Connect with us

Featured

รีวิว OPPO Find X2 Series 5G ค้นพบความเป็นที่สุดของนวัตกรรมบนสมาร์ทโฟน, สเปคจัดเต็ม, ชาร์จเร็วสุดในโลก 65W และรองรับ 5G

Published

on

หลังจากที่ได้ชมพรีวิวกันไปแบบคร่าวๆ แล้ว ในบทความนี้เราก็จัดเต็มให้กับรีวิวของ OPPO Find X2 Series 5G กันครับ โดยการใช้งานต่างๆ และฟีเจอร์กล้องรู้นี้ถือว่าให้มาแบบไม่ยั้งมือกันเลยทีเดียว จะเป็นอย่างไรบ้างมาดูกันเลยดีกว่า ซึ่งฟีเจอร์หลักๆ เราจะให้ดูที่ OPPO Find X2 Pro 5G แล้วกันครับ แต่ถ้าทั้ง 2 รุ่นนี้ต่างกันตรงไหน เราจะบอกให้นะครับ

สรุปสเปค OPPO Find X2 Pro 5G

  • หน้าจอแสดงผล Ultra Vision Screen ชนิด AMOLED กว้าง 6.7 นิ้ว ความละเอียด QHD+ (3168 x 1440 พิกเซล) รองรับ Refresh Rate 120Hz, 10 Bit color (1 พันล้านสี) และ 5000000:1 Contrast Ratio
  • หน่วยประมวลผล Snapdragon 865 Octa Core ความเร็ว 2.84GHz + Dual-mode 5G
  • GPU: Adreno 650
  • RAM LPDDR5 12GB
  • ROM 512 GB UFS 3.0
  • ระบบปฎิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย ColorOS 7.1
  • กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์แบ่งเป็น
    • เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7, รองรับ OIS และเซ็นเซอร์ Sony IMX689
    • เลนส์ Ultra Wide-Angle 120 องศา ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 เซ็นเซอร์ Sony IMX586 และสามารถถ่าย Macro ได้ใกล้ 3 ซม.
    • เลนส์ Persiscope Telephoto ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 รองรับ Hybrid Zoom 10 เท่า, Digital 60 เท่า และสามารถซูมการถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 30 เท่า
  • กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • รองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ซิม และรองรับ 5G
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax 2.4G+5GHz, Bluetooth 5.0 และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 4260 mAh รองรับ SuperVOOC 2.0 65W

สรุปสเปค OPPO Find X2 5G

  • หน้าจอแสดงผล Ultra Vision Screen ชนิด AMOLED กว้าง 6.7 นิ้ว ความละเอียด QHD+ (3168 x 1440 พิกเซล) รองรับ Refresh Rate 120Hz, 10 Bit color (1 พันล้านสี) และ 5000000:1 Contrast Ratio
  • หน่วยประมวลผล Snapdragon 865 Octa Core ความเร็ว 2.84GHz + Dual-mode 5G
  • GPU: Adreno 650
  • RAM LPDDR5 12GB
  • ROM 256 GB UFS 3.0
  • ระบบปฎิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย ColorOS 7.1
  • กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์แบ่งเป็น
    • เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7, รองรับ OIS และเซ็นเซอร์ Sony IMX586
    • เลนส์ Ultra Wide-Angle 120 องศา ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 เซ็นเซอร์ Sony IMX7086 และสามารถถ่าย Macro ระบะโฟกัส 3 ซม.
    • เลนส์ Telephoto ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 รองรับ Hybrid Zoom 5 เท่า และ Digital 20 เท่า
  • กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • รองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ซิม และรองรับ 5G
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax 2.4G+5GHz, Bluetooth 5.0 และพอร์ต USB Type-C
    แบตเตอรี่ความจุ 4200 mAh รองรับ SuperVOOC 2.0 65W

 

แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล

ตัวกล่องของทั้ง 2 รุ่นมีความวิบวับเหมือนกันทั้งคู่ มีการเล่นลวดลายและเฉดสีน้ำเงินของตัวกล่องอย่างสวยงามเมื่อสะท้อนแสง แถมตัวอักษรในชื่อรุ่นยังมีความหรูหราในสีทองอีกด้วย

