Connect with us

Smart Review

รีวิว OPPO Reno4 Pro 5G สมาร์ทโฟนสู่ยุค 5G ถ่ายวิดีโอขั้นสุด ครบทุกฟีเจอร์ พร้อมดีไซน์สุดสะดุดตา

Published

on

หากใครที่เน้นการถ่ายวