Featured
รีวิว Vivo V15 กล้องหน้าป๊อปอัพ 32 ล้าน และหน้าจอเต็มขอบ ราคาหมื่นเดียว
Vivo V15 สมาร์ทโฟนดีไซน์ระดับพรีเมียม ที่เปิดตัวพร้อมกับ V15Pro ซึ่งเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับนวัตกรรมการดีไซน์กล้องหน้าที่แตกต่าง สามารถเลื่อนได้แบบอัตโนมัติ (Elevating Front Camera) ทำให้หน้าจอแสดงผลใหญ่เต็มขอบของจริงและไม่ต้องมีรอยบาก
สรุปสเปค Vivo V15
- ราคาเปิดตัว 10,999 บาท (มีนาคม 2019)
- ขนาดตัวเครื่อง 161.97 × 75.93 × 8.54 มม.
- น้ำหนัก 189.5 กรัม
- รองรับ 2 ซิมการ์ด
- หน้าจอแสดงผลขนาด 6.53 นิ้ว Ultra Fullview Display ความละเอียด 1080 x 2340 พิกเซล
- ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 9 (Android 9 Pie)
- ชิพเซ็ต MTK Helio P70
- แรม 6GB
- ความจุตัวเครื่อง 128GB (ใส่เมมเพิ่มได้สูงสุด 256GB)
- กล้องหลัง 3 ตัว
- เลนส์หลักขนาด 24 ล้านพิกเซล f/1.78
- Ultra-wide ขนาด 8 ล้านพิกเซล f/2.2
- Depth sensor ขนาด 5 ล้านพิกเซล f/2.4
- กล้องหน้าเลื่อนได้อัตโนมัติ 32 ล้านพิกเซล f/2.0
- แบตเตอรี่ขนาด 4000mAh
- รองรับ Bluetooth 4.2, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, microUSB
- สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง
ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
Vivo V15 มีความโดดเด่นด้านสีสันตัวเครื่องที่มาพร้อมการดีไซน์ที่เรียกว่า Spectrum Ripple Design ทำให้ตัวเครื่องแสดงสีสันและเปล่งประกายออกมาอย่างสวยงาม อีกทั้งยังให้ความรู้สึกที่ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้นด้วย
สีตัวเครื่องที่ใช้ในรีวิวนี้เป็นสี Glamour Red (แดง) เป็นการไล่เฉดสีแดงและสีดำได้อย่างลงตัว โดยที่ผิวตัวเครื่องยังใส่ลวดลายเล็กๆ เพื่อให้พื้นผิวเปล่งประกายได้เมื่อพลิกหรือหันตัวเครื่องในมุมต่างๆ ดูสวยงามมากขึ้น
ตัวเครื่องด้านหลังยังดีไซน์แบบ 3D ที่ขอบมีความโค้ง เวลาใช้งานทำให้จับกระชับมือ และให้สัมผัสที่รู้สึกสบายมือด้วย
ด้านการดีไซน์ของ Vivo V15 เป็นสิ่งที่ช่วยตอกย้ำถึงการพัฒนาสมาร์ทโฟนให้มีรูปลักษณ์ที่สวยงามและผสานรวมกับนวัตกรรมใหม่ๆ โดยมาพร้อมหน้าจอแบบ Ultra FullView Display ที่มีขอบจอสุดบาง ไม่มีรอยบาก มีสัดส่วนหน้าจอสูงถึง 90.95% ของพื้นที่ด้านหน้า
นวัตกรรมด้านการดีไซน์ที่ทำให้หน้าจอไม่ต้องมีรอยบากคือการแยกโมดูลกล้องหน้าไปเป็นกล้องที่เลื่อนได้แบบอัตโนมัติ (Elevating Front Camera) และทำให้ตัวเครื่องด้านหน้าดูสะอาดตามากขึ้นด้วย
กล้องหน้าแบบเลื่อนได้นี้มีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล กล้องจะเลื่อนขึ้นมาอัตโนมัติเมื่อมีการเปิดแอพกล้องถ่ายรูปเซลฟี่ และจะเลื่อนเก็บเมื่อไม่ได้ใช้งาน ซึ่งการทำงานของกล้องหน้าอาศัยแรงจาก Electric Motor ที่มีสปริงยกตัวกล้องขึ้นมา ในเรื่องของความแข็งแรงทนทาน ไม่ต้องกงวลว่าจะเสียง่ายๆ เพราะผ่านการทดสอบมาแล้วกว่า 300,000 ครั้ง และเมื่อใช้งานพบว่าทำงานได้รวดเร็วมาก ไม่ต่างไปจากการเปิดกล้องหน้าในสมาร์ทโฟนทั่วไป
สำหรับกล้องหลังมีทั้งหมด 3 เลนส์ จัดเรียงกันในแนวตั้ง ประกอบด้วยเลนส์ชนิดต่างกัน ได้แก่ เลนส์หลักขนาด 24 ล้านพิกเซล f/1.78 ในขณะที่ Ultra-wide ขนาด 8 ล้านพิกเซลสำหรับถ่ายภาพมุมกว้าง f/2.2 และ Depth sensor ขนาด 5 ล้านพิกเซล f/2.4 สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังละลาย
ขอบด้านล่างตัวเครื่องจะมีช่องหูฟัง 3.5 มม., ไมโครโฟน, พอร์ตเชื่อมต่อ microUSB และช่องลำโพงตัวเครื่อง
ขอบด้านบนไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
ปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียง จะอยู่ที่ขอบด้านขวาของตัวเครื่อง
ขอบด้านซ้ายตัวเครื่องจะมีปุ่มเรียกใช้งาน Google Assistant และถาดใส่ซิม โดยช่องสำหรับใส่ microSD card แยกมาให้ต่างหากด้วย ทำให้รุ่นนี้สามารถใส่ได้ 2 ซิมการ์ด พร้อมกับใส่เมมเพื่อเพิ่มความจุให้กับตัวเครื่อง โดยไม่ต้องไปใส่ในช่องซิม 2 เหมือนกับสมาร์ทโฟนทั่วไปที่มีถาดซิมแบบไฮบริด
V15 จะมีปุ่มสแกนลายนิ้วมืออยู่ด้านหลังตัวเครื่อง ในขณะที่ V15Pro จะสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ซี่งเป็นจุดแตกต่างด้านการดีไซน์ที่ช่วยให้สังเกตเห็นถึงความแตกต่างระหว่าง 2 รุ่นนี้
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
Vivo V15 รันระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 9 ซึ่งครอบอยู่บน Android 9.0 Pie ตั้งแต่แกะออกจากกล่อง ไม่ต้องรออัพเดท ซึ่งแอพพลิเคชั่นที่ติดตั้งมากับตัวเครื่องจะถูกจัดเรียงไว้ในหน้าจอโฮมทั้งหมด โดยแถบบาร์ด้านบนเมื่อลากลงมาจะเป็นในส่วนของ Notifications แสดงรายการแจ้งเตือนต่างๆ ในขณะที่การลากจากขอบล่างหน้าจอขึ้นมาจะเป็นในส่วนของ Quick Settings สำหรับการเลือกเปิด/ปิดหรือปรับค่าต่างๆ
Jovi ผู้ช่วยส่วนตัวที่เข้ามาช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการกับสิ่งต่างๆ ได้ง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น โดยข้อมูลที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับผู้ใช้งานจะถูกรวบรวมแสดงไว้ที่ Jovi Smart Scene เพื่อให้ง่ายต่อการเรียกดูทุกอย่างในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนสภาพอากาศ ตารางนัดหมาย ผลการแข่งขันกีฬา และนับก้าวเดิน เป็นต้น
ปุ่มด้านข้างซ้ายตัวเครื่องของ V15 เป็นปุ่มสำหรับเรียกใช้งาน Google Assistant ผู้ช่วยอัจฉริยะจาก Google ซึ่งปัจจุบันรองรับคำสั่งเสียงภาษาไทย สามารถสั่งการได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะสั่งให้ค้นหาข้อมูลที่ต้องการ เปิดเครื่องเล่นเพลง ส่งข้อความ เปิดแอพต่างๆ หรือเรียกใช้งาน GPS นำทาง เป็นต้น
แอพอัลบั้มรูปภาพของ V15 ยังมีเทคโนโลยี AI ในการระบุภาพถ่ายแล้วจัดการรวมภาพให้อยู่ในหมวดหมู่ คนเดียวกันก็จะรวมเป็นอัลบั้มเดียวกัน และนำภาพเหล่านั้นมาสร้างเป็นคลิปวิดีโอสั้นๆ ที่เรียกว่าความทรงจำได้อัตโนมัติ
V15 รองรับเครือข่าย 4G และเปิดใช้งาน VoLTE ได้ทั้ง 2 ซิมการ์ด ซึ่งเป็นการส่งข้อมูลเสียงหรือการโทรด้วยความเร็วสูงผ่านสัญญาณ 4G ที่ให้คุณภาพเสียงขณะคุยกันมีความคมชัดมากขึ้น สามารถใช้เน็ตไปพร้อมๆ กันการโทรได้ และรองรับ Wi-Fi, Bluetooth 4.0 และพอร์ตเชื่อมต่อ microUSB 2.0 (รองรับ OTG ด้วย) ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมภายนอกตัวอื่นๆ ได้
Funtouch OS ได้มีการปรับอินเตอร์เฟซให้รองรับการใช้ท่าทางการนำทางได้ ซึ่งจะทำให้มุมมองบนหน้าจอไม่ถูกปุ่มเมนูมาบดบัง โดยมีรูปแบบท่าทางการใช้งานดังนี้
- ลากจากขอบด้านล่างขึ้นจากตำแหน่งปุ่มด้านซ้าย เพื่อแสดง Quick Settings
- ลากจากขอบด้านล่างขึ้นจากตำแหน่งปุ่มตรงกลาง เพื่อกลับไปยังหน้าโฮม (เหมือนปุ่มโฮม)
- ลากจากขอบด้านล่างขึ้นจากตำแหน่งปุ่มด้านขวา เพื่อกลับไปยังหน้าจอก่อนหน้าตามลำดับ (เหมือนปุ่ม Back)
- ลากจากขอบด้านล่างขึ้นจากตำแหน่งปุ่มตรงกลางแล้วค้างนิ้วเอาไว้บนหน้าจอ เพื่อเข้าสู่หน้าจอ App Switcher แสดงรายการแอพที่เปิดใช้งานอยู่เบื้องหลังทั้งหมด
- หน้าจอที่กว้างของ V15 มาพร้อมฟีเจอร์การแบ่งหน้าจอเพื่อเปิดใช้งานได้พร้อมกัน 2 แอพ เช่น แชทหรือเล่น Facebook ไปพร้อมๆ กับดูวิดีโอบน YouTube เป็นต้น
หากต้องการใช้งานมือเดียวได้สะดวกยิ่งขึ้นก็สามารถย่อหน้าจอของ V15 ให้มีขนาดเล็กลงได้ เพื่อให้ง่ายต่อการเอื้อมนิ้วไปแตะเมนูต่างๆ ได้สะดวกมากขึ้นเมื่อต้องใช้งานในมือเดียว
สำหรับใครที่มีโซเชียลหลายบัญชี ก็สามารถใช้ฟีเจอร์โคลนแอพเพื่อให้สามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 บัญชีในเครื่องเดียว
ความปลอดภัยในการยืนยันตัวตนของ V15 มีปุ่มสแกนลายนิ้วมืออยู่ด้านหลังตัวเครื่อง
i Manager แอพพลิเคชั่นจัดการโทรศัพท์ได้ง่ายๆ ในคลิกเดียว ไม่ว่าจะเป็นการล้างพื้นที่เครื่องหรือเคลียร์แรม การสแกนไวรัส จ้ดการแอพ สำรองข้อมูล และการจัดการแบตเตอรี่เป็นต้น
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
Vivo V15 รันระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 9 (Android 9 Pie) ใช้ชิพเซ็ต Mediatek Helio P70 (12nm) ซีพียู Octa-core แบ่งการทำงานออกเป็น Quad-core 2.1GHz Cortex-A73 และ Quad-core 2.0GHz Cortex-A53 พร้อมจีพียู Mali-G72 MP3 และแรมขนาด 6GB ผลการทดสอบ AnTuTu ซึ่งเป็นการทดสอบภาพรวมของการทำงานในส่วนของหน่วยความจำแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้ 146,130 คะแนน
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผล การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยคะแนน Single-Core ได้ 1,517 และ Multi-Core ทำได้ 5,507 คะแนน
ด้านการเล่นเกมมีฟีเจอร์ Game Mode 5.0 ซึ่งมาพร้อมกับ Competition Mode ช่วยจัดสรรทรัพยากรของเครื่องสำหรับการเล่นเกมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดการกระตุก ทำให้ได้ภาพลื่นไหลตลอดการเล่นเกม
ทดสอบเล่นเกม PUBG Mobile อีกหนึ่งเกมที่กำลังฮิตในขณะนี้ ซึ่งเป็นเกมที่ต้องการทั้งความลื่นไหล ต้องใช้การควบคุมทิศทาง และความแม่นยำในการระบุเป้ายิง สามารถเล่นได้อย่างไม่สะดุด ไม่เจออาการกระตุกทั้งการเล่นในโหมดกราฟิกในระดับสูง และภาพความละเอียดสูง
เกม ROV หรือ Realm of Valor เกม MOBA บนมือถือที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้ สำหรับการเล่นบน V15 รองรับโหมดเฟรมเรตสูง ภาพระดับ HD สามารถได้ลื่นไหล ไม่มีปัญหา โดยค่าเฟรมเรตจะวิ่งระหว่าง 56-60fps ซึ่งถือว่านิ่งใช้ได้เลยแม้จะเป็นฉากการเข้าร่วมทีมไฟต์
สำหรับแบตเตอรี่ของ Vivo V15 ที่มีขนาด 4000mAh ใช้งานได้นานเกือบทั้งวัน และรองรับการชาร์จไว Dual-Engine Fast Charging ซึ่งจากการทดสอบชาร์จแบตเตอรี่จาก 18% ไปถึง 54% ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเท่านั้น ถือว่ารวดเร็วมากๆ เมื่อเทียบกับความจุแบตเตอรี่ที่มากถึง 4000mAh
กล้องถ่ายรูป
V15 เป็นรุ่นที่อัพเกรดความสามารถของกล้องหลังครั้งใหญ่ของ Vivo เลยก็ว่าได้ ด้วยการใส่กล้องมากถึง 3 ตัว เลนส์หลักขนาด 24 ล้านพิกเซล f/1.78 + Ultra-wide ขนาด 8 ล้านพิกเซล และ Depth sensor ขนาด 5 ล้านพิกเซล f/2.4
AI Scene Recognition
สำหรับเลนส์กล้องหลัก 24 ล้านพิกเซล เป็นการใช้เทคโนโลยีการรวมพิกเซลโดยการถ่ายจากเซ็นเซอร์กล้องขนาดจริงที่ 12 ล้านพิกเซล ทำให้ถ่ายภาพได้ขนาดใหญ่และเก็บรายละเอียดของภาพได้อย่างคมชัด และ AI ที่มีอยู่ในกล้องถ่ายรูปยังช่วยให้การถ่ายภาพทำได้ง่ายอีกด้วย เพราะกล้องจะรู้ว่าเรากำลังถ่ายภาพอะไรอยู่ เช่น ถ่ายดอกไม้ ถ่ายอาหาร เป็นต้น แล้วจะทำการปรับค่ากล้องให้เหมาะกับการถ่ายภาพนั้นๆ อัตโนมัติ
AI Body Shaping
ฟีเจอร์ใหม่ในกล้องของ Vivo V15 ที่สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมากในงานเปิดตัวคือ AI Body Shaping ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยปรับโครงสร้างของตัวบุคคลให้ดูเพรียว หุ่นสวย ขาเรียวแบบอัตโนมัติ จากเดิมในรุ่นก่อนๆ ที่ทำได้เฉพาะการปรับโครงหน้าเท่านั้น
Portrait Mode
การถ่ายภาพ Portrait เป็นอีกหนึ่งจุดที่ช่วยยืนยันได้ว่า Vivo มีการพัฒนาทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ละลายฉากหลังได้ค่อนข้างเนียนมากๆ ซึ่งโหมดนี้จำเป็นต้องถือกล้องให้อยู่ในระยะที่พอดี และฉากหลังไม่ควรรกจนเกินไป เพื่อให้การทำโบเก้สวยเป็นธรรมชาติ
AI Portrait Lighting
สำหรับฟีเจอร์ AI Portrait Lighting ซึ่งเป็นการเพิ่มแสงไฟเข้ามาปรับแต่งภาพถ่าย Portrait ให้ออกมาสวยงามในรูปแบบแสงต่างๆ ได้เหมือนกับการจัดแสงไฟในห้องสตูดิโอ
HDR Mode
HDR เป็นการถ่ายรูปหลายรูป ที่มีค่าความสว่างของแสงแตกต่างกัน แล้วเอาภาพมารวมกันเป็นภาพเดียว ซึ่งมีการพัฒนาด้านฮาร์ดแวร์กล้องที่ดีขึ้น ทำให้การถ่ายภาพในโหมดนี้ไม่จำเป็นต้องถือกล้องนิ่งๆ ในการถ่ายภาพแล้ว
AI Super Wide-Angle Camera
AI Super Wide-Angle Camera โหมดถ่ายภาพมุมกว้างพิเศษด้วยเลนส์ Ultra-wide ที่ให้มุมกว้างสูงสุดถึง 120 องศา เหมาะสำหรับการเก็บภาพวิวกว้างๆ หรือการถ่ายภาพกลุ่มคน เวที ในระยะใกล้ๆ โดยไม่จำเป็นต้องถอยไกลๆ
กล้องหน้า Selfie ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
Vivo V15 มีกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล มาพร้อม AI Face Beauty สามารถปรับแต่งใบหน้าของให้เรียวเล็ก ปรับสีผิว เอฟเฟ็กต์แสงต่างๆ เพื่อให้ภาพเซลฟี่ออกมาสวยเป็นธรรมชาติ
จะเห็นว่ากล้องหน้านั้นถ่ายภาพออกมาแล้วได้ผิวหน้าที่สวยเป็นธรรมชาติ ในขณะเดียวกันรายละเอียดของภาพก็ยังมีความคมชัดด้วย ไม่ได้ถูกลบรายละเอียดออกไป ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดของใบหน้า เส้นผม และฉากหลัง
กล้องหน้ายังสามารถถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังละลายโดยการทำเอฟเฟ็กต์โบเก้ได้ด้วย ซึ่งภาพถ่ายจากกล้องหน้าด้วยโหมดนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก ตัดขอบแล้วทำการเบลอฉากหลังได้เนียนสวยงาม
นอกจากนี้ก็ยังมีลูกเล่น Sticker เพิ่มความน่ารักให้กับเซลฟี่มีความสวยงาม ถ่ายเซลฟี่ได้สนุกมากขึ้น
สรุปจุดเด่น
- หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.53 นิ้ว Ultra Fullview Display แบบเต็มขอบของจริง และความคมชัดระดับ FullHD+ เห็นภาพได้เต็มตา ไม่มีรอยบาก
- ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 9 (Android 9 Pie) ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดแล้วในขณะนี้ ไม่ต้องรออัพเดท
- ชิพเซ็ต MTK Helio P70 และแรม 6GB ใช้งานได้ลื่นไหล เล่นเกมได้สบายๆ
- กล้องหลัง 3 ตัว ครบทุกชนิดเลนส์ในเครื่องเดียว และระบบโฟกัสทำงานได้รวดเร็ว
- กล้องหน้าเลื่อนได้อัตโนมัติ 32 ล้านพิกเซล f/2.0 ถูกใจคนรัการเซลฟี่กับนวัตกรรมกล้องแบบใหม่
- แบตเตอรี่ขนาด 4000mAh ใช้งานได้ทั้งวัน และรองรับชาร์จไว ไม่ต้องรอนาน
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ยังใช้พอร์ตแบบ microUSB
ตอนนี้ Vivo ได้เปิดให้ Pre – Order Vivo V15 แล้วนะครับ ในราคา 10,999 บาท โดยมีให้เลือกถึง 2 สีด้วยกัน ได้แก่ Topaz Blue (สีน้ำเงิน) และ Glamour Red (สีแดง) โดยสำหรับท่านที่สนใจสามารถ Pre – Order เพื่อเป็นเจ้าของก่อนใคร ตั้งแต่วันที่ 16 – 27 มีนาคม 2562 เงื่อนไขการจองดูเพิ่มเติมคลิกที่นี่
อีกช่องทางที่สามารถจองได้ผ่าน LAZADA สำหรับที่จองผ่านช่องทางนี้ รับทันที In –Ear แบรนด์ Marshall มูลค่า3,590 บาท พร้อมทั้ง Vivo Exclusive Gift box มูลค่า 1,099 บาท , Vivo Songkarn Festival Gift Set มูลค่า 1,199 บาท และ Privilege card รวมมูลค่ากว่า 5,870 บาท เฉพาะผู้ที่สั่งจองตั้งแต่วันที่ 16 – 27 มีนาคม 2562 โดย LAZADA เปิดให้จอง Vivo V15 สี Topaz Blue ( สีน้ำเงิน ) และ สี Glamour Red ( สีแดง) บนเว็บไซต์ LAZADA พร้อมของแถมแบบจัดเต็ม
สำหรับการ Pre – Order นั้น ลูกค้าจะต้องจ่ายเงินจองเต็มจำนวนเท่านั้นเพื่อรับสิทธิพิเศษในโปรโมชั่นของLAZADA และสำหรับผู้ที่ทำการจอง Vivo V15 สามารถรับเครื่องพร้อมของแถมในวันที่ 28 มีนาคม 2562 เป็นต้นไป หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามรายละเอียด หรือ สนใจสั่งซื้อได้ที่ คลิกhttps://www.lazada.co.th/shop/vivo-thailand/
เมื่อสมัครแพ็กเกจรายเดือน 1,099 บ. ขึ้นไปเป็นเวลา 12 เดือน และชำระค่าบริการล่วงหน้า 4,000 บ. รับส่วนลด 400 บ. นาน 10 เดือน เริ่มมีผลรอบบิลที่ 2 เป็นต้นไป
แพ็กเกจเสริม PLAY MOVIES (199 บ.) ฟรี 12 เดือน มูลค่า 2,555 บ. รวม VAT
สอบถามเพิ่มเติมที่ เอไอเอสช็อป ร้านเทเลวิซ และตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ วันที่ 2 เม.ย. 62 – 30 เม.ย. 62