ข่าวประชาสัมพันธ์
OPPO แบรนด์สมาร์ทโฟนแรกที่พร้อมให้บริการเครือข่าย 5G standalone (SA) ในสหราชอาณาจักร ร่วมกันกับผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำในอุตสาหกรรม
- สมาร์ทโฟน OPPO Find X2 Pro และ OPPO Reno3 5G สมาร์ทโฟนที่พร้อมรองรับเครือข่ายเพื่ออนาคต
- เครือข่าย 5G SA ในสหราชอาณาจักร พร้อมให้บริการในมหาวิทยาลัยโคเวนทรี เป็นสถานที่แรก
- เครือข่าย 5G SA เป็นเครือข่ายที่ใช้โครงสร้างพื้นฐาน 5G แบบใหม่ ซึ่งจะมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าเครือข่ายแบบ NSA และจะใช้เป็นโครงสร้าง 5G หลักในอนาคต
เซินเจิ้น ประเทศจีน – OPPO ประกาศความสำเร็จถึงความพร้อมในการให้บริการเครือข่าย 5G Standalone (SA) และ บริการ 5G SA Network Slicing เป็นครั้งแรก ด้วยการร่วมมือกับ Vodafone และ Ericsson ซึ่งเป็นก้าวครั้งสำคัญในการสร้างเครือข่าย 5G SA ในยุโรป
การทดสอบประสิทธิภาพของเครือข่าย 5G SA ในห้องปฏิบัติการของ OPPO ด้วยสมาร์ทโฟน OPPO Find X2 Pro และ OPPO Reno3 5G
โดยเครือข่ายใหม่นี้เปิดให้ใช้งานที่มหาวิทยาลัยโคเวนทรี ประเทศอังกฤษ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายใหม่กับสมาร์ทโฟน 5G ของ OPPO ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Qualcomm และแพลตฟอร์มสมาร์ทโฟน 5G ของ MediaTek ได้ตามลำดับ
OPPO และ Ericsson ทำงานร่วมกัน เพื่อพัฒนาโซลูชั่นด้าน Network slice switching software ด้วยเทคโนโลยีของ Qualcomm และ MediaTek โดยการใช้สมาร์ทโฟน OPPO Find X2 Pro 5G และ OPPO Reno3 5G เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสลับเครือข่ายต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนความต้องการที่แตกต่างกัน โดยเครือข่ายหนึ่งจะใช้ในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และอีกเครือข่ายหนึ่งจะใช้สำหรับการเชื่อมต่อที่สเถียรและรวดเร็ว เพื่อให้อาจารย์และนักศึกษาในมหาวิทยาลัยโคเวนทรี สามารถเข้าถึงทรัพยากรของสถานศึกษาได้อย่างรวดเร็วและสเถียร อีกทั้งยังทำให้สามารถสร้างการเรียนการสอนระยะไกลที่มีความละเอียดคมชัดสูงได้อีกด้วย
คำจำกัดความของ 3GPP ในองค์กรที่พัฒนาโปรโตคอลด้านการสื่อสารโทรคมนาคมเคลื่อนที่นั้น ได้แบ่งประเภทของ 5G ออกเป็น 2 ประเภท คือ NSA (Non-Standalone) และ SA (Standalone) โดย SA หมายถึง เครือข่ายอิสระที่มีฐานการส่งสัญญาณเป็น 5G และเครือข่ายหลักเป็น 5G ซึ่งผู้ให้บริการเครือข่ายส่วนใหญ่ทั่วโลกกำลังผลักดันการใช้ 5G SA อย่างจริงจัง เพื่อมุ่งสู่เครือข่ายแห่งโลกอนาคต
5G network slicing เป็นเทคโนโลยีที่แบ่งเครือข่ายทางกายภาพออกเป็นเครือข่ายเสมือนจริงแบบ end-to-end ซึ่งสามารถนำไปใช้ร่วมกับสถาปัตยกรรมเครือข่ายหลัก 5G ได้ โดยแต่ละส่วนของเครือข่ายจะเป็นอิสระต่อกันและสามารถจัดสรรทรัพยากรของตัวเองเพื่อให้สามารใช้งานเครือข่าย 5G ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังสามารถปรับให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้แต่ละรายตามแอปพลิเคชันที่แตกต่างกันได้อีกด้วย
5G SA และเทคโนโลยี network slicing เป็นความสำเร็จล่าสุดในงานวิจัยของ OPPO ด้าน 5G โดย OPPO จะยังคงความเป็นผู้นำด้าน 5G ด้วยการลงทุนด้าน R&D อย่างต่อเนื่อง โดย OPPO เชื่อมั่นในด้านการเชื่อมต่ออัจฉริยะแห่งอนาคต พร้อมให้เครือข่าย 5G เป็นหัวใจหลักในวิสัยทัศน์ในครั้งนี้ ดังนั้น OPPO จึงได้ทำงานร่วมกันกับพาร์มเนอร์ที่หลากหลาย เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี 5G และยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้ ด้วยการเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ให้บริการเครือข่ายและผู้ค้าปลีกชั้นนำเพื่อเชื่อมต่อไปสู่ผู้บริโภคให้ได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ OPPO ยังเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ให้บริการเครือข่ายหลักอีกกว่า 40 รายในยุโรป โดย OPPO จะยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างความสำเร็จอย่างยั่งยืนผ่านผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย รวมทั้งจะยังคงทำงานร่วมกันกับพาร์ทเนอร์ปัจจุบันและพาร์ทเนอร์ใหม่อย่างต่อเนื่อง