ของคุณด้วยการส่งข้อความหรือลิงค์ที่ไม่น่าไว้วางใจ ฟิชชิ่งมีรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งอีเมล์ โปรไฟล์ในโซเชียลมีเดีย โพสต์ และข้อความ หรือเว็บไซต์ปลอม โดยทั่วไปแล้ว นักต้มตุ๋นจะอ้างตัวว่าเป็นพนักงานจากบริษัทที่มีชื่อเสียงหรือแกล้งปลอมตัวเป็นบุคคลที่คุณรู้จัก เพื่อขอให้คุณให้ข้อมูลรหัสผ่าน หมายเลขบัตรเครดิต หรือข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ และหากพวกเขาสามารถเข้าสู่ระบบบัญชีผู้ใช้งานของคุณได้ พวกเขาอาจใช้บัญชีของคุณในการส่งสแปมอีกด้วย
วิธีการป้องกันการถูกหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง
1. ระวังอีเมล์หรือข้อความที่ไม่น่าไว้วางใจ อีเมล์ที่มาจาก Facebook เกี่ยวกับบัญชีผู้ใช้ของคุณจะประกอบด้วย fb.com, facebook.com หรือ facebookmail.com เสมอ และคุณยังสามารถเยี่ยมชม www.facebook.com หรือเข้าไปที่หน้าแอพ Facebook ของคุณเพื่อตรวจสอบข้อความสำคัญจากเรา นอกจากนี้ อย่าหลงเชื่อข้อความที่ขอเงิน ให้ของขวัญ หรือข่มขู่ว่าจะลบหรือแบนบัญชีผู้ใช้ Facebook ของคุณ
2. อย่าเผยข้อมูลการเข้าสู่ระบบบัญชีผู้ใช้ของคุณเป็นอันขาด
Facebook จะไม่ถามรหัสผ่านของคุณผ่านอีเมล์ หรือส่งรหัสผ่านให้คุณเป็นไฟล์แนบเป็นอันขาด และคุณควรหลีกเลี่ยงการเผยข้อมูลการเข้าสู่ระบบบัญชีผู้ใช้กับผู้อื่นด้วยเช่นกัน
3. อย่าคลิกไปที่ลิงค์ที่ไม่น่าไว้วางใจ
หากคุณเห็นอีเมล์ ข้อความ หรือโพสต์ที่ไม่น่าไว้วางใจและอ้างว่ามาจากFacebook อย่าคลิกไปที่ลิงค์หรือไฟล์แนบเหล่านั้น
- เคล็ดลับเพิ่มเติม: หากลิงค์นั้นมีลักษณะที่ไม่น่าไว้วางใจ คุณจะเห็นชื่อหรือ URL ที่อยู่ด้านบนของเพจปรากฏเป็นสีแดงพร้อมสัญลักษณ์สามเหลี่ยมสีแดงเป็นการแจ้งเตือน
4. อย่าตอบกลับอีเมล์เหล่านี้
อย่าตอบกลับข้อความที่ขอรหัสผ่าน เลขประกันสังคม หรือข้อมูลบัตรเครดิตของคุณ
5. จัดการและรายงานไปที่Facebook
หากอีเมล์หรือข้อความ Facebook ที่คุณได้รับมีลักษณะที่น่าสงสัย คุณสามารถรายงานไปที่ phish@fb.com หรือหากคุณต้องการรายงานบทสนทนา คุณควรถ่ายภาพหน้าจอไว้ก่อนที่คุณจะลบหน้าบทสนทนานั้นทิ้งไป โดยข้อความต่างๆ จะยังไม่ถูกลบออกจากอินบ็อกซ์ของฝ่ายตรงข้าม นอกจากนี้ คุณยังสามารถรายงานเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือสแปมบน Facebook ผ่านลิงค์การรายงานที่จะปรากฏอยู่ใกล้ๆ ตัวเนื้อหาอีกด้วย
6. ใช้งานฟีเจอร์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยต่างๆ รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการเข้าสู่ระบบที่ไม่คุ้นเคยและตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีผู้ใช้ของคุณ และเพื่อป้องกันตัวเองจากผู้ประสงค์ร้าย ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวงแบบฟิชชิ่งหรือสแกม คุณควรใส่ใจกับ “สัญญาณแจ้งเตือน” เพิ่มเติมที่อาจช่วยบ่งบอกว่าคุณกำลังตกเป็นเหยื่อของคนร้ายได้
- วิธีการหลอกลวงแบบฟิชชิ่งส่วนใหญ่มักเป็นการหลอกลวงที่เกี่ยวเนื่องกับอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ด้วยความพยายามที่จะสร้างความเข้าใจผิด นักต้มตุ๋นมักจะปลอมตัวเป็นบุคคลที่คุณรู้จักและขอความช่วยเหลือและเงินจากคุณ ในบางครั้ง พวกเขาอาจปลอมตัวเป็นเพื่อนหรือญาติของคุณ และแสร้งว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
- นักต้มตุ๋นบางคนอาจส่งข้อความแนวโรแมนติกหาคุณ ด้วยความหวังที่จะได้รับความไว้วางใจจากคุณอย่างรวดเร็ว แต่ระวังเอาไว้เพราะในตอนสุดท้าย พวกเขามักจะขอให้คุณส่งเงินไปให้ หรือนำข้อมูลส่วนตัวของคุณไปเผยแพร่
- อีกกลวิธีคือการส่งข้อความหาคุณที่เชื่อมต่อคุณไปยังเพจเพื่ออ้างสิทธิในการรับรางวัล ซึ่งคุณจะต้องชำระค่าสมาชิก จ่ายค่าธรรมเนียม หรือแชร์ข้อมูลส่วนตัวของคุณในการอ้างสิทธิเพื่อรับรางวัลนั้น แต่ข้อความเพื่อการหลอกลวงเหล่านี้มักเป็นข้อความที่สะกดผิดและผิดหลักการใช้ภาษา ดังนั้น หากคุณพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว คุณจะสามารถสังเกตได้ว่าลิงค์นั้นเป็นของปลอม
ข้อควรปฏิบัติหากคุณคิดว่าโดนหลอกลวงไปแล้ว
หากคุณได้ให้ข้อมูลชื่อผู้ใช้หรือรหัสผ่านในลิงค์ที่ไม่น่าเชื่อถือโดยไม่ได้ตั้งใจ ผู้อื่นอาจเข้าสู่ระบบบัญชีผู้ใช้ของคุณได้ คำแนะนำคือควรทำใจเย็นๆ เอาไว้และปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้
- หากคุณยังสามารถเข้าสู่ระบบบัญชีผู้ใช้ของคุณได้ รักษามันด้วยการตั้งค่ารหัสผ่านใหม่และออกจากระบบจากอุปกรณ์ที่คุณไม่รู้จักทันที
- หากคุณไม่สามารถเข้าสู่ระบบบัญชีผู้ใช้ของคุณได้ และชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของคุณไม่สามารถทำงานได้ปกติ ใช้เครื่องมือกู้คืนบัญชีของคุณ
- ตรวจสอบว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับบัญชีผู้ใช้ของคุณหรือไม่ ด้วยการตรวจสอบกิจกรรมที่ผ่านมาและอีเมล์ที่ได้รับเมื่อเร็วๆ นี้ จาก Facebook
- หากคุณรู้สึกว่าคุณตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรม กรุณาแจ้งความกับตำรวจในบริเวณใกล้เคียง และหากคุณได้ให้ข้อมูลบัตรเครดิตของคุณโดยไม่ได้ตั้งใจ รีบแจ้งทางธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตของคุณทันที นอกจากนี้ อย่าลืมรายงานบุคคลหรือบัญชีผู้ใช้นั้นกับทาง Facebook ด้วย
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยให้กับบัญชีผู้ใช้ของคุณ กรุณาเยี่ยมชม https://www.facebook.com/help/