Connect with us

Featured

รีวิว OnePlus Nord ที่สุดแห่งความคุ้มด้วยชิป Snapdragon 765G, หน้าจอ 90Hz พร้อมกล้องในระดับเรือธง ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 14,990 บาท

Published

on

รีวิว OnePlus Nord สมาร์ทโฟน Lite Flagship for New Gen รุ่นใหม่ จัดเต็มด้วยความคุ้มค่าระดับเรือธง ด้วยกล้องรวมถึง 6 เลนส์ พร้อมจอสุดลื่น Fluid Display 90Hz และยังใช้ขุมพลังตัวแรง Snapdragon 765G

 

สรุปสเปค OnePlus Nord

  • ขนาดตัวเครื่อง : 158.3 × 73.3 × 8.2 มม.
  • น้ำหนัก : 184 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล Fluid Display ชนิด AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล), Refresh rate 90Hz, อัตราส่วน 20:9, รองรับ HDR10+ และครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5
  • หน่วยประมวลผล : Snapdragon 765G 5G
  • GPU : Adreno 620
  • RAM : 12GB LPDDR4X
  • ROM : 256GB (UFS 2.1)
  • กล้องถ่ายรูปหลัง 4 เลนส์ แบ่งเป็น
    • เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ IMX586 รูรับแสง f/1.75 และรองรับระบบกันสั่นไหว OIS + EIS
    • เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 119 องศา รูรับแสง f/2.25
    • เลนส์ Depth ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
    • เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงท f/2.4 ระยะโฟกัส 4 เซนติเมตร
  • กล้องหน้า 2 เลนส์ แบ่งเป็น
    • เลนส์หลักความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.45 เซ็นเซอร์ IMX616
    • เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 105 องศา รูรับแสง f/2.45
  • ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย OxygenOS 10.5
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.1, NFC และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 4115mAh รองรับ Warp Charge 30T

 

แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล

ความพิเศษเริ่มตั้งแต่ตัวกล่องของ OnePlus Nord ที่เล่นลวดลายคำว่า “Nord” ได้อย่างสวยงาม มีความสะท้อนแสง โดยเว้นตรงกลางทำให้เราเห็นสีฟ้าเพื่อให้พร้อมกับการเปิดกล่องนั่นเอง

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • ตัวเครื่อง OnePlus Nord พร้อมติดฟิล์มกันรอยให้เรียบร้อย
  • อะแดปเตอร์ Warp Charge 30T
  • สายชาร์จ USB Type-C
  • เคสใสซิลิโคน
  • อุปกรณ์เปิดถาดซิม
  • ใบต้อนรับจาก Pete Lau
  • สติ๊กเกอร์แบรนด์ OnePlus
  • คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
  • ใบรับประกันสินค้า

 

ดีไซน์ของ OnePlus Nord ต้องบอกว่าเป็นเอกลักษณ์มากๆ ครับ โดยสีที่เราได้มาเป็นสีเทา Gray Onyx ที่ไม่ได้เล่นเฉดสีใดๆ ครับ แต่มีความเข้มขรึมและคลาสสิกอย่างมาก โดยตัววัสดุฝาหลังจะเป็นแบบกระจก Gorilla Glass 5 ที่ก็มีความแข็งแรงในตัว ให้สัมผัสที่เรียบหรูเกินราคาแบบผิวกระจก Matte AG Glass ส่วนอีกสีที่มีให้จะเป็นสีฟ้า Blue Marble สีเทา Gray Onyx

 

OnePlus Nord นั้นใช้งานได้ถนัดมือมากๆ ด้วยความที่ฝาหลังไม่มีความลื่น แถมมีความโค้งมนที่ด้านหลัง

 

หนึ่งในตัวชูโรงของ OnePlus Nord เป็นหน้าจอแสดงผล Fluid Display ที่ให้ Refresh Rate มาถึง 90Hz ใช้งานได้ลื่นๆ ซึ่งการสัมผัสระหว่างใช้งานจะแตกต่างกับรุ่นที่ใช้จอ 60Hz อย่างเห็นได้ชัดครับ

 

เรื่องความลื่นไม่เท่าไหร่ แต่ OnePlus Nord ยังคงความสวยงามของหน้าจอเอาไว้ด้วยชนิด AMOLED ที่มีขนาดใหญ่ถึง 6.44 นิ้ว ความละเอียด Full HD+, อัตราส่วน 20:9 รองรับ HDR10+ ทำให้การรับชมภาพยนตร์และวิดีโอต่างๆ ที่รองรับ HDR10 นั้นแสดงผลออกมาได้ดีมากๆ ที่สำคัญยังครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 เหมือนกับฝาหลัง

 

บริเวณเหนือหน้าจอแสดงผลจะมีกล้องหน้า 2 เลนส์ที่มีทั้งเลนส์หลักและ Ultra-Wide Angle มาให้ ส่วนตรงกลางจะเป็นลำโพงที่ใช้สำหรับสนทนา

 

ฝั่งซ้ายตัวเครื่องจะเป็นปุ่มเพิ่มและลดเสียงเท่านั้น

 

ส่วนด้านขวาจะมีปุ่มเลื่อนโหมดเสียงเหมือนกับเรือธงรุ่นในแบรนด์ ถัดลงมาจะมีปุ่ม Power ครับ

 

ด้านล่างของตัวเครื่องมีทั้งช่องใส่ซิมการ์ด, ไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวหลัก

 

ขณะที่ด้านบนมีไมโครโฟนตัวที่ 2 มาให้

 

สุดท้ายที่ด้านหลังเครื่องมีกล้อง 4 เลนส์จัดเรียงเป็นแนวตั้ง พร้อมไฟแฟลช LED โดยมีโลโก้ “1+” อยู่ตรงกลาง พร้อมชื่อแบรนด์ “ONEPLUS” ที่ด้านหลัง

 

ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน

ระบบปฎิบัติการ

แน่นอนว่า OnePlus Nord ต้องแกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดอย่าง Android 10 ที่ครอบทับด้วย OxygenOS 10.5 ของตัวเอง โดยมีความไหลลื่น และฟีเจอร์ต่างๆ ที่ครบครันแน่นอน ที่สำคัญ OnePlus Nord ยังการันตีการอัปเดทระบบปฏิบัติการ Android รุ่นใหม่ถึง 2 เวอร์ชัน และการอัปเดท OxygenOS นานถึง 3 ปี

 

 

หน้าตา UI : OxygenOS 10.5

 

 

Live Wallpaper วอลเปเปอร์สวยงาม

ความสวยงามของพื้นหลังใน OnePlus Nord ก็มีมาให้เช่นกันครับ โดยภาพพื้นหลังสามารถขยับได้ตามที่เราใช้งานหรือการขยับต่างๆ

 

Always-on-Display บอกสถานะเครื่องง่ายๆ ไม่ต้องเปิดจอ

ด้านความพิเศษที่เป็นหน้าจอ AMOLED ทำให้ OnePlus Nord มีฟีเจอร์นี้ครับ ซึ่งก็เป็นการบอกเวลา, วันที่ และสถานะการแจ้งเตือนต่างๆ เพื่อให้เรารู้ได้ตลอดเวลา โดยไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องมาดูให้เสียเวลา

สำหรับใครที่อยากเปลี่ยนรูปแบบหน้าจอ Always-on-Display ก็ทำได้เช่นกันครับ มีให้เลือกหลากหลายแบบเลยทีเดียว

 

โหมดมืดดีขึ้นด้วย Dark Theme 2.0

เรื่องการถนอมสายตาก็ยังมี Dark Theme 2.0 มาให้ใช้งานกันเช่นเดิม ซึ่งต้องบอกว่านอกจากความมืดที่ช่วยให้สบายตาแล้ว หน้าจอ AMOLED ยังชอบอะไรมืดๆ ทำให้การกินแบตเตอรี่นั้นน้อยลงกว่าเดิมอีกด้วย

 

ระบบความปลอดภัยขั้นสูง

สำหรับการล็อคเครื่องและความปลอดภัยต่างๆ OnePlus Nord ได้จัดให้การสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอมาให้ ซึ่งตำแหน่งของการสแกนนั้นอยู่ค่อนข้างพอดีกับการเอื้อมนิ้วโป้งไปกดครับ ทั้งยังมีความเร็วการในสแกนอีกด้วย

หากใครไม่ชอบสแกนลายนิ้วมือ ก็ยังคงให้สแกนใบหน้าได้เช่นเดียวกันครับ ซึ่งความเร็วนั้นก็จัดว่าแทบไม่ต้องรออะไรเลย

 

รองรับ 5G ในอนาคต

แม้ว่าจะไม่ใช่เรือธง แต่ OnePlus Nord ก็รองรับเครือข่าย 5G ที่ให้ความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดถึง 3.38Gbps ซึ่งรุ่นนี้จะรองรับในคลื่นความถี่ 5G ย่าน 700MHz และ 3500MHz ไม่สามารถรับคลื่น 2600MHz ได้ โดยเราน่าจะได้ใช้งาน 5G กับรุ่นนี้ภายในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ หรือต้นปี 2564 ครับ

 

ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่

ประสิทธิภาพภายในเครื่องของ OnePlus Nord เรียกว่าเป็นน้องๆ เรือธงเลยทีเดียวครับ เพราะใช้ขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 765G 5G ที่มีความเร็ว CPU และ GPU แรงขึ้น 30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ขณะที่มี RAM ให้สูงสุดถึง RAM 12GB และ ROM 256GB เรื่องการสลับแอปพลิเคชั่นหรือการใช้งานเบื้องหลังก็ยังคงทำได้ไหลลื่น

 

ส่วนผลการทดสอบด้วยโปรแกรม Geekbench 5 ทำคะแนนฝั่ง Single-Core ไปที่ 616 และคะแนน Multi-Core ที่ 1,977

ทดสอบการเล่นเกม

Call Of Duty: Mobile

มาเริ่มที่เกม FPS อย่าง Call Of Duty: Mobile ที่ทดสอบการทั้งโหมด Frontline และ Battle Royale ด้วยการปรับกราฟิกระดับสูงสุดทั้งหมด ถือว่า OnePlus Nord ทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจครับ การสัมผัสทำได้ตรงนิ้ว การกดที่แทบไม่มีดีเลย์ รวมถึงระบบเสียงที่ทำออกได้ชัดเจนมาก

ROV

ต่อกันที่ ROV ครับ ภาพกราฟิกต่างๆ และเฟรมเรทเปิดได้สูงสุดทั้งหมด เรื่องการเข้าไปเล่นในโหมดปกติทำได้ยอดเยี่ยม เฟรมเรทไม่มีดรอปตามสไตล์ของชิป Snapdragon 765G วิ่งที่ 59-60fps ตลอดทั้งเกมครับ

 

Asphalt 9: Legends

มาถึงเกมที่รองรับเฟรมเรทสูงสุดอย่าง Asphalt 9: Legends ต้องบอกว่าใครชอบเล่นเกมที่ไหลลื่นสุดๆ เกมนี้ถือว่าตอบโจทย์สุดๆ ครับ ภาพดูสมูทไปหมด

 

รองรับ Warp Charge 30T ชาร์จไวเพียงครึ่งชั่วโมง

เรื่องของแบตเตอรี่ OnePlus Nord ทำออกมาได้ค่อนข้างอึดครับ ถ้าใครใช้งานทั่วไปอาจได้ชาร์จเพียงครั้งเดียวตลอดวัน ส่วนเรื่องความเร็วในการชาร์จ ถ้าใครรีบๆ ในช่วงเช้าขอเวลาเพียง 30 นาที ก็ชาร์จได้มากกว่า 70% แล้วครับ เพราะรองรับ Warp Charge 30T เหมือนรุ่นเรือธงเลยทีเดียว

 

กล้องถ่ายรูป

อย่างที่บอกไปตั้งแต่ช่วงต้นๆ ครับว่า OnePlus Nord นั้นให้กล้องมาแบบเรือธงยังต้องยอม เพราะมีกล้องหลัง 4 เลนส์ และกล้องหน้าอีก 2 เลนส์ ซึ่งแบ่งได้ดังนี้

กล้องถ่ายรูปหลัง 4 เลนส์ แบ่งเป็น

  • เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ IMX586 รูรับแสง f/1.75 และรองรับระบบกันสั่นไหว OIS + EIS
  • เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 119 องศา รูรับแสง f/2.25
  • เลนส์ Depth ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4

กล้องหน้าคู่ 2 เลนส์ แบ่งเป็น

  • เลนส์หลักความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.45 เซ็นเซอร์ IMX616
  • เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 105 องศา รูรับแสง f/2.45

 

คมชัด 48 ล้านพิกเซล

เลนส์หลักของ OnePlus Nord มีความคมชัดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล ทำให้ภาพที่ได้ออกมามีความละเอียดสูง สามารถนำไปปริ้นท์หรือใช้งานอื่นๆ ต่อได้อีก


ภาพความละเอียด 48 ล้านพิกเซล / ครอป


ภาพความละเอียด 48 ล้านพิกเซล / ครอป

 

AI ฉลาดล้ำ ถ่ายสวยเพียงคลิกเดียว

ในโหลดปกติ รุ่นนี้ก็สามารถถ่ายออกมาได้ที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลครับ ซึ่งจุดนี้จะได้ความสวยงามของภาพ รวมถึงแสงและเงาที่ดีขึ้น เพราะได้ AI เข้ามาช่วยประมวลผล ทั้งนี้เลนส์หลักยังมี OIS เข้ามาช่วยเรื่องกันสั่นไหวด้วย ใครที่มือไม่นิ่งก็ไม่ต้องกลัวว่าภาพจะเบลอครับ

 

Ultra-Wide กว้างสุด 119 องศา

สมาร์ทโฟนสมัยนี้ทุกรุ่นต้องมีเลนส์ Ultra-Wide ซึ่งรุ่นนี้ก็จัดมาให้ ถ่ายภาพได้มุมมองกว้าง 119 องศา ถือว่ากว้าเบอร์ต้นๆ ของสมาร์ทโฟนเลยทีเดียว โดยเรื่องความบิดเบี้ยวของภาพก็ทำออกได้ดี สามารถถ่ายภาพบุคคลได้โดยไม่เสียสแกล


เลนส์หลัก / เลนส์ Ultra-Wide Angle

 

ถ่าย Portrait ได้เนียนตา

ด้วยเลนส์ Depth ที่ช่วยตรวจจับฉากหลังก็เข้ามาช่วยในถ่ายภาพบุคคลครับ โดยการไล่เลเยอร์การเบลอทำออกมาได้ค่อนข้างดี มีมิติมากขึ้น และใบหน้าของเราก็ยังคงสว่างแม้ย้อนแสงอยู่ก็ตาม

 

Nightscape 3.0 เปลี่ยนกลางคืนให้คมชัดได้ง่ายๆ

OnePlus Nord ยังมาพร้อมฟีเจอร์ Nightscape 3.0 ที่ช่วยให้เราได้ภาพกลางคืนที่ชัดเจนยิ่งขึ้น รายละเอียดต่างๆ เห็นได้เยอะกว่าเดิม ที่สำคัญเรื่องของ Noise ก็รบกวนน้อยลงด้วย แถมยังใช้งานได้ทั้งเลนส์หลักและ Ultra-Wide


ปิด Nightscape 3.0 / เปิด Nightscape 3.0


ปิด Nightscape 3.0 / เปิด Nightscape 3.0

 

เห็นได้ใกล้ผ่านเลนส์ Macro

มีเลนส์ Macro มาให้เพื่อให้เราได้เห็นสิ่งที่ตาเราไม่สามารถโฟกัสได้แล้ว ซึ่งทำระยะโฟกัสได้ใกล้ถึง 4 เซนติเมตร โดยสีสันและแสงเงาต่างๆ ถือว่าทำออกมาได้สดใสพอสมควรครับ

 

กล้องหน้าความละเอียดสูง

จบที่กล้องหลังไปเราชมฟีเจอร์กล้องหน้ากันต่อครับ โดนที่เลนส์หลักก็มีความละเอียดสูงถึง 32MP ได้ความคมชัดขั้นสูงแน่นอน โดยเรื่องความบิวตี้ไม่ได้จัดจ้านเกินไป ซึ่งยังให้ความเป็นธรรมชาติอยู่นั่นเอง

 

กล้องหน้า Portrait ได้แบบเนียนตา

การเบลอหลังก็ทำได้กับกล้องหน้าเช่นกันครับ ซึ่งการตัดขอบต่างๆ ต้องบอกว่า OnePlus Nord ทำได้ดีมากๆ แทบไม่มีส่วนไหนของใบหน้าถูกเบลอออกไปด้วย รวมถึงระดับความบิวตี้ก็ทำได้ดีเช่นกัน

 

เลนส์ Ultra-Wide กล้องหน้าก็เก็บได้ครบ

แม้ว่าเลนส์ Ultra-Wide กล้องหน้าจะไม่ได้กว้างแบบกล้องหลัง แต่จัดได้ว่าทำออกได้ดีมากๆ หากใครที่ต้องการไปเที่ยวแล้วต้องการให้ฉากหลังพร้อมกับเราไปด้วย


เลนส์หลัก / เลนส์ Ultra-Wide

 

สรุปจุดเด่น

  • หน้าจอแสดงผล Fluid Display ชนิด AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว คมชัดแบบ Full HD ใช้งานได้เต็มตา และมีความละเอียดขั้นสูงด้วย
  • ใช้งานได้ไหลลื่นด้วย Refresh Rate 90Hz
  • กล้องหลัง 4 เลนส์ที่ถ่ายออกมาได้ครบทุกฟีเจอร์ไม่ต่างจากเรือธง
  • หน่วยประมวลผลเพื่อการเล่นเกมอย่าง Snapdragon 765G 5G คู่กับ RAM 12GB + ROM 256GB ช่วยให้ทุกการใช้งานไม่มีสะดุดแน่นอน
  • มีแบตเตอรี่อึดๆ ที่ 4115mAh แถมรองรับชาร์จไว Warp Charge 30T เทียบเท่าเรือธง

จุดสังเกตเพิ่มเติม

  • ไม่มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.

สำหรับ OnePlus Nord มี 2 ความจุด้วยกัน ได้แก่ RAM 8GB + ROM 128GB มีราคาอยู่ที่  14,990 บาท และรุ่น RAM 12GB + ROM 256GB มีราคาอยู่ที่  17,990 บาท โดยสามารถ Pre-Order ได้แล้ววันนี้ – 27 สิงหาคมนี้ และวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 สิงหาคมนี้ โดยสามารถหาซื้อได้ที่ AIS, DTAC, TrueMove H และช่องทางจำหน่ายทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ ดังนี้

Android News4 ชั่วโมง ago

Dave2D ทำการทดสอบ Snapdragon 8 Elite ได้การประหยัดพลังงานสูงขึ้นถึง 43%

นับว่าเป็นการอัปเกรด...

Android News4 ชั่วโมง ago

คาดหวัง ! Ice Universe เผย One UI 7.0 จะมีแอนิเมชันและการเปลี่ยนฉากต่างๆ ที่ยอดเยี่ยมมาก

หลังจากที่เคยมีรายงา...

Android News6 ชั่วโมง ago

Redmi Note 14 5G Series ยืนยันเปิดตัวในอินเดียวันที่ 9 ธ.ค. มาพร้อมสโลแกน “Super Camera, Super AI”

Xiaomi ได้ประกาศวันเ...

Apple News6 ชั่วโมง ago

ลือ ! Apple กำลังสร้าง ‘LLM Siri’ ในปี 2026 บน iOS 19

ตามรายงานของ Bloombe...

Android News21 ชั่วโมง ago

เช็คกัน !! OPPO เผยตารางอัปเดต ColorOS 15 บน Android 15 ทั่วโลก

ในวันนี้ OPPO ได้เปิ...

Apple News21 ชั่วโมง ago

อย่างสวย ! YouTuber โชว์ดีไซน์ iPhone 17 Air กล้องหลัง 1 เลนส์ พร้อมจอ Dynamic Island

เราได้ยินมาแค่ข่าวลื...

HUAWEI IdeaHub HUAWEI IdeaHub
IT News22 ชั่วโมง ago

หัวเว่ยเผยโฉม IdeaHub รุ่นเรือธงพร้อมอัดโปรเด็ดหนุนผู้นำจออัจฉริยะเพื่อออฟฟิศยุคใหม่

หัวเว่ยเปิดตัว IdeaH...

Smart Review1 วัน ago

รีวิว ASUS Vivobook S 14 OLED (S5406) โน้ตบุ๊คดีไซน์มินิมอล l Intel Core Ultra 7 258V l ใช้นานสุด 27 ชม. และคีย์บอร์ดมีไฟ RGB !

รีวิว ASUS Vivobook ...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก