Featured
รีวิว Vivo X50 Pro 5G กล้องหลังจัดเต็ม ระบบกันสั่น Gimbal รุ่นแรกของโลก, ฟีเจอร์ครบ พร้อมหน้าจอโค้ง Ultra O Screen และชิปตัวแรง Snapdragon 765G
Vivo X50 Pro 5G สมาร์ทโฟนขั้นสุดในเรื่องกล้องที่จะเป็นนิยามใหม่ของการถ่ายภาพ “Photography Redefined” ใช้ระบบป้องกันการสั่นสะเทือนของภาพ Gimbal Camera System รุ่นแรกของโลก พร้อมหน้าจอโค้ง 3D Curved Ultra O Screen สุดกว้าง 6.56 นิ้ว และขับเคลื่อนด้วยขุมพลังระดับท็อปของ Mid-Range อย่าง Qualcomm Snapdragon 765G 5G
สรุปสเปค Vivo X50 Pro 5G
- ขนาดตัวเครื่อง : 158.46 × 72.80 × 8.04 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 181.5 กรัม
- หน้าจอแสดงผล 3D Curved Ultra O Screen ชนิด AMOLED กว้าง 6.56 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2376 x 1080 พิกเซล) รองรับ Refresh Rate 90Hz และพื้นที่การแสดงผล 92%
- หน่วยประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 765G Octa Core
- RAM 8 GB
- ROM 256 GB
- ระบบปฎิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย Funtouch OS 10.5
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 4 เลนส์ Gimbal Camera System แบ่งเป็น
- เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.6 ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX598 และรองรับกันสั่นแบบ Gimbal รุ่นแรกของโลก
- เลนส์ Portrait ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.46
- เลนส์ Super Wide-Angle 120 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 รองรับการถ่าย Macro ระยะโฟกัส 2.5 ซม.
- เลนส์ Periscope ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/3.4 รองรับ 5x Optical Zoom และ 60x Hyper Zoom
- กล้องหน้า 1 เลนส์ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.45
- รองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ซิม
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi MIMO 2.4G + 5G, Bluetooth 5.1 และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 4315mAh รองรับ 33W Vivo FlashCharge 2.0
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
ตัวกล่องของ Vivo X50 Pro 5G มาในรูปแบบที่มีความพรีเมี่ยมมากๆ มีการเล่นเฉดสีแสงเงาเป็นรูปตัว “X” อย่างชัดเจนครับ ขณะที่ชื่อรุ่น X50 Pro ด้านหน้าก็มีความมันเงาออกเป็นสีรุ้งครับ
อุปกรณ์ต่างๆ ภายในกล่องมีดังนี้
- ตัวเครื่อง Vivo X50 Pro 5G พร้อมติดฟิล์มกันรอย
- อะแดปเตอร์ 33W Vivo FlashCharge 2.0
- สาย USB Type-C
- หูฟังพอร์ต 3.5 มม.
- สายแปลงพอร์ต 3.5 มม. เป็น USB Type-C
- อุปกรณ์เปิดถาดซิม
- เคสใส
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ดีไซน์สวยงาม ดูพรีเมี่ยมมากขึ้น
ดีไซน์ของ Vivo X50 Pro 5G มีความพรีเมี่ยมด้วยการออกมาแบบ Dual Tone Step เห็นเป็น 2 เฉดสีคล้ายชั้นเมฆที่ผิวด้านหลังตัวเครื่อง ทั้งยังมีความเป็นกระจกด้านทำให้ดูหรูหรามากขึ้นไปอีกครับ ที่สำคัญเมื่อนำกล้องหลังแบบ Gimbal Camera System เข้ามาวางด้วย ทำให้ดูสมบูรณ์แบบมากจริงๆ
สำหรับสีของ Vivo X50 Pro 5G มีให้เลือกเพียงสีเดียวครับ คือ สีเทา Alpha Grey ตามที่อยู่ในรีวิวนี้เลย
นอกจากความสวยงามแล้ว เรื่องของการการจับถือและการใช้งานก็เป็นส่วนสำคัญครับ ซึ่งตัวเครื่องออกแบบที่มีความโค้งที่ด้านหลังมาก ทำให้จับได้ถนัดแม้ถือมือเดียว แถมตัวเครื่องก็บางและเบามากเช่นกัน
หน้าจอโค้ง 3D Curved Ultra O Screen
ในส่วนของหน้าจอแสดงผลของ Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมความกว้างถึง 6.56 นิ้ว ซึ่งมาแบบ 3D Curved Ultra O Screen ที่เป็นหน้าจอโค้ง 3D แถมตัวรูกล้องหน้าก็มีขนาดเล็กเพียง 3.96 มม. เท่านั้น ทำให้หน้าจอมีขนาดที่ใหญ่และแสดงผลได้เต็มตามากขึ้นบนพื้นที่การแสดงผลถึง 92%
เรื่องของสีสันและความคมชัดรุ่นนี้ต้องบอกว่าจัดเต็มากๆ ด้วยความละเอียด Full HD+ (2376 x 1080 พิกเซล) ทั้งยังเป็นพาเนล AMOLED ที่ชูโรงเรื่องสีสันที่สดอยู่แล้ว ใครที่ชอบดูวิดีโอหรือภาพยนตร์ต่างๆ จะต้องหลงรักรุ่นนี้แน่นอน
ทั้งนี้ การใช้งานสัมผัสบนหน้าจอยังไหลลื่นมากๆ ด้วย Refresh Rate 90Hz ที่มีการตอบสนองหรือ Respone Rate ที่ 180Hz
มาดูรอบเครื่องกันครับที่เหนือหน้าจอแสดงผลมีลำโพงสนทนา โดยที่มุมซ้ายบนจะเป็นกล้องหน้าขนาดเล็กอยู่
ด้านขวาตัวเครื่องมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power ครับ
ที่ด้านล่างตัวเครื่องจะมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ช่องแบบพลิกหน้า-หลัง ถัดไปทางขวาจะมีไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวหลัก
ส่วนด้านบนจะมีไมโครโฟนตัวที่ 2 พร้อมสัญลักษณ์ 5G ที่เล่นเงาสะท้อนอย่างสวยงาม
สุดท้ายที่ด้านหลังมีกล้อง Gimbal Camera System จำนวน 4 เลนส์ ตั้งแต่ด้านบนสุดที่เป็นเลนส์หลัก ลงมาเป็นเลนส์ Portrait, Super Wide Angle และล่างสุดจะเป็นเลนส์ซูมระยะไกล Periscope ครับ โดยมีไฟแฟลช 3 ดวงที่ฝั่งขวาตัวกล้อง
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
ระบบปฎิบัติการ
Vivo X50 Pro 5G แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย Funtouch OS 10.5 รุ่นล่าสุดของแบรนด์ครับ ทำให้มีฟีเจอร์ต่างๆ และความไหลลื่นของระบบดีขึ้นแน่นอน
รองรับ 5G แน่นอน
ด้วยความคุ้มค่าของรุ่นนี้ยังรอบรับเครือข่าย 5G ในไทยเพื่อให้เราใช้งานอินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วมากขึ้น และค่าความหน่วงลดลงกว่า 4G LTE ครับ ซึ่งรองรับ 5G ตั้งแต่แกะกล่องทันทีครับ ไม่ต้องรออัปเดทใดๆ เลย
ภาพพื้นหลังสวยงามด้วย Live Wallpaper
วอลเปเปอร์ของ Vivo X50 Pro 5G ก็ให้มาสวยงามครับ โดยมีแบบเคลื่อนไหวหรือ Live Wallpaper มาให้ถึง 4 แบบอย่างสวยงาม และภาพปกติหลาย 10 แบบเลยทีเดียว
Always On Display เปิดหน้าจอตลอด เช็คแจ้งเตือนเพียงแค่หันมอง
ด้วยความที่เป็นหน้าจอ AMOLED ฟีเจอร์ขาดไปไม่ได้แน่นอนครับ โดยจะเป็นการบอกสถานะของเครื่องเบื้องต้นในหน้าจอล็อก ไม่ว่าจะเป็นเวลา วันที่, ไอคอนของแอปพลิเคชั่นที่มีการแจ้งเตือน และแบตเตอรี่คงเหลือ ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องยกขึ้นมาเพื่อดูตลอดครับ แต่การเปิดฟีเจอร์อาจจะกินแบตขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน
นอกจากนี้ ฟีเจอร์ดังกล่าวยังเปลี่ยนรูปแบบต่างๆ ได้เพียบ ทั้งสีสัน, ลักษณะของนาฬิา และพื้นหลังครับ
การนำทางระบบเพิ่มความสะดวกใช้งานได้ง่าย
ในการควบคุมปุ่มด้านล่างทั้งย้อนกลับ, Home และปุ่มแอพล่าสุดนั้น สามารถเปลี่ยนเป็นแบบท่าทางได้เพื่อให้ดูเต็มหน้าจอมากขึ้น ซึ่งจะใช้เป็นการปัดในแบบต่างๆ ครับ ซึ่งจะมีวิธีการใช้มาให้ลองทันทีที่เปิดใช้งาน
ระบบความปลอดภัย
Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมกับเทคโนโลยีการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอครับ ซึ่งรองรับทั้งหมด 5 ลายนิ้วมือ ซึ่งความเร็วในการปลดล็อกนั้นทำได้ดีและเสถียรมาก
ส่วนใครที่ถนัดการสแกนใบหน้า ก็สามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็วไม่ต่างกันครับ
เปิดโหมดมืดประหยัดพลังงานมากขึ้น
ในการเปิดโหมดมืดของรุ่นที่มีหน้าจอ AMOLED อย่าง Vivo X50 Pro 5G ช่วยให้มีการประหยัดพลังงานมากขึ้นครับ ทั้งยังช่วยให้ใช้งานในที่แสงน้อยได้ดี ซึ่งแอพพลิเคชั่นที่รองรับโหมดมืดจะเปลี่ยนเป็นธีมมืดกันแบบอัตโนมัติครับ
เปลี่ยนเอฟเฟกต์ไดนามิกได้ไม่มีทางซ้ำ
สำหรับเอฟเฟกต์ไดนามิกหรือการเปลี่ยนรูปแบบการเคลื่อนไหวในรุ่นนี้มีให้เลือกกันเพียบ ไม่ว่าจะเป็นภาพเคลื่อนไหวการจดจำลายนิ้วมือ, การสแกนใบหน้า, การชาร์จ รวมถึงรูปแบบการเคลื่อนไหวที่หน้าจอหลัก
ลำโพงเสียงดี ดังกระหึ่มได้อรรถรส
Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมกับชิปเสียง AK4377A ที่ทำให้เราได้ฟังเสียงคุณภาพระดับ Hi-Fi มีความกระหึ่มมากขึ้นแน่นอน
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
Vivo X50 Pro 5G ขับเคลื่อนด้วยหน่วประมวลผล Qualcomm Snapdragon 765G Octa-core ที่ถือเป็นชิประดับกลางตัวแรงสุดใน Android ในตอนนี้ครับ เรื่องการใช้งานและการเล่นเกมต้องบอกว่าหายห่วงไปเลยทีเดียว ที่สำคัญยังมี Vivo Energy Guardian (VEG) หรือเทคโนโลยีที่ช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไหลลื่นขึ้นอีกด้วย
สำหรับผลการทดสอบทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมตั้งแต่หน่วยประมวลผล, การ์ดจอ และหน่วยความจำด้วยโปรแกรม AnTuTu Benchmark ทำได้ไปได้ที่ 333,782 คะแนน
ส่วนผลการทดสอบด้วยโปรแกรม Geekbench 5 ทำคะแนนฝั่ง Single-Core ไปที่ 638 และคะแนน Multi-Core ที่ 1,954
ฟีเจอร์ช่วยในการเล่นเกม
Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมกับฟีเจอร์การช่วยเล่นเกมอย่างหลากหลายครับ ไม่ว่าจะเป็น Ultra Game Mode ที่นอกจากจะรวมเกมทั้งหมดไว้ในที่เดียวแล้ว ยังช่วยปิดกั้นการแจ้งเตือนต่างๆ ได้เป็นอย่างดีด้วย
รวมถึงโหมด E-Sport ที่เป็นการรีดประสิทธิภาพการใช้งานทั้งหมดของเครื่องเข้ามาช่วยการเล่นเกมครับ ทำให้ระหว่างเล่นไม่เกิดอาการกระตุกแน่นอน
ทดสอบการเล่นเกม
ROV
สำหรับเกม ROV ในรุ่น Vivo X50 Pro 5G สามารถเปิดเฟรมเรทสูงได้ ควบคู่กับภาพ HD ระดับสูงมาก และการแสดงผลระดับสูง เมื่อลองเล่นในโหมด 5 VS 5 เฟรมเรทมาแบบนิ่งๆ วิ่งที่ 59-61fps ตลอดทั้งเกม สมกับเป็นหน่วยประมวลผล Snapdragon 765G
PUBG Mobile
มาต่อที่เกม FPS อย่าง PUBG Mobile สามารถเปิดกราฟิกได้ในระดับที่ HDR HD และเฟรมเรทระดับ Ultra โดยการเล่นโหมด Battle Royale 100 คน สามารถทำได้เป็นอย่างดี การสัมผัสหน้าจอตอบสนองไว ด้วยการที่เป็นจอ Refresh Rate 90Hz คู่กับ Respone Rate ที่ 180Hz
Asphalt 9: Legends
และเกมสุดท้ายอย่าง Asphalt 9: Legends ก็เปิดภาพระดับสูงได้ครับ เลนได้แบบไหลลื่น แล้วภาพระหว่างเล่นเกมก็แสดงผลออกมาได้แบบสมูทสุดๆ
แบตเตอรี่อึดพร้อมชาร์จไว 33W
Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมความจุแบตเตอรี่ถึง 4315mAh ซึ่งสามารถใช้งานทั่วไปได้ตลอดทั้งวันครับ แต่ถ้าใครที่เปิด Refresh Rate 90Hz อาจจะกินแบตเตอรี่เพิ่มขึ้น ทำให้ได้ชาร์จกันสักรอบระหว่างวันครับ อย่างไรก็ตาม รุ่นนี้รองรับเทคโนโลยีชาร์จไวอย่าง 33W Vivo FlashCharge 2.0 ชาร์จครู่เดียวก็ใช้งานได้ต่อแล้วครับ โดยเราทดสอบเริ่มชาร์จตั้งแต่แบตเตอรี่ 25% ถึง 80% ในเวลาเพียง 40 นาที และเต็ม 100% ในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง 10 นาทีเท่านั้นครับ
กล้องถ่ายรูป
นอกจากสเปคที่จัดเต็มแล้ว Vivo X50 Pro 5G ยังเปิดประสบการณ์ใหม่ (Photography Redefined) ในเรื่องการถ่ายภาพด้วยกล้อง 4 เลนส์ แถมเป็น Gimbal Camera System รุ่นแรกของโลก ถ่ายได้ครบทุกระยะทั้งเลนส์ Wide + เลนส์ Portrait + เลนส์ Super Wide-Angle ที่รองรับการถ่าย Macro ระยะโฟกัส 2.5 ซม. และเลนส์ Periscope ซูมสูงสุดถึง 60x Hyper Zoom
ระบบกันสั่นไหว Gimbal รุ่นแรกของโลก
ความพิเศษของ Vivo X50 Pro 5G นั้นเป็นการใช้เทคโนโลยีกล้อง Gimbal เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันการสั่นสะเทือนของภาพรุ่นแรกของโลก ซึ่งดีกว่าระบบกันสั่นไหว OIS ถึง 3 เท่าเลยทีเดียว ช่วยให้ภาพมีความคมชัด ไม่เบลอ และถ่ายวิดีโอได้เสถียรมากขึ้น โดยในกล้องจะมีฟังก์ชัน “การปรับเทียบไมโครกิมบอล” ช่วยให้ภาพไม่สั่นขณะถ่ายด้วยกล้องหลัง (ยกเว้นโหมดภาพคนและ Slow-Mo) ซึ่งเราต้องให้วงกลมสีขาวที่ปรากฏขึ้นอยู่ในวงกลมตรงกลางครับ
48 ล้านพิกเซล ภาพคมชัด ซูมไกลก็ยังเห็น
เลนส์หลักของ Vivo X50 Pro 5G มีความละเอียดสูงสุดถึง 48 ล้านพิกเซล หากเราถ่ายด้วยโหมด 48MP ภาพที่ได้ออกมาจะมีความคมชัดสูงมากครับ ทำให้เราซูมภาพที่ถ่ายให้เห็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในภาพได้มากกกว่าโหมดปกติ
AI ฉลาดล้ำ ปรับตามวัตถุอย่างเหมาะสม
ในโหมดปกติของรุ่นนี้ AI ยังคงทำหน้าที่ตรวจจับฉากและแยกแยะหมวดหมู่ได้รวดเร็วและแม่นยำมากๆ เช่น อาหาร, ห้างสรรพสินค้า, แมว, สุนัข และอื่นๆ เพียบ ซึ่งสีสันจะมีการปรับให้ดูเหมาะสมกับแต่ละวัตถุครับ กดถ่ายคลิกเดียวก็แชร์ต่อได้ทันที ไม่ต้องมานั่งปรับแสงสีให้เสียเวลาเลย
AI Super Night เปลี่ยนภาพกลางคืนให้สว่างยิ่งขึ้น
ตัวกล้องของ Vivo X50 Pro 5G ยังมีโหมด AI Super Night เพื่อการถ่ายภาพตอนกลางคืนหรือในที่แสงน้อยโดยเฉพาะครับ หลังจากกดชัตเตอร์ บอกเลยว่ารอแค่เพียง 3-4 วินาที ก็ได้ภาพออกมาแล้วครับ โดยภาพที่ได้จะมีความคมชัดมากขึ้น สิ่งที่อยู่ในจุดมืดๆ จะสว่างและเห็นได้ชัดเจนกว่าเดิมแน่นอน
Auto Mode / AI Super Night Mode
นอกจากนี้ใน Super Night Mode ก็ยังมีฟิลเตอร์ให้เราได้ลองเลือกรูปแบบกันหลายอย่างเลยทีเดียว ได้ความหลากหลายของภาพแบบที่ไม่ต้องมาแต่งเพิ่ม
นอกจากนี้ ก็ยังมีโหมดดาวเต็มท้องฟ้า เพื่อให้ได้ภาพดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้าอย่างชัดเจน ซึ่งแนะนำให้ใช้ขาตั้งกล้องและทำในวันที่ฟ้าโปร่งครับ ต้องได้ดวงดาวมาอยู่ในภาพแน่นอน แต่การประมวลผลจะนานกว่าโหมด AI Super Night แบบปกติเล็กน้อยครับ
Auto Mode / Astro Mode
หรือใครอยากถ่ายดวงจันทร์ที่เห็นได้อย่างชัดเจน Vivo X50 Pro 5G ก็มีโหมดเฉพาะอย่าง “ซุปเปอร์มูน” ที่ไว้สำหรับถ่ายได้โดยตรงครับ
Portrait Mode เบลอหลังได้สะใจ ลูกเล่นก็เพียบ
สำหรับ Portrait Mode ใน Vivo X50 Pro 5G ต้องบอกว่าทำได้ดีมากครับ มีการเบลอหลังได้เนียน ดูเป็นธรรมชาติ ดูมีมิติจากการไล่เลเยอร์พอสมควร ซึ่งใบหน้าของเราก็จะดูสว่างแล้วมีการปรับผิวเนียนให้อัตโนมัติด้วย ซึ่งโหมดนี้ก็รองรับทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเลยด้วย
กล้องหลัง
กล้องหน้า
ลูกเล่นของ Portrait Mode ยังสามารถปรับลักษณะแสงโบเก้ด้านหลังแเพื่อให้รูปต่างๆ ได้ด้วย ได้แก่ แวดวง, หัวใจ, สามเหลี่ยม, ดาว และห้าเหลี่ยม ซึ่งโหมดนี้ใช้ได้แค่กล้องหลังเท่านั้น
นอกจากนี้ก็ยังมีการปรับสไตล์เป็นฟิลเตอร์ต่างๆ ให้ดูมีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแบบธรรมชาติ, วินเทจ, เมืองเหนือ, แฟชั่น, ปาร์ตี้ฤดูร้อน,,สไตล์ญี่ปุ่น, ขาวดำ, เกลือเงิน และเปียก โดยฟิลเตอร์แบบนี้ใช้งานได้ที่กล้องหน้าเหมือนกันครับ แต่จะมีฟิลเตอร์ต่างกันออกไป
ธรรมชาติ
วินเทจ
เมืองเหนือ
แฟชั่น
สไตล์ญี่ปุ่น
เกลือเงิน
เปียก
และสุดท้ายในลูกเล่นของ Portrait Mode อย่างเอฟเฟกต์บุคคล ทั้งไฟสตูดิโอ, ไฟสเตอริโอ, ลูปไลท์, แสงรุ้ง และภาพพื้นหลังขาวดำ
โฟกัสไม่มีหลุดด้วย Instant Vlog
ฟีเจอร์ Instant Vlog จะเป็นการให้ AI โฟกัสจับดวงตา, ร่างกาย หรือสิ่งของได้แบบอัตโนมัติที่ไม่มีหลุดโฟกัส โดยฟีเจอร์นี้ใช้งานได้ทั้งการถ่ายภาพนิ่งเพื่อให้ไม่เบลอ รวมไปถึงการถ่ายวิดีโอที่ใครชอบถ่าย Vlog อยู่แล้วจะต้องหลงรักแน่นอน เพราะสิ่งของหรือใบหน้าที่เราอยากให้ชัดก็จะไม่มีหลุดโฟกัส
Hyper Zoom ซูมไกลสุด 60 เท่า
ด้วยเลนส์ซูมระยะไกลหรือ Periscope ใน Vivo X50 Pro 5G เราสามารถซูมแบบ Optical Zoom ได้ถึง 5 เท่า โดยที่ภาพยังมีรายละเอียดคมชัด และซูมแบบ Hyper Zoom ได้ไกลสูงสุดถึง 60 เท่าเลยทีเดียว ที่สำคัญ ใครที่กลัวว่ายิ่งซูมไกลจะยิ่งคุมกล้องได้ยากนั้น ก็จะมีระบบ OIS มาช่วยกันสั่นไหวให้อีกแรงครับ
หรือถ้าใครที่ซูม 60 เท่าแล้วคิดว่ามากเกินไป ในระดับ 5 เท่าก็ยังทำได้ดีอยู่ครับ แถมรายละเอียดก็ไม่เสียไปด้วย
Super Wide Angle ได้ภาพมุมกว้าง พร้อมความคมชัด
การถ่ายด้วยเลนส์ Super Wide Angle เพื่อให้ได้มุมกว้างนั้นทำออกได้อย่างสวยงามครับ เฉดสียังมีความสดใสไม่ต่างจากเลนส์หลัก เพิ่มลูกเล่นการถ่ายได้มากขึ้นไม่ว่าจะถ่ายย้อนแสงหรือแบบปกติ ทั้งยังให้เราได้ภาพที่ครบองค์ประกอบ ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งขาดหายไปครับ
เลนส์ Wide / เลนส์ Super Wide Angle
เลนส์ Wide / เลนส์ Super Wide Angle
Super Macro ถ่ายใกล้ 4 ซม.
ด้วยเลนส์ Super Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ทำให้เราถ่ายภาพ Super Macro ในระยะใกล้สูงสุดถึง 4 เซนติเมตรได้อย่างคมชัด สีสันไม่ดรอปลงเหมือนกับการใช้เลนส์ Macro แยกออกมาเพราะความละเอียดนั้นน้อยกว่าครับ
เซลฟี่สวยงามมี AI Face Beauty
ใครที่ชอบถ่ายเซลฟี่ตามปกติ ที่นอกจากจะเบลอหลังแบบ Portrait Mode ตามด้านบนแล้ว เราก็สามารถปรับค่ารูรับแสงให้เห็นฉากหลังได้อย่างชัดเจนเหมือนกันครับ ซึ่งใบหน้าของเรายังคมชัดและระบบจะปรับผิวเนียนต่างๆ ให้แบบอัตโนมัติ
เซลฟี่ที่มืดก็ไม่ต้องกลัว
และสุดท้ายกับการที่เซลฟี่ในที่แสงน้อยหรือที่มืดก็สามาราถใช้โหมดกลางคืนถ่ายได้เหมือนกัน แถมยังมีสามารถปรับ Face Beauty ได้อีกด้วย
Auto Mode / Super Night Selfie
Auto Mode / Super Night Selfie
Auto Mode / Super Night Selfie
สรุปจุดเด่น
- เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่ใช้กล้องที่มีระบบกันสั่นไหว Gimbal รุ่นแรกของโลก ทำให้การสั่นไหวของภาพขณะถ่ายมีน้อยมากๆ
- กล้องหลังจัดมาให้ครบทุกระยะ ไม่ว่าจะเป็น Super Wide Angle, Super Macro หรือการถ่าย Portrait
- รองรับเครือข่าย 5G ในไทยตั้งแต่แกะกล่องทันที
- หน้าจอแสดงผล 3D Curved Ultra O Screen กว้าง 6.56 นิ้ว พร้อมรับชมเนื้อหาได้คมชัดและสีสันจัดต็มด้วยชนิดหน้าจอ AMOLED และมีความลื่นด้วย Refresh Rate 90Hz
- ใช้ CPU Snapdragon 765G Octa Core ที่เป็นชิปตัวท็อปของระดับกลางทำให้ทั้งการเล่นเกมหรือใช้งานทั่วไปไหลลื่นมากๆ
- รองรับการชาร์จไว 33W Vivo FlashCharge 2.0
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ตัวเครื่องไม่กันน้ำ
สมาร์ตโฟน Vivo X50 Pro 5G เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ในสีอัลฟาเกรย์ (Alpha Gray) มีราคาอยู่ที่ 24,999 บาท