OPPO ประกาศความสำเร็จในการโทรและวิดีโอคอลผ่านเครือข่ายยุคใหม่ 5G พร้อมนำประสบการณ์ 5G คุณภาพสูงสู่ผู้บริโภคให้ใกล้ความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น การร่วมมือกับ Ericsson และ MediaTek สำหรับการโทร VoNR (Voice/Video on New Radio) บนสมาร์ทโฟนที่ได้รับการพัฒนาจาก OPPO ซึ่งมี Dimensity 1000 series SoC ของ MediaTek โดยใช้เครือข่าย 5G Standalone (SA) แบบ end-to-end ที่ขับเคลื่อนโดย ผลิตภัณฑ์ Ericsson Radio System
VoNR เป็นบริการการโทรพื้นฐานที่ใช้เครือข่าย 5G (SA architecture) ที่สมบูรณ์ เมื่อเทียบกับบริการการโทรก่อนหน้า VoNR ให้ความหน่วงต่ำกว่าอย่างมากคุณภาพเสียงและคุณภาพของภาพที่ดีขึ้นอย่างมากทำให้ผู้ใช้มีประสบการณ์โดยรวมที่ดียิ่งขึ้น
SA architecture หรือ สถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมหลักของเครือข่าย 5G ในอนาคต ที่ผู้ให้บริการทั่วโลกกำลังวางรากฐานเครือข่าย 5G SA network ซึ่งในฐานะที่ OPPO เป็นหนึ่งในแบรนด์โทรศัพท์มือถือรายแรก ที่สามารถรองรับการโทร VoNR ด้วย SA architecture แล้ว OPPO จึงมีความมุ่งมั่นที่จะให้ผู้ใช้มั่นใจว่า แม้ 5G จะอยู่ในช่วงเริ่มต้น ผู้ใช้ก็จะสามารถรับประสบการณ์ 5G ที่สมบูรณ์แบบได้
นอกจากนี้ OPPO ยังร่วมเป็นพันธมิตรของผู้ให้บริการเครือข่ายและผู้สร้างอุปกรณ์ด้านการสื่อสารด้วยเครือข่าย 5G ทั่วโลก เนื่องจากเทคโนโลยีการสื่อสารยุคต่อไป ต้องการความสามารถด้านเทคโนโลยีที่สูงขึ้นจากผู้ผลิตสมาร์ทโฟน
Andy Wu, Vice President และ President of Software Engineering Business Unit ของ OPPO กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก OPPO จึงจะดำเนินการเชิงรุก เพื่อเร่งการตลาดขนาดใหญ่ของ 5G โดยความร่วมมือกับ Ericsson และ MediaTek บน VoNR เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือเชิงลึกของเราในยุค 5G ซึ่งเรามุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรที่ครอบคลุมทุกด้านในอุตสาหกรรม เพื่อพัฒนา 5G ทั่วโลก และเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ 5G ให้แก่ผู้ใช้ด้วย”
โดยการทดสอบที่ประสบความสำเร็จแล้วนี้ ดำเนินการภายใต้เครือข่าย 5G SA Network ของ Ericsson ที่สำนักงานใหญ่ กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน โดยในระหว่างโทร โทรศัพท์ทั้งสองเครื่องสามารถเชื่อมต่อสัญญาณกันได้ทันที รวมถึงสามารถสลับเป็นวิดีโอคอลความละเอียดสูง ได้อย่างราบรื่น ด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว
Hannes Ekström, Head of Product Line 5G RAN ของ Ericsson กล่าวว่า “หลังจากเปิดตัวเครือข่าย 5G ไปทั่วโลกแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่เรากำลังเตรียมพร้อมก็คือ บริการ 5G Standalone ด้วยการใช้เครือข่าย 5G Standalone จาก Ericsson เพียงเจ้าเดียว พร้อมขึ้นอยู่กับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่วางจำหน่ายแล้ว รวมถึงอุปกรณ์จากคู่ค้าของเราซึ่งก็คือ OPPO และ MediaTek ด้วย ทั้งนี้เราได้แสดงให้เห็นแล้วว่า นอกจากที่เราสามารถส่งข้อมูลความเร็วสูงด้วย 5G ได้แล้ว เรายังพร้อมที่จะให้คุณโทรและวิดีโอคอลได้อีกด้วย โดยความสำเร็จครั้งนี้เป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะทำให้ผู้ให้บริการสามารถนำเสนอประสบการณ์ 5G แบบครบวงจรและเหนือกว่าได้”
“MediaTek มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ 5G ที่เหนือกว่าให้กับผู้บริโภค ผ่านเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม โดยในฐานะที่เราเป็นพันธมิตรของ OPPO เราจึงกำลังช่วยพัฒนาประสบการณ์การใช้อุปกรณ์ที่เหนือกว่า ทั้งสำหรับการโทรด้วยเสียงและการโทรแบบวิดีโอด้วยการใช้เครือข่าย 5G” JS Pan, General manager of Wireless System Design and Partnership ของ MediaTek กล่าว
OPPO เป็นผู้นำระดับโลกในการพัฒนาและติดตั้งเทคโนโลยี 5G ในปี 2562 OPPO เข้าร่วมเป็นพันธมิตร เพื่อเป็นผู้นำที่สามารถวิดีโอคอลได้ครั้งแรกของโลกด้วยเทคโนโลยี Dynamic Spectrum Sharing (DSS) โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 OPPO ได้ยื่นขอสิทธิบัตรแล้วกว่า 2,900 ฉบับ ทั่วโลก พร้อมประกาศสิทธิบัตรที่เป็นมาตรฐาน 5G มากกว่า 1,000 ฉบับให้กับ European Standards Standards Institute (ETSI) นอกจากนี้ OPPO ยังมีการยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐาน 5G อีกมากกว่า 3,000 ฉบับ ให้ 3GPP ซึ่ง OPPO ถือเป็นแบรนด์ที่ติดอันดับท็อป โดยเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีส่วนช่วยองค์กรมาตรฐานสากลจำนวนมาก
ในปัจจุบัน OPPO มีพนักงาน R&D กว่า 10,000 คน พร้อมศูนย์วิจัย 4 แห่งและสถาบันวิจัย 6 แห่งทั่วโลก โดย Tony Chen ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ OPPO กล่าวว่า OPPO จะลงทุน 5 หมื่นล้านหยวนในการวิจัยและพัฒนาใน 3 ปีข้างหน้า เพื่อส่งเสริมการวิจัยในด้าน 5G, AI, AR, Big Data และสาขาอื่นๆ รวมถึงการสร้างเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ที่เป็นพื้นฐานสำคัญ และความสามารถในด้านซอฟต์แวร์ ซึ่งความพยายามด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ OPPO และการทำงานร่วมกันกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมนั้น เป็นส่วนช่วยให้อนาคตอันใกล้นี้เป็นจริงมากยิ่งขึ้น