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • ตัวเครื่อง OPPO Find X2 Series 5G (OPPO Find X2 5G หรือ OPPO Find X2 Pro 5G)
  • อะแดปเตอร์ SuperVOOC 2.0 65W
  • สาย USB Type-C
  • เคสใส
  • คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
  • หูฟัง (ทั้ง 2 รุ่นให้มาต่างกัน)
  • จุกยางสำหรับเปลี่ยนขนาด (เฉพาะ OPPO Find X2 Pro 5G)
  • อุปกรณ์เปิดถาดซิม

สำหรับหูฟัง OPPO Find X2 Pro 5G จะให้มาแบบ In-Ear ลวดลายสีเขียวครับ ส่วน OPPO Find X2 5G จะให้มาแบบปกติเลย

 

ดีไซน์ของ OPPO Find X2 Series 5G ถือว่ามีการเล่นลวดลายและเฉดสีตามสไตล์ของ OPPO แต่ก็ยังคงความคลาสสิกอยู่ด้วย โดยเรื่องของขนาดตัวเครื่องยังคงจับถือได้สะดวก และไม่ลื่นหลุดมือง่ายๆ แน่นอนจ้า ที่สำคัญเครื่องที่เราได้มาเป็นสี Black Ceramic วัสดุเซรามิคใน OPPO Find X2 Pro 5G และสี Black วัสดุกระจกใน OPPO Find X2 5G ซึ่งหากดูใกล้ๆ จะมีการเล่นลวดลายตัดขอบแบบเบาๆ ครับ ถ้าลองลูบดูจะสัมผัสได้ทันที แต่ความต่างกัน OPPO Find X2 5G จะเล่นเฉดดำแบบ 2 Tone ส่วน OPPO Find X2 Pro 5G จะเป็นดำๆ เทาๆ แบบโทนเดียว


OPPO Find X2 Pro 5G


OPPO Find X2 5G

 

ทั้งนี้ OPPO Find X2 Pro 5G ยังมีการประกอบตัวเครื่องที่แน่นหนามากขึ้น ทำให้ป้องกันน้ำในมาตรฐาน IP68 หรือตกน้ำได้ลึก 1.5 เมตร และนาน 30 นาที (ไม่แนะนำให้ไปจุ่มน้ำเล่นนะครับ) ส่วน OPPO Find X2 5G จะกันน้ำระดับ IP54

 

หนึ่งในสิ่งที่พัฒนาอย่างมากในตระกูล OPPO Find X2 Series 5G คือหน้าจอแสดงผล Ultra Vision Screen ชนิด AMOLED ที่มีความสวยสดงดงามมากขึ้นอย่างชัดเจน ได้รับการการันตีจาก Display Mate เกรด A+ อีกด้วย แถมรองรับเนื้อหา HDR10+ และผ่านการรับรองจาก TÜV Rheinland ในเรื่องของตัดแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตาได้ถึง 40% ทั้งยังมีชิปประมวลผลของหน้าจออย่าง Ultra Vision Engine Graphic chip เข้ามาช่วยในเรื่องความสวยงามของคอนเทนต์ต่างๆ ด้วย

 

OPPO Find X2 Series 5G มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 6.7 นิ้ว ซึ่งถือว่ายังใช้งานได้โดยไม่มีอาการลั่น พร้อมความละเอียด QHD+ (3168 x 1440 พิกเซล) อัตราส่วน 19.8:9 แถมด้วยสีสัน True Billion Colour Display 10bit แสดงสีได้กว่าพันล้านสีรุ่นแรกของโลก ทำให้เรารับชมภาพได้ใกล้เคียงกับที่ตาเห็น พร้อม 5000000:1 Contrast Ratio ทำให้อรรถรสในการรับชมวิดีโอหรือภาพยนตร์ต่างๆ มีสีสันที่ไม่ขาดตอน ไล่เฉดแบบเนียนๆ

 

ทั้งนี้ หน้าจอยังรองรับการไหลลื่นแบบ Refresh Rate 120 และอัตรา 240Hz Touch Sampling rate ช่วยให้การใช้งานนั้นดูสมูธแบบหมดจดไปเลยครับ

 

เหนือหน้าจอแสดงผลจะมีลำโพงตัวหลักที่รองรับทั้งการสนทนาและการใช้งานแบบสเตอริโอได้ด้วย และที่มุมซ้ายจะมีกล้องหน้าฝังในหน้าจอ

 

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ส่วนด้านขวามีเพียงปุ่ม Power มาให้ครับ

 

ด้านบนของตัวเครื่องมีเพียงไมโครโฟนตัวที่ 2

 

ตัวเครื่องด้านล่างมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ด 2 Slot , ไมโครโฟน, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวหลัก

 

และสุดท้ายที่ด้านหลังมีกล้อง 3 เลนส์ที่มุมซ้ายบน พร้อมไฟแฟลช Dual-LED ซึ่งในส่วนนี้ OPPO Find X2 5G และ OPPO Find X2 Pro 5G จะแตกต่างกันที่เลนส์ Telephoto ด้านบนสุด ให้สังเกตง่ายๆ คือ OPPO Find X2 Pro 5G จะมีโมดูลทรงสี่เหลี่ยมเพื่อให้การซูมได้ไกลกว่าและรับแสงได้มากกว่านั่นเอง

 

ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน

ระบบปฎิบัติการ

OPPO Find X2 Series 5G แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 10 ทั้งยังครอบทับด้วย ColorOS 7.1 รุ่นใหม่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบให้ไหลลื่นขึ้นกว่าเดิม พร้อมด้วยหน้าตา UI ที่เปลี่ยนแปลงไป และมีสีสันที่ดูสบายตากว่าเดิม

 

หน้าตา UI ใหม่ : ColorOS 7.1

 

วอลเปเปอร์ลายใหม่ไฉไลกว่าเดิม

ใน ColorOS 7 ก็มาพร้อมกับวอลเปเปอร์ลายใหม่ที่มีให้เลือกใช้งานมากขึ้นครับ ใครชอบเปลี่ยนหลายแบบก็เลือกได้ตามใจชอบเลย หรือใครจะเปลี่ยนวอลเปอเปอร์ตามสีเครื่องก็ได้เช่นกันจ้า มีทั้งแบบภาพนิ่งและแบบเคลื่อนไหว

 

ปรับรูปแบบไอคอนเองตามใจชอบ

ใน ColorOS 7.1 ทำให้เราสามารถปรับแต่งไอคอนที่จริงๆ ก็ดูสวยงามอยู่แล้ว ให้เป็นไปในตามสไตล์ของเราจริงๆ ครับ โดยจะมีทั้งแบบลักษณะของไอคอนแบบเหลี่ยม, กลม หรือจะเลือกกำหนดเองแล้วปรับแต่งความเล็ก/ใหญ่, พื้นหน้า และความมนได้อีกด้วย

 

Always On Display เห็นสถานะต่างๆ ในเครื่องไม่ต้องเปิดจอ

ถือว่ามีใน ColorOS 7.1 และต้องเป็นรุ่นที่มีหน้าจอ AMOLED เท่านั้นอีกด้วย โดย OPPO Find X2 Series 5G ก็มีมาให้แน่นอน ซึ่งเมื่อเรากดล็อคหน้าจอไปปุ๊บ สถานะต่างๆ ทั้งเวลา, วันที่, แบตเตอรี่คงเหลือ และการแจ้งเตือนของแอปพลิเคชั่นต่างๆ ก็จะแสดงทันทีครับ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาไปกดปุ่ม Power เลย เพียงแค่มองดูก็รู้ได้หมดแล้ว

ทั้งนี้ Always On Display ยังมีให้เลือกปรับแต่งรูปแบบนาฬิกาได้ทั้งแบบดิจิทัลและอนาล็อด้วย แล้วแต่ชอบเลยครับ

 

ระบบความปลอดภัย

OPPO Find X2 Series 5G มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยในการล็อกหน้าจอทั้ง 2 แบบที่มีความปลอดภัยสูงอย่างการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอที่ทำได้อย่างรวดเร็วมากๆ ครับ แค่แตะเต็มๆ ครู่เดียวก็เข้าใช้งานได้ทันที

ส่วนการสแกนใบหน้าก็ถือว่าทำงานได้เสถียรและรวดเร็วเช่นกันครับ

 

Dolby Atmos ลำโพงคู่แบบสเตอริโอ

ด้วยการที่เป็นรุ่นเรือธง ลำโพงก็ต้องมาแบบสเตอริโอเพื่อให้เราใช้งานได้เต็มอรรถรสทั้งการเล่นเกมหรือดูภาพยนตร์ต่างๆ อย่างเต็มที่ โดยลำโพงจะมีการแบ่งฝั่งซ้าย-ขวาอย่างชัดเจนมากๆ ใครที่ใช้เล่นเกมอยู่บ้านก็เปิดลำโพงได้เลยครับ ไม่จำเป็นต้องใส่หูฟังเลยด้วย

 

Dark mode เหมาะสมกับหน้าจอ AMOLED

ใน ColorOS 7 ก็มีการเพิ่มฟีเจอร์ Dark mode หรือโหมดมืดให้เราใช้งานกันแบบสบายตามากๆ ทั้งยังเป็นการประหยัดแบตเตอรี่ให้กับหน้าจอ AMOLED ด้วยอีกทาง

 

ป้องกันไฟล์และแอปพลิเคชั่นด้วย Private safe

สำหรับความปลอดภัยนี้เป็นการป้องกันไฟล์หรือแอปพลิเคชั่นต่างๆ ของเราอีก 1 ชั้น แม้ว่าปลดล็อคหน้าจอเข้ามาได้แล้ว หากสิ่งที่สำคัญของเราอยู่ในพื้นที่ Private safe ก็ต้องเข้ารหัสอีกชุดหนึ่งเพื่อเข้าถึงครับ

 

ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่

ซีรี่ย์เรือธงอย่าง OPPO Find X2 Series 5G ก็ต้องขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผลระดับท็อปอย่าง Snapdragon 865 Octa-Core ที่มีประสิทธิภาพขั้นสุด และน่าจะเป็นขุมพลังใน Android ที่แรงที่สุดในโลกตอนนี้ด้วย แถมยังมี RAM ชนิด LPDDR5 ถึง 12GB และหน่วยความจำภายในถึง 512GB (OPPO Find X2 Pro 5G) และ 256GB (OPPO Find X2 5G) ให้ใช้งานกันแบบเต็มที่ ไม่ต้องกลัวเต็มครับ ที่สำคัญประสิทธิภาพโดยรวมของทั้ง GPU และ CPU ยังเร็วขึ้นถึง 20% อีกด้วย

 

สำหรับผลการทดสอบทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมตั้งแต่หน่วยประมวลผล, การ์ดจอ และหน่วยความจำด้วยโปรแกรม AnTuTu Benchmark ทำไปได้ 536, 966 คะแนน

ส่วนผลการทดสอบด้วยโปรแกรม Geekbench 5 ทำคะแนนฝั่ง Single-Core ไปที่ 909 และคะแนน Multi-Core ที่ 3,270

 

ก่อนจะไปทดสอบเกม OPPO Find X2 Series 5G ยังมีฟีเจอร์ Game Space ที่เป็นการรวบรวมเกมทั้งหมดไว้ในที่เดียวครับ โดยเราสามารถปรับแต่งโหมดหรือปิดกั้นการแจ้งเตือนระหว่างเล่นได้ด้วย

 

ทดสอบการเล่นเกม

Call Of Duty: Mobile

เริ่มด้วยเกม Call Of Duty: Mobile กันครับ เราปรับภาพกราฟิกและเฟรมเรทในระดับสูง (Very High) ทั้งคู่ พร้อมเล่นในโหมด Frontline ก็เล่นได้แบบไร้ปัญหาใดๆ มีความลื่นตั้งแต่ช่วงกระโดดร่มหรือช่วงท้ายๆ เกม แล้วเรื่องของการสัมผัส การกดยิงเรียกว่ากดปุ๊บยิงปั๊บครับ ตอบสนองได้รวดเร็วมากๆ

 

ROV

สำหรับเกมฮิตอย่าง ROV เราเปิดภาพสูงที่สุดทั้งหมดครับ พร้อมกับเฟรมเรทระดับสูงด้วย แน่นอนว่าก็เล่นได้แบบไหลลื่นและสมูธมากๆ เฟรมเรทวิ่งคงที่ประมาณ 59-60fps ตลอดทั้งเกม หรือบางทีก็ทะลุไปถึง 61fps ในบางจังหวะก็มี ไม่ว่าจะช่วงบวกกันกลางเลนหรือป้องใหญ่ก็ไม่มีสะดุดครับ

 

Asphalt 9: Legends

และสุดท้ายกับเกมแข่งรถกราฟิกแรงอย่าง Asphalt 9: Legends ก็สามารถเปิดระดับสูงได้ และลองเล่นอย่างต่อเนื่องประมาณ 6-7 เกมครับ ซึ่งก็เล่นได้แบบเต็มที่ ไม่มีเฟรมเรทดรอปหรืออาการแปลกๆ ให้เห็นครับ

 

แบตเตอรี่อึดพร้อมชาร์จเร็วสุดในโลกด้วย SuperVOOC 2.0 65W

เรื่องของแบตเตอรี่ OPPO Find X2 Pro ยังมาพร้อมความจุ 4260mAh ที่ใครใช้งานทั่วไปอย่างเล่นโซเชียลหรือแชทก็อาจเล่นได้ตั้งแต่เช้าถึงช่วงค่ำๆ แถมพอกลับไปถึงบ้าน จากที่เราทดสอบก็ชาร์จทิ้งไว้ประมาณ 38 นาทีก็จะได้แบตเตอรี่จนเต็มเพราะมีเทคโนโลยี SuperVOOC 2.0 กำลังไฟถึง 65W มาให้ ขณะที่เรื่องของความร้อนตัวเครื่องระหว่างชาร์จก็อุ่นๆ ตามปกติครับ ไม่ได้ร้อนจนน่ากลัวอะไรเพราะมีการป้องกันถึง 5 ชั้น รวมถึงป้องกันไฟเกินและความร้อนเกินด้วย

 

กล้องถ่ายรูป

กล้องขั้นสุดของ OPPO Find X2 Pro 5G นั้นเรียกว่าทำได้สุดยอดไม่แพ้รุ่นไหนในโลก เพราะได้คะแนนจาก DXOMark ไปถึง 124 คะแนน ขึ้นแท่นอันกับ 1 ในปัจจุบันด้วยเซ็นเซอร์ Sony IMX689 ทั้งยังเป็นรุ่นแรกที่รองรับการถ่ายภาพแบบ 12bit ได้ด้วย โดยแต่ละเลนส์ของแต่ละรุ่นจะมีอะไรบ้าง ตามนี้เลยครับ

OPPO Find X2 Pro 5G

  • เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7, รองรับ OIS และเซ็นเซอร์ Sony IMX689
  • เลนส์ Ultra Wide-Angle 120 องศา ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586 และสามารถถ่าย Macro ได้ใกล้ 3 ซม.
  • เลนส์ Persiscope ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รองรับ Hybrid Zoom 10 เท่า, Digital 60 เท่า และสามารถซูมการถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 30 เท่า
  • กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล

OPPO Find X2 5G

  • เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7, รองรับ OIS และเซ็นเซอร์ Sony IMX586
  • เลนส์ Ultra Wide-Angle 120 องศา ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 เซ็นเซอร์ Sony IMX7086 และสามารถถ่าย Macro ระบะโฟกัส 3 ซม.
  • เลนส์ Telephoto ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 รองรับ Hybrid Zoom 5 เท่า และ Digital 20 เท่า
  • กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4

ส่วนฟีเจอร์ต่างๆ เราจะเน้นไปที่ OPPO Find X2 Pro 5G แล้วกันนะครับ เพราะทั้งคู่ก็ถ่ายออกมาแทบไม่ต่างกันเลยและฟีเจอร์ก็คล้ายกันมากๆ ด้วย

กล้องอัจฉริยะด้วย AI จดจำซีนได้แม่นยำ

เริ่มด้วยฟีเจอร์แรกที่เราทดสอบกันอย่างโหมดปกติที่มี AI Camera ในการตรวจจับวัตถุต่างๆ อย่างแรกต้องว่าระบบโฟกัสในรุ่นนี้ทำได้ไวมากๆ หากเราต้องการโฟกัสไปที่จุดไหนก็จะปรับให้ทันที เพราะรองรับเทคโนโลยี All Pixel Omni-Directional PDAF ครับ แถมยังช่วยในเรื่องการโฟกัสวัตถุหรือการถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือตอนกลางคืนได้ไวกว่าเลนส์ชนิดอื่นๆ ถึง 97% เลยที่เดียว ขณะที่ความอัจฉริยะของ AI ในการแยกแยะวัตถุต่างๆ ก็ทำได้รวดเร็วเช่นกันครับ

 

ความละเอียดสูง 48 ล้านพิกเซล

OPPO Find X2 Series 5G มาพร้อมกับเลนส์หลักความคมชัดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล (8000 x 6000 พิกเซล) ทำให้เราเห็นสิ่งเล็กๆ จากภาพที่เราถ่ายมาได้ชัดเจนเมื่อซูมเข้าไปดูครับ หรือใครจะนำไปใช้ในงานต่างๆ ที่ต้องเป็นป้ายโฆษณาใหญ่ๆ ก็ทำได้เหมือนกัน


ภาพ 48 ล้านพิกเซล / ครอป

 

Portrait Mode เบลอหลังงามๆ สวยอย่างธรรมชาติ

ในโหมด Portrait ถือว่าเป็นสิ่งที่ OPPO ทำออกมาได้ดีมาตลอดครับ แล้วยิ่งในรุ่นเรือธงอย่าง OPPO Find X2 Series 5G ก็ทำให้ทุกอย่างดูธรรมชาติมากขึ้น ตัดขอบได้แบบเนียนๆ ใบหน้าของเราก็มีการปรับให้สวยงามขึ้น และดูไม่โดดจนเกินไปครับ ซึ่งในโหมดนี้ใช้ได้ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้าเลยด้วย

กล้องหลัง

กล้องหน้า

 

นอกจากนี้ ในโหมด Portrait เรายังสามารถเลือกรูปแบบภาพบุคคลได้อีกถึง 5 แบบ เป็นการเล่นเฉดสีต่างๆ ให้ดูสวยงามและดูมีอะไรมากขึ้น

 

Ultra-Wide Angle ถ่ายกว้างสะใจ มุมไหนก็เก็บครบ

ในถ่ายถ่ายเลนส์ Ultra-Wide Angle ของ OPPO Find X2 Series 5G เราจะได้มุมกว้างถึง 120 องศา ถือว่าเป็นความกว้างเบอร์ต้นๆ ของสมาร์ทโฟนเรือธงเลยทีเดียว ทำให้เราไม่ต้องถอยเวลาถ่ายไกลๆ ก็เก็บทุกอย่างที่เราต้องการได้ครบในเฟรมเดียว ที่สำคัญเรื่องคาวมคมชัดก็หมดห่วงเพราะสวยงามไม่แพ้เลนส์หลักครับ นอกจากนี้ เมื่อเราถ่ายเลนส์นี้กับบุคคลก็ยังมีการแก้ไขการเบี้ยวของภาพให้ด้วยเพื่อไม่ให้ใบหน้านั้นออกมาดูยืดจนผิดปกติ


เลนส์ Ultra-Wide Angle / เลนส์หลัก


เลนส์ Ultra-Wide Angle / เลนส์หลัก

เลนส์ Ultra-Wide Angle ถ่ายคนก็ออกมางามได้เหมือนกัน เห็นบรรยากาศเต็มๆ จ้า

 

Ultra Macro Mode ถ่ายใกล้ก็ชัดได้

นอกจากที่เลนส์ Ultra-Wide จะถ่ายมุมกว้างได้แล้ว ก็ยังใช้ประโยชน์ในการถ่าย Macro หรือการเจาะวัตถุใกล้ๆ จากที่สายตามนุษย์มองไม่เห็นได้ถึง 3 เซนติเมตรเลยทีเดียว แถมความคมชัดก็หายห่วงเพราะใช้ความละเอียดจากเลนส์นี้ด้วยครับ

 

Ultra Night Mode 3.0 ถ่ายกลางคืนก็สว่างเหมือนกลางวัน

สำหรับ OPPO Find X2 Series 5G แน่นอนว่าต้องมีฟีเจอร์การถ่ายภาพกลางคืนขั้นสุดอย่าง Ultra Night Mode ซึ่งมาถึงเวอร์ชัน 3.0 กันแล้ว แต่ในเวอร์ชันนี้ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะมีเทคโนโลยี Dual Native ISO เพื่อช่วยลด Noise ในการถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือตอนกลางคืน ที่แม้ว่าจะดัน ISO สูงๆ ภาพที่ได้ก็จะมี Noise ที่น้อยกว่าปกตินั่นเอง แถมยังใช้ได้ทั้งเลนส์หลักและ Ultra-Wide ด้วย

 

 

ซูมไกลสุด 60 เท่า

ใน OPPO Find X2 Pro 5G เราสามารถซูมได้สูงสุดถึง 60 เท่าครับ แต่แน่นอนว่าภาพที่ได้ออกมาก็อาจจะไม่คมชัดเท่าไหร่เพราะเป็นแบบดิจิทัลซูมแต่ก็ถือว่าดูรู้เรื่องอยู่ครับ ส่วนใครที่อยากซูมไกลๆ แล้วภาพชัดอยู่ก็ซูม Hybrid ได้มากสุดถึง 10 เท่าไปเลยจ้า ส่วนรุ่น OPPO Find X2 5G ก็สามารถซูมแบบ Hybrid ได้ 5 เท่า และซูมแบบ Digital ได้ 20 เท่า

 

กล้องหน้างามๆ ถ่ายสวยแม้โหมดปกติ

นอกจากที่กล้องหน้าจะถ่ายเบลอหลังตามที่เราให้ดูด้านบนแล้ว หากใครที่อยากให้เห็นบรรยากาศด้านหลังด้วยก็สามารถถ่ายด้วยโหมดปกติได้เลยครับ ซึ่งความสวยงามต่างๆ แทบไม่ต่างจากโหมด Portrait เลย แต่แค่จะไม่เบลอให้เท่านั้น

 

สติกเกอร์น่ารักๆ ถ่ายได้สนุก

ใน OPPO Find X2 Series 5G มีให้เราเลือกใช้งานสติกเกอร์น่ารักๆ ที่น่าจะเกิน 100 แบบครับ ถือว่าเยอะมากๆ กดโหลดกันมือหงิกแน่นอน แต่เราก็ได้เลือกตัวการ์ตูน, ลวดลาย หรือความฟรุ้งฟริ๊งเพียบ!!

 

นอกจากนี้ในเรื่องของการถ่ายวิดีโอ OPPO Find X2 Series 5G ก็จัดเต็มเช่นกันครับ เพราะมีหลายฟีเจอร์ ไม่ว่าจะเป็น Live HDR Video เป็นการแสดงสีแบบ HDR ได้จากที่เห็นบนหน้าจอระหว่างถ่าย, ระบบกันสั่นไหว Ultra Steady Video 2.0, 3-Mic Recording ที่เป็นการช่วยลดเสียงรอบข้างให้เบาลงชัดเจน และแอปพลิเคชั่น Soloop Smart Video Editor ที่เป็นการแก้ไขวิดีโอหรือตัดต่อวิดีโอสำหรับผู้ที่ชอบสร้าง Vlog ด้วย ซึ่งติดตั้งมากับเครื่องด้วย

 

สรุปจุดเด่น

  • หน้าจอแสดงผลสวยงามด้วยจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด QHD+, รองรับ HDR10+, มี Refresh Rate 120Hz และ 10 Bit color รุ่นแรกของโลก
  • หน่วยประมวลผลรุ่นเรือธงตัวล่าสุดจาก Qualcomm อย่าง snapdragon 865 ทำให้เล่นได้แบบลื่นๆ ทั้งการเล่นเกมหรือใช้งานทั่วไป
  • รองรับเครือข่าย 5G ในไทย
  • กล้องหลัง 3 เลนส์ความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล ฟีเจอร์เพียบ ถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอได้แบบจุใจ
  • แบตเตอรี่อึด ใช้งานทั่วไปได้ตลอดวัน แถมรองรับ SuperVOOC 2.0 กำลังไฟถึง 65W ทำให้ชาร์จแค่ครึ่งชั่วโมง แบตเตอรี่ก็เกือบจะเต็มแล้วครับ
  • ป้องกันน้ำระดับ IP68 (OPPO Find X2 Pro 5G) และ IP54 (OPPO Find X2 5G)

จุดสังเกตเพิ่มเติม

  • OPPO Find X2 Pro 5G สามารถซูมได้สูงสุด 60 เท่า ส่วน OPPO Find X2 5G ซูมได้สูงสุด 20 เท่า
  • ความจุแบตเตอรี่ทั้ง 2 รุ่นต่างกันเล็กน้อย OPPO Find X2 Pro 5G (4260mAh) และ OPPO Find X2 5G (4200mAh)

ราคาและวันวางจำหน่าย

สำหรับ OPPO Find X2 Pro 5G มีราคาอยู่ที่ 40,990 บาท และ OPPO Find X2 5G ราคา 33,990 บาท โดยสามารถ Pre-Order ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง 19 มีนาคมนี้ ซึ่งจะได้รับของสมนาคุณไปฟรีๆ มูลค่ากว่า 15,739 บาท

 

 

จองผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย AIS, dtac, TrueMove H ลดสูงสุด 15,000 บาท

Android News22 นาที ago

Redmi Note 14 5G Series ยืนยันเปิดตัวในอินเดียวันที่ 9 ธ.ค. มาพร้อมสโลแกน “Super Camera, Super AI”

Xiaomi ได้ประกาศวันเ...

Apple News54 นาที ago

ลือ ! Apple กำลังสร้าง ‘LLM Siri’ ในปี 2026 บน iOS 19

ตามรายงานของ Bloombe...

Android News16 ชั่วโมง ago

เช็คกัน !! OPPO เผยตารางอัปเดต ColorOS 15 บน Android 15 ทั่วโลก

ในวันนี้ OPPO ได้เปิ...

Apple News16 ชั่วโมง ago

อย่างสวย ! YouTuber โชว์ดีไซน์ iPhone 17 Air กล้องหลัง 1 เลนส์ พร้อมจอ Dynamic Island

เราได้ยินมาแค่ข่าวลื...

HUAWEI IdeaHub HUAWEI IdeaHub
IT News17 ชั่วโมง ago

หัวเว่ยเผยโฉม IdeaHub รุ่นเรือธงพร้อมอัดโปรเด็ดหนุนผู้นำจออัจฉริยะเพื่อออฟฟิศยุคใหม่

หัวเว่ยเปิดตัว IdeaH...

Smart Review19 ชั่วโมง ago

รีวิว ASUS Vivobook S 14 OLED (S5406) โน้ตบุ๊คดีไซน์มินิมอล l Intel Core Ultra 7 258V l ใช้นานสุด 27 ชม. และคีย์บอร์ดมีไฟ RGB !

รีวิว ASUS Vivobook ...

Android News20 ชั่วโมง ago

มาอีก ! หลุดสเปค vivo X200S จัดเต็มด้วยชิป Dimensity 9400 Plus และรองรับสแกนลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic

เมื่อเดือนที่ผ่านมา ...

IT News21 ชั่วโมง ago

Facebook Messenger เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ผสานรวมกับ Siri, ข้อความเสียงและวิดีโอ และอื่นๆ เพียบ

ในวันนี้ Meta ได้ทำก...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก