Smart Review
รีวิว ASUS ROG Phone 3 สมาร์ทโฟนเกมมิ่งที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกคน
ASUS ROG Phone 3 สมาร์ทโฟนเกมมิ่งสำหรับทุกคน มาพร้อมประสิทธิภาพตัวเครื่องแบบจัดเต็ม Snapdragon 865 Plus จอภาพลื่นๆ 144Hz และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6000mAh ใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ไปดูรีวิวกันเลย
สรุปสเปค ASUS ROG Phone 3 (ZS661KS)
- ขนาดตัวเครื่อง 171 x 78 x 9.85 มม.
- น้ำหนัก 240 ก.
- หน้าจอ 6.59 นิ้ว AMOLED (1080 x 2340 พิกเซล) อัตราส่วน 19.5:9 รองรับอัตรารีเฟรช 144Hz และ Touch Sampling 270Hz
- ชิปเซ็ต Snapdragon 865 Plus และ Adreno 650
- แรม 12GB
- ความจุเครื่อง 512GB
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย ROG UI
- กล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลัก 64MP f/1.8, กล้อง Ultra Wide 13MP f/2.4 และกล้อง Macro 5MP f/2.0
- กล้องหน้า 24MP f/2.0
- รองรับ 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.1, NFC
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
- แบตเตอรี่ 6000mAh ชาร์จเร็ว 30W
แกะกล่อง
ROG Phone 3 มาในกล่องสีดำที่มีทรงกระบอกเรขาคณิตลวดลายและโลโก้ของ ROG ที่สื่อถึงความดุดัน โดยอุปกรณ์ที่มีให้ในกล่องประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง ROG Phone 3
- อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 30W
- สายเคเบิล USB Type-C
- ตัวแปลงพอร์ต USB Type-C to 3.5 mm.
- AeroActive Cooler 3
- เคส Aero
- คู่มือใช้งาน
- เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
- ยางสำหรับปิดพอร์ต Type-C เพื่อกันฝุ่น
- ใบรับประกันสินค้า
ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอแสดงผล
ROG Phone 3 มาพร้อมดีไซน์ที่โดดเด่นและดูล้ำสมัย มีรูปลักษณ์ตามหลักอากาศพลศาสตร์ และดูโฉบเฉี่ยว โดยมีโลโก้ ROG ที่ส่องสว่างด้วยไฟออร่าหลากสี ซึ่งฝาหลังเป็นกระจก Gorilla Glass 3 ที่มีความโค้งแบบ 3D ทำให้ดีไซน์ดูสวยหรู และจับใช้งานกระชับมือมากขึ้น
กล้องหลังมี 3 ตัว จัดเรียงกันในแนวนอน โมดูลกล้องนูนขึ้นมาเหนือฝาหลัง ถัดไปข้างๆ มีไฟแฟลช LED และไมโครโฟน
ขอบด้านบนตัวเครื่องที่เห็นรูเล็กๆ คือไมโครโฟน
ขอบด้านล่างมีไมโครโฟน และพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C
ขอบด้านซ้ายมีช่องถาดใส่ซิมการ์ด และขั้วต่อ Side Mount
สำหรับขั้วต่อ Side Mount ตรงนี้สามารถใช้งานร่วมกับ AeroActive Cooler 3 ที่แถมให้ในกล่องสำหรับระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น
AeroActive Cooler 3 มีพอร์ต USB Type-C และช่องเสียงหูฟัง 3.5 mm. ถ้าใครไม่อยากใช้ตัวแปลงหูฟังที่แถมมาในกล่อง ก็สามารถต่อหูฟังจากตรงนี้ได้เช่นกัน
ขอบด้านขวามีปุ่ม Power, ปุ่มปรับระดับเสียง, ไมโครโฟน และเซ็นเซอร์สัมผัส AirTrigger จำนวน 2 จุดบริเวณส่วนบนและส่วนล่างของขอบด้านขวา
เคส Aero ที่แถมมาในกล่อง มีการดีไซน์ให้เข้ากับตัวเครื่อง ROG Phone 3 โดยการมีช่องว่างไม่บดบังโลโก้ ROG ที่มีแสงไฟออร่า และยังคงระบายความร้อนได้ดีเหมือนเดิม
มาดูด้านหน้ากันบ้าง ROG Phone 3 มีหน้าจอขนาด 6.59 นิ้ว AMOLED รองรับอัตรารีเฟรชเรท 144Hz ภาพลื่นไหล ตอบสนองไว และ HDR10+ พร้อม 10 บิต ที่ให้สีสันแม่นยำ คมชัดในทุกมุมมอง
หน้าจอที่มีช่วงไดนามิกที่มีความละเอียดสูงแบบนี้น่าจะถูกใจคนที่ชอบดูหนังบนแพลตฟอร์มชื่อดัง เช่น Netflix เป็นต้น
ความประทับใจอย่างหนึ่งของหน้าจอ ROG Phone 3 คือเป็นหน้าจอที่ไม่มีรอยบากหรือเจาะรูหน้าจอ เพราะบางครั้งพื้นที่ดังกล่าวอาจบดบังช่วงเวลาสำคัญของการเล่นเกมได้
กล้องหน้าติดตั้งอยู่บริเวณมุมขวาบน เป็นกล้องขนาด 24 ล้านพิกเซล และจะมีลำโพงอยู่ที่ขอบด้านบนและด้านล่าง
มุมซ้ายบนจะมีไฟ LED สำหรับแจ้งเตือนสถานะต่างๆ
สำหรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือถูกฝังไว้ใต้หน้าจอ ทำให้แตะสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอได้ทันที
จะเห็นว่าดีไซน์ด้านหน้าดูสะอาดตามากๆ เห็นหน้าจอได้แบบเต็มตา และปกป้องด้วยกระจก Gorilla Glass 6 และ ASUS ROG Phone 3 สมาร์ทโฟนเรือธงที่แตกต่างไปจากเรือธง Android ทั่วไปที่จะดีไซน์ให้ดูสวยงามตามแฟชั่น แต่สำหรับรุ่นนี้มีดีไซน์ที่โดดเด่นสำหรับการเล่นเกม และมาพร้อมอุปกรณ์เสริมเพื่อการใช้งานที่ดียิ่งขึ้นไม่เหมือนใคร
ซอฟต์แวร์และฟังก์ชั่นการใช้งาน
ROG Phone 3 รันระบบปฏิบัติการ Android 10 มาพร้อมกับ ROG UI ซึ่งจะมีหน้าตาอินเตอร์เฟซที่มีความโดดเด่นสวยงาม ซึ่งธีมที่กำหนดมาให้ครั้งแรกให้ความรู้สึกที่ดุดันด้วยภาพพื้นหลังคล้ายเครื่องจักรกลรูปทรงเรขาคณิตและมีอนิเมชั่นการเคลื่อนไหวด้วย
ถ้าใครอยากได้หน้าจอที่ดูสว่างสะอาดตาก็สามารถเลือกปลี่ยนธีมได้ จะได้ความรู้สึกไปอีกหนึ่งอารมณ์คล้ายๆ กับการพักผ่อนหลังจากเมื่อยล้าจากการเล่นเกมเลยก็ว่าได้
ภาพพื้นหลังบนหน้าจอยังเปลี่ยนอัตโนมัติด้วยเมื่อเปิดใช้งาน X Mode จะเปลี่ยนเป็นโทนสีที่ดูมีพลัง ซึ่งสร้างความตื่นเต้นด้วอนิเมชั่นการเคลื่อนไหวระหว่างเปลี่ยนภาพพื้นหลังด้วย
เมื่อปัดหน้าจอขึ้นจะเป็นในส่วนของ App Drawer แสดงรายการแอปพลิเคชั่นทั้งหมดที่ติดตั้งบนเครื่องโทรศัพท์ และเมื่อปัดหน้าจอลงมาจากแถบด้านบนจะเป็นในส่วนของแผง Quick Settings สำหรับเปิด/ปิด เมนูการใช้งานต่างๆ รวมไปถึงดูรายการแจ้งเตือน
หน้าจอ ROG Phone 3 สามารถเลือกปรับอัตรารีเฟรชได้สูงสุด 144Hz หรือจะเลือกปรับอัตโนมัติตามการใช้งานแต่ละประเภทก็ได้เช่นกัน โดยอัตรารีเฟรชหน้าจอจะเปลี่ยนไปตามการตั้งค่าที่กำหนดไว้ในแต่ละเกมใน Armoury Crate ซึ่งอัตรารีเฟรชที่สูงก็จะส่งต่อการใช้พลังงานที่มากขึ้นตามไปด้วย และเลือกรูปแบบสีของระบบได้ระหว่างสว่างและมืด
ROG Phone 3 เป็นหน้าจอ AMOLED สามารถใช้งานฟีเจอร์ Always-on ได้ โดยแสดงเวลาและวันที่ขณะปิดหน้าจอ ทำให้ไม่ต้องกดหน้าจอเพื่อดูเวลาให้ยุ่งยาก และปรับแต่งรูปแบบนาฬิกาที่จะแสดงบนหน้าจอได้
ROG Phone 3 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด และรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 5G
นอกจากนี้แล้วก็สามารถเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi 6, Bluetooth 5.1, NFC และรองรับ Android Auto ใช้แอปพลิเคชั่นในหน้าจอในรถยนต์ที่รองรับได้ด้วย
ตัวการจัดโทรศัพท์ เครื่องมือสำหรับจัดการหน่วยความจำแรมของเครื่องให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพียงแตะปุ่มสแกนเพื่อปรับค่าตามคำแนะนำของระบบได้ หรือจะเลือกตั้งค่าแต่ละส่วนก็ได้เช่นกัน
Game Genie ฟีเจอร์สำหรับเรียกใช้งานและกำหนดลำดับฟังก์ชั่นต่างๆ เพื่อเลือกใช้งานขณะเล่นเกมได้ เช่น แสดงข้อมูลต่างๆ ระบบขณะเล่นเกม การสตรีมสด เป็นต้น
AirTriggers เซ็นเซอร์แบบอัลตราโซนิคที่สามารถปรับแต่งเพื่อทำหน้าที่ต่างๆ เช่น การทำท่าทางสัมผัสเฉพาะเกม และการเปิดแอปพลิเคชั่นเฉพาะ เป็นต้น
ฟีเจอร์ด้านการจัดการพลังงานแบตเตอรี่ PowerMaster ควบคุมและตั้งค่าการใช้พลังงานได้หรือจะแสกนแล้วปรับการตั้งค่าตามคำแนะนำของระบบก็ได้เช่นกัน เพื่อให้แบตเตอรีใช้งานได้ยาวนานที่สุด
ด้านความปลอดภัยมีทั้งระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และปลดล็อคหน้าจอได้ด้วยใบหน้า
ประสิทธิภาพตัวเครื่อง ฟีเจอร์การเล่นเกม และแบตเตอรี่
ROG Phone 3 ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 865 Plus และ GPU Adreno 650 ในขณะที่แรม 12GB เป็นชนิด LPDDR5 และที่เก็บข้อมูลเครื่องขนาด 512GB ก็เป็นชนิด UFS 3.1 โดยผลการทดสอบด้วย AnTuTu 8 สามารถทำคะแนนรวมได้สูงถึง 632,579 คะแนน
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 5 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผล การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ ROG Phone 3 ทำคะแนน Single-Core ได้ 1,015 คะแนน และ ROG Phone 3 ทำได้ 3,375 คะแนน ถือว่าสูงมาก
ROG Phone 3 สามารถดึงประสิทธิภาพการทำงานเครื่องได้สูงสุดด้วย X Mode เป็นโหมดพิเศษสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ เมื่อเปิดโหมด X โหมดนี้ จะปรับปรุงประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์และปิดการทำงานแอปที่ทำงานอยู่เบื้องหลังเพื่อดึงหน่วยความจำมาใช้งาน เพื่อประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีขึ้นอย่างเต็มประสิทธิภาพ
อีกหนึ่งซอฟต์แวร์ที่จะทำให้การเล่นเกมทำได้เต็มประสิทธิมากย่ิงขึ้นคือ Armoury Crate ซึ่งเป็นศูนย์กลางของข้อมูลทั้งหมดและสามารถควบคุมการตั้งค่าในการเล่นเกมแต่ละเกมได้ โดยจะแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่ Games Lobby และ Console
Games Lobby เป็นส่วนสำหรับแสดงรายเกมทั้งหมดที่มีอยู่ในเครื่องในรูปแบบการ์ด ตั้งค่าต่างๆ ให้เหมาะกับแต่ละเกมได้ด้วฟังก์ชั่น Scenario Profiles
Scenario Profiles 3.0 หน้าตาดูสวยงามน่าใช้งานมากขึ้น ใช้สำหรับตั้งค่าโปรไฟล์เพื่อใช้งานกับแต่ละเกมแบบเฉพาะไปเลย ไม่ว่านจะเป็นการสัมผัส การแสดงผล ประสิทธิภาพ เครือข่าย AirTriggers, การจับคู่กับแป้น (Keymapping) และ Macro ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากๆ เพราะแต่ละเกมจะใช้การทำงานของระบบไม่เหมือนกัน
Console เป็นศูนย์ควบคุมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของเกมที่มี เช่น CPU, GPU, Ram usage, Storage used , อุณหภูมิของโทรศัพท์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถเปิด/ปิด X Mode และเปลี่ยนการตั้งค่าสำหรับ Game Genie, AirTriggers ความเร็วของพัดลม และระบบไฟในคอนโซลที่โลโก้ RGB กับเคส Lighitng Armor Case ได้
ภาพแสดงการเปิดใช้งานและตั้งแสงของระบบ สามารถกำหนดเองได้ทั้งหมด หรือจะปิดใช้งานก็ได้เช่นกัน
นอกจากนี้แล้วก็มีส่วนสำหรับแนะนำเกมที่รองรับการเล่นในอัตรตรีเฟรช 144Hz, 120Hz, แอปที่เล่นกับ GamePad, TwinView และรองรับ AirTriggers ได้
ทดสอบเล่นเกม Real Racing 3 จากค่าย EA ซึ่งเป็นเกมแข่งรถสุดยอดกราฟฟิกสมจริง มีการจำลองสนามแข่งและรถจริงทำให้ตัวเกมส์มีความเสมือนจริงน่าเล่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งตัวเกมรองรับ 144fps ด้วย
จากการทดสอบเล่นเกมพบกว่าภาพมีความลื่นไหลมากๆ ไม่มีสะดุดเลยแม้แต่น้อย กราฟิกและภาพสีสันสวยงาม คมชัดมากๆ โดยเฟรมเรตที่ได้จะวิ่งที่นิ่งๆ 144fps จะมีเพียงครั้งสองครั้งเท่านั้นที่วิ่ง 143fps เรียกได้ว่าเฟรมเรตไม่มีตกเลย
Shadowgun Legends เป็นเกม FPS ที่มีกราฟิกภาพสวยมากๆ และรองรับ 144fps ด้วย โดยระหว่างเล่นเกมเราสามารถปัดขอบหน้าจอจากทางด้านซ้ายเพื่อเรียกใช้งาน Game Genie ได้
เฟรมเรตในการเล่นเกม Shadowgun Legends เมื่อเข้าเกมในฉากทำภารกิจ ทำได้นิ่งมากๆ 144fps ไม่มีตกเลย โดยเมื่อไปสักพักประมาณ 30 นาที จะพบว่าเครื่องเริ่มร้อน ดังนั้นแนะนำให้ใช้ AeroActive Cooler 3 เพื่อช่วยระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น
ทดสอบเล่นเกม PUBG Mobile สุดยอดเกมแอ็คชั่นที่พัฒนาด้วย Unreal Engine 4 เป็นเกมที่มีภาพและกราฟิกที่สวยงามมาก ต้องใช้การควบคุมทิศทาง และความแม่นยำในการระบุเป้ายิง ตัวเครื่องรองรับการเล่นกราฟิกในระดับ Ultra HD และเฟรมเรตระดับสูงสุด แต่จะรองรับได้สูงสุดเพียง 40fps เล่นได้นิ่งๆ ไม่ตก
การเล่นบน ROG Phone 3 ก็สามารถเล่นได้อย่างไม่สะดุด ไม่เจออาการกระตุก เฟรมเรตนิ่งๆ ที่ 40fps แม้จะเป็นฉากขับรถก็ยังให้ภาพที่ลื่นไหลนุ่มนวล ซึ่งก็ต้องบอกว่าความลื่นไหลตลอดการเล่นเกมถือเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ช่วยให้โอกาสในการชนะเกมมีมากขึ้นด้วยนั่นเอง
ทดสอบเกม ROV ซึ่งตัวเกมรองรับได้สูงสุด 60fps เฟรมเรตนั้นนิ่งมากๆ ไม่มีอาการเฟรมเรตตกหรือเหวี่ยงเลย โดยจะวิ่งอยู่ที่ 60-61 fps ตลอดการเล่นเกม ซึ่งบางช่วงจังหวะก็วิ่งทะลุไปถึง 62 fps
แม้แต่ฉากเข้าร่วมทีมไฟต์ ซึ่งตัวเครื่องต้องใช้การประมวลผลค่อนข้างสูงเพื่อให้แสดงกราฟิกภาพต่างๆ อย่างครบถ้วน พบว่าเฟรมเรตก็ยังนิ่งไม่มีตกหรือสวิงเลยแม้แต่น้อย นิ่งๆ ที่ 60-61 fps ทำให้ภาพเกมดูลื่นไหล หมดปัญหาภาพกระโดดหรือกระตุกในช่วงเวลาสำคัญ
TwinView Dock 3 อุปกรณ์เสริมที่จะมาช่วยให้การเล่นเกมทำได้เต็มที่และถนัดมือมากขึ้น ซึ่งอุปกรณ์ชิ้นนี้ได้มีการอัปเกรดใหม่ให้ทำงานได้รวดเร็วมากขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นที่ 2 โดยมาพร้อมหน้าจอขนาด 6.6 นิ้ว อัตรารีเฟรช 144Hz เพื่อให้ทำงานร่วมกับกับ ROG Phone 3 ได้ดีที่สุดนั่นเอง
การเล่นเกมด้วย TwinView Dock 3 นอกจากความคล่องตัวและจับถนัดมือมากขึ้นแล้ว ยังช่วยให้การเล่นเกมทำได้นานอีกด้วย เพราะเจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้ช่วยกระจายน้ำหนักได้เป็นอย่างดี เล่นต่อเนื่องได้นานขึ้น รู้สึกเมื่อยมือน้อยลง และมีแบตเตอรี่ในตัว 5000mAh
ROG Clip ตัวยึดสมาร์ทโฟนแบบปรับได้ ซึ่งจริงๆ ตัวนี้รองรับสมาร์ทโฟนทุกรุ่นที่มีความกว้างระหว่าง 69 – 80 มม. และสามารถเชื่อมต่อกับคอนโทรลเลอร์ยอดนิยม เช่น XBOX, PlayStation DualShock และ Google Stadia โดยมีสายเคเบิลแบบ microUSB และ Type-C เพื่อใช้เชื่อมต่อระหว่างคอนโทรลเลอร์กับสมาร์ทโฟน
นอกจากนี้แล้วก็มีฟิล์มกระจก 9H ขอบโค้ง 2.5D สำหรับติดหน้าจอ ROG Phone 3
แบตเตอรี่ขนาด 6000mAh จากการทดสอบใช้งานทั่วไป และเล่นเกมราว 2-3 ชั่วโมง พบกว่าแบตเตอรี่อยู่ได้ประมาณครึ่งวัน แต่ถ้าไม่เล่นเกมเลยอยู่ได้ทั้งวัน ไม่หมดระหว่างวันแน่นอน
นอกจากนี้แล้วยังรองรับชาร์จเร็ว 30W Hyper Charging ทดลองชาร์จเริ่มจาก 34% ผ่านไป 25 นาที ได้แบตเตอรี่ 66% ถือว่าเร็วดี หยิบไปใช้งานต่อได้ทันที ไม่ต้องรอนาน
กล้องถ่ายรูป
ROG Phone 3 มี 3 กล้องหลัง โดยความละเอียดกล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ IMX686 รูรับแสงกว้าง f/1.8 ในขณะที่กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มุมกว้าง 125 องศา f/2.4 และกล้อง Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/2.0
Auto Mode
Ultra Wide Mode
Night Mode
Portrait Mode
โหมดการถ่ายรูปให้มาครบ ไม่ว่าจะเป็นโหมดปกติ มุมกว้างพิเศษ ถ่ายภาพบุคคล ถ่ายกลางคืน และมาโคร ซึ่งระบบโฟกัสถือว่าทำได้รวดเร็วมากๆ โดยในโหมด 64MP จะต้องถือกล้องนิ่งๆ ไว้สักพักหลังกดชัตเตอร์ เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดมากยิ่งขึ้น
Pro Mode
สำหรับโหมดโปร ซึ่งผู้ใช้งานสามารถกำหนดค่าต่างๆ ของกล้องได้เอง มาพร้อมเส้นที่ใช้เป็นมาตรวัดระดับให้ตรง ตั้งค่า ISO ได้ตั้งแต่ 25 ถึง 3200 และลากชัตเตอร์ได้ตั้งแต่ 1/60 ไปจนถึง 32 วินาที ซึ่งเท่าที่ลองถ่ายแสงไฟรถวิ่งโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้อง ก็ถือว่าทำได้ดีทีเดียว ภาพสั่นน้อยมากๆ นอกจากนี้แล้วฟีเจอร์ด้านการถ่ายวิดีโอรองรับความละเอียดสูงสุด 8K และถ่ายวิดีโอ 4K HDR ได้
สำหรับกล้องหน้าเซลฟี่ 24 ล้านพิกเซล จะเลือกเปิดโหมดบิวตี้ได้เฉพาะการถ่ายที่ความละเอียด 6 ล้านพิกเซล 4:3 และมีโหมดถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังละลาย
สรุปจุดเด่น
- ROG Phone 3 เป็นสมาร์ทโฟนเกมมิ่งเรือธงที่ออกแบบได้โดดเด่น
- หน้าจอใหญ่ AMOLED สีสันคมชัด และใช้งานได้ลื่นไหลด้วยอัตรารีเฟรช 144Hz
- สเปคจัดเต็ม Snapdragon 865+ มาพร้อมแรม LPDDR5 และที่เก็บตัวเครื่อง UFS 3.1
- เซ็นเซอร์ตัวเครื่องและอุปกรณ์เสริมต่างๆ ตอบโจทย์การเล่นเกมได้เป็นอย่างดี
- กล้องถ่ายรูปให้มาครบสำหรับการถ่ายรูปในสถานการณ์ต่างๆ และถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 8K
- แบตเตอรี่ 6000mAh ใช้งานทั่วไปได้ทั้งวัน และเล่นเกมต่อเนื่องได้หลายชั่วโมง อีกทั้งรองรับชาร์จเร็ว 30W
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ไม่กันน้ำ
- ไม่มีช่องใส่ microSD Card
ราคา
- ROG Phone 3 (12 GB/512 GB) วางจำหน่ายในราคา 32,990 บาท และ ROG Phone 3 Strix Edition (8 GB/256 GB) ราคา 24,990 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2563 เป็นต้นไป พร้อมอุปกรณ์เสริม TwinView Dock 3 (ราคา 7,990 บาท)
- ROG Phone 3 Lighting Armor case (ราคา 1,990 บาท) และ ROG Clip (ราคา 1,990 บาท) ขณะที่ ROG Kunai 3 Gamepad (ราคา 3,990 บาท) จะพร้อมวางจำหน่ายในช่วงเดือน พ.ย. 2563
รายเอียดช่องทางวางจำหน่ายคลิก https://bit.ly/3mNBstS