ข่าวประชาสัมพันธ์
Vivo พลิกโฉมดีไซน์สมาร์ทโฟนของปี 61 และในปี 62 นี้ ใช้กล้องหน้าแบบเลื่อนอัตโนมัติ (Elevation Front Camera)
ปี 2561 นับว่าเป็นปีที่น่าสนใจในวงการสมาร์ทโฟน เพราะมีโทรศัพท์รุ่นใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพในการถ่ายภาพ อันน่าทึ่ง และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่นานขึ้นจนน่าตกใจ ในระบบการทำงานที่ไวกว่าความเร็วของแสง ซึ่งอย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนไป นั่นคือ ตัวน็อทช์ หรือชิ้นส่วนด้านบนของโทรศัพท์ที่บรรจุตัวเซ็นเซอร์ หูฟัง และกล้องหน้า ซึ่งดู เหมือนว่า จะเป็นส่วนนี้ที่ตัดออกไปไม่ได้ หลายแบรนด์ได้พยายามทำให้กรอบด้านข้าง และน็อทช์เล็กลงจนเหลือแค่จุด ขนาดจิ๋วเพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับหน้าจอ แต่ก็ยังไม่สามารถกำจัดน็อทช์ออกไปได้ จนกระทั่งวันหนึ่ง Vivo ได้ฉีกกฎและสามารถ ทำให้โทรศัพท์ไม่มีกรอบด้านข้างได้ และยังเป็นผู้นำของกล้องหน้าแบบเลื่อนอัตโนมัติ (Elevating Front Camera) ซึ่งเป็น กล้องขนาดจิ๋ว ที่เลื่อนขึ้นมาเวลาถ่ายเซลฟี่ และเลื่อนกลับทันทีที่ออกจากโหมดเซลฟี่
จุดเริ่มต้นจากความฝัน
Vivo เปิดตัวคอนเซ็ปท์โทรศัพท์ไร้น็อทช์ และไร้กรอบรุ่นแรกของโลกที่งาน MWC 2018 ด้วย APEX™ ซึ่งได้รับ ความสนใจจากสื่อมวลชนอย่างท่วมท้น เพราะเป็นความกล้าที่จะคิดนอกกรอบ สมาร์ทโฟน APEX™ FullView™ เป็นมิติใหม่ แห่งการออกแบบสมาร์ทโฟน เพราะหน้าจอที่เต็มจออย่างแท้จริงโดยไม่มีอะไรบดบัง นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างเช่น Half-Screen In-Display Fingerprint Scanning รวมไปถึงกล้องหน้าแบบเลื่อนอัตโนมัติ และการซ่อนเซ็นเซอร์ระยะ และเซ็นเซอร์แสง จึงช่วยลดการใช้พื้นที่บริเวณกล้องหน้าโดยยังคงมอบประสบการณ์การถ่ายภาพเซลฟี่ที่ไม่ต่างจากเดิม
จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นจาก เมื่อ 3 ปีที่แล้ว Vivo ได้มีแนวคิดที่จะสร้างอะไรใหม่ ๆ สำหรับผู้บริโภค และจากการค้นคว้า พัฒนาเป็นเวลาหลายปี Vivo ก็สามารถรังสรรค์ APEX™ ได้สำเร็จ ซึ่งกว่าจะออกมาเป็นคอนเซ็ปท์นี้ได้นั้นต้องผ่านการ ทดสอบและทดลองอยู่หลายครั้ง เมื่อเปิดตัวคอนเซ็ปท์ APEX™ ผู้บริโภคและสื่อมวลชนต่างให้ความสนใจไปพร้อมๆ กับ สงสัยว่า นี่จะเป็นเพียงแค่แนวคิดหรือไม่ อย่างไรก็ตาม Vivo เชื่อว่า สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้จริง นั่นจึงนำไปสู่คำถามที่ว่า เมื่อฝันแล้วจะทำให้ APEX™ เป็นจริงได้หรือไม่
โดยหลังจากเปิดตัวที่ MWC ได้ 4 เดือน Vivo ก็สามารถทำตามคำมั่นสัญญาในการผลิตสมาร์ทโฟนไร้กรอบได้ ด้วยรุ่น NEX ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนในท้องตลาดรุ่นแรกที่มีกล้องหน้าแบบเลื่อนอัตโนมัติ ตัวเครื่องออกแบบมาเพื่อรับกับ กล้องชนิดนี้ และปรับให้เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน นับว่าเป็นนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีที่มอบความสะดวกสบายให้ ผู้ใช้อย่างแท้จริง
ก้าวข้ามคำว่าเป็นไปไม่ได้
กล้องหน้าแบบเลื่อนอัตโนมัติเคยเป็นสิ่งที่คิดกันว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะชิ้นส่วนที่เลื่อนได้ดูเหมือนจะยุ่งยากเกินไป สำหรับโทรศัพท์ที่จะวางขายในท้องตลาด ต้องใช้กลไกขนาดจิ๋วเพื่อใส่ฮาร์ดแวร์ของกล้องลงไปในโทรศัพท์และยังต้องทำให้ กล้องใช้งานง่าย และทนทานอีกด้วย
การติดตั้งกล้อง (โดยยังคงความบางเฉียบ และประสิทธิภาพไว้เหมือนเดิม) ให้สำเร็จนั้นท้าทายไม่แพ้การดีไซน์ โทรศัพท์ใหม่ แต่ Vivo รับทุกความท้าทาย และต้องการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่เสมอ จึงได้ทำการทดสอบอย่างหนักหน่วง เพื่อพัฒนากล้องหน้าแบบเลื่อนอัตโนมัติสู่มือผู้บริโภคให้ได้ และเพื่อเปิดพื้นที่ให้กับกล้องหน้าแบบเลื่อนอัตโนมัติ และเสารับ สัญญาณ Vivo ได้ออกแบบ Printed Circuit Board (PCB) ใหม่ โดยทำให้เป็นแผ่นบาง ๆ ติดอยู่ที่ขอบด้านใน นอกจากนี้ยังได้เสริมแผ่นเพิ่มเพื่อเติมความแข็งแรงให้กับ PCB ความซับซ้อนของการจัดเรียงชิ้นส่วนแต่ละชั้นนั้น นับว่า เป็นความท้าทายด้านเทคโนโลยี แต่ก็ทำให้ดีไซน์ของโทรศัพท์ออกมาดูสวยเฉียบในที่สุด โดย Vivo พัฒนากล้องหน้าแบบ เลื่อนอัตโนมัติของ NEX ไปอีกระดับด้วยการทดสอบด้านน้ำหนัก โทรศัพท์ NEX ที่มี กล้องหน้าจำนวน 8 เครื่อง ถูกนำไปทดลองรองรับแผ่นกระจกซึ่งมีนักบัลเล่ต์เต้นอยู่ กล้องหน้าตัวจิ๋วสามารถรับน้ำหนัก ได้เฉลี่ยตัวละ 11 กิโลกรัม พิสูจน์ได้ถึงความทนทาน และแข็งแกร่งของดีไซน์
สุดท้ายนี้ APEXTM และ NEX ฉีกกฎแห่งการออกแบบสมาร์ทโฟนด้วยการกำจัดน็อทช์ออก และหาทางเลือก ใหม่ที่ชาญฉลาด ด้วยสุดยอดเทคโนโลยีที่เป็นจริงแล้ววันนี้ และปี 2562 นี้ อาจเป็นปีแห่งกล้องหน้าแบบเลื่อนอัตโนมัติก็เป็นได้