รีวิว Samsung Galaxy Buds Live หูฟังดีไซน์ใหม่ เสียงคมชัด สวมใส่สบาย ในราคา 6,990 บาท

Samsung Galaxy Buds Live หูฟัง True Wireless ตัวจิ๋ว ดีไซน์ใหม่สวมใส่ง่าย เข้ากับสรีระ พร้อมเทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวนภายนอก เชื่อมต่อง่าย และแบตเตอรี่ที่อยู่ได้ทั้งวัน

คุณสมบัติ Samsung Galaxy Buds Live

• ขนาดตัวเคส : 50.0 x 50.2 x 27.8 มม.
• ขนาดตัวหูฟัง : 16.5 x 27.3 x 14.9 มม.
• น้ำหนัก : 42.2 กรัม (เคส) / 5.6 กรัม (หูฟัง)
• หน่วยประมวลผล : BCM 43015
• ลำโพง : 12 มม.
• การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0
• รองรับเทคโนโลยี Active Noise Cancellation
• แบตเตอรี่ : 472mAh (เคส) / 60mAh (หูฟัง)

อุปกรณ์ภายในกล่อง

• เคสชาร์จพร้อมหูฟัง Samsung Galaxy Buds Live
• สายชาร์จ USB Type-A to USAB Type-C
• ยางครอบหูฟังซ้ายและขวา
• คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
• ใบรับประกันสินค้า

ดีไซน์เคสของ Galaxy Buds Live ต้องบอกว่าเล็กแล้วกะทัดรัด ทำให้เราพกพาสะดวกมากๆ ใส่กระเป๋ากางเกงก็ไม่รู้สึกแน่น และตัวฝาพับก็มีความแข็งแรงอีกด้วย

สีสันของ Galaxy Buds Live จะมีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Mystic Bronze, Mystic White และ Mystic Black ซึ่งตัวหูฟังและตัวเคสจะเป็นสีเดียวกันทั้งหมด

รอบเคสที่ด้านหลังจะมีพอร์ตสำหรับชาร์จแบบ USB Type-C ครับ ส่วนที่ด้านหน้าจะมีไฟ LED บอกสถานะแบตเตอรี่ตัวเคส หากเป็นสีแดงคือต่ำกว่า 30%, สีเหลือง 31% – 59% และสีเขียว 60% – 100%

ส่วนดีไซน์ของหูฟังนั้นถือว่าทำออกมาให้สวมใส่ได้สบายครับ มีขนาดเล็ก เข้ากับสรีระใบหูด้านในพอดี ทำให้ใส่ได้สบายมากขึ้น ไม่รู้สึกปวดเวลาใส่ไปนานๆ

ที่รอบตัวหูฟัง ทางด้านหลังจะมีไมโฟน 2 ตัวที่ด้านบนและล่างชัดเจน

ส่วนฝั่งด้านในจะมีไมโครโฟนตัวที่ 3 อยู่ทางด้านล่าง ควบคู่กับตัวลำโพง, บริเวณตรงกลางจะเป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับเสียงพูด และด้านบนจะเป็นแถบแม่เหล็กเพื่อติดกับตัวเคสเพื่อชาร์จ

เชื่อมต่อง่ายๆ กับ Samsung Galaxy

ถ้าใครใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ของ Samsung Galaxy อยู่แล้ว ระบบจะเตือนขึ้นมาให้เชื่อมต่อกับ Galaxy Buds Live ได้ทันทีครับ ไม่ต้องเสียเวลาในการเลือกชื่อบลูทูธต่างๆ

การควบคุมหูฟัง

• แตะ 1 ครั้ง : หยุด/เล่นเพลง
• แตะ 2 ครั้ง : เล่นเพลงถัดไป, รับหรือวางสายโทรศัพท์
• แตะ 3 ครั้ง : เล่นเพลงก่อหน้า
• กดค้าง 1 วินาที : ปฏิเสธการรับสาย
• กดค้าง 3 วินาที : เข้าสู่โหมดการเชื่อมต่อ (Pairng Mode)

ทั้งนี้ ผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนการควบคุมได้ทั้งหมดผ่านแอปพลิเคชั่น Galaxy Wearable ครับ

การตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ (Active Noise Cancellation, ANC)

สำหรับฟีเจอร์การตัดเสียงรบกวนภายนอก เราสามารถเปิดหรือปิดได้ในตั้งค่าผ่านแอปพลิเคชั่น Galaxy Wearable ครับ ซึ่งการทำงานถือว่าทำออกได้เป็นอย่างดี ตัดเสียงรบกวนออกไปได้พอสมควรครับ แต่จะไม่เท่ากับหูฟังที่เป็นแบบ In-Ear ครับ

การฟังเพลง

ในเรื่องของการฟังเพลงต้องบอกว่า Samsung Galaxy Buds Live ทำได้ดี เสียงเพลงมีความดังและคมชัดด้วยลำโพงขนาด 12 มม. ที่ปรับจูนจาก AKG ครับ ส่วนเรื่องเบสก็ยังรู้สึกชัดเจน ให้จังหวะเบสแบบแน่นๆ เลยทีเดียว

หรือใครอยากปรับอีควอไลเซอร์ก็ทำได้เช่นกันครับในแอป Galaxy Wearable ที่มีให้เลือกถึง 6 แบบ ได้แก่ ปกติ, บูสต์เบส, นุ่ม, ไดนามิก, ชัดเจน และบูสต์เทรเบิล

ใช้งานร่วมกับ Bixby ได้อย่างสะดวก

ใครที่ใช้สมาร์ทโฟน Samsung Galaxy อยู่แล้ว เราก็สามารถสั่งการด้วยเสียงผ่าน Samsung Galaxy Buds Live เพื่อคุยกับ Bixby ผู้ช่วยอัจฉริยะได้ทันทีครับ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม-ลดเสียงเพลง, การรับสายโทรศัพท์ หรืออื่นๆ ได้อย่างสะดวก โดยไม่จำเป็นต้องแตะตัวหูฟังเลยครับ

การใช้งานโทรศัพท์

Samsung Galaxy Buds Live นั้นมีไมโครโฟนมาให้เราถึง 3 ตัว เมื่อลองคุยโทรศัพท์ ปลายสายก็ได้ยินเสียงเราชัดเจนครับ ซึ่งตรงจุดนี้ก็ได้ Voice Pickup Unit มาช่วยเปลี่ยนการสั่นระหว่างการพูดให้เป็นสัญญาณเสียงด้วย

โหมดเกมลดความหน่วงได้ดี

ในการเล่นเกม เรื่องความหน่วงหรือ Latency เป็นเรื่องสำคัญมากๆ โดยเราทดสอบกับเกม PUBG Mobile ที่เป็นแนว FPS ถือว่าความหน่วงระหว่างการกดและเสียงแทบจะออกมาพร้อมๆ กันครับ ทั้งนี้ ในแอป Galaxy Wearable ยังมีโหมดเกมให้เราเปิดเพื่อลดความหน่วงลงไปอีกด้วย

แบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่าครึ่งวัน

เรื่องแบตเตอรี่ของ Samsung Galaxy Buds Live ถือว่าใช้งานได้ยาวๆ ครึ่งวัน สูงสุด 6 ชั่วโมงครับ แต่ถ้าเรามีเคสมีที่ชาร์จไว้มาด้วยก็ใช้ได้สูงสุดถึง 21 ชั่วโมง

แต่ถ้าแบตเตอรี่หมด หูฟังรุ่นนี้ก็มีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว ที่ชาร์จเพียง 5 นาที สามารถฟังเพลงต่อได้อีกประมาณ 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว

หรือถ้าใครไม่สะดวกในการชารืจเสียบสาย ก็ยังรองรับการชาร์จไร้สาย และสามารถวางกับ Samsung Galaxy เพื่อชาร์จด้วยเทคโนโลยี Reverse Wireless Charging ได้เช่นกัน

ราคาอย่างเป็นทางการ

สำหรับ Samsung Galaxy Buds Live นั้นวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว ในราคา 6,990 บาท โดยมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Mystic Bronze, Mystic Black และ Mystic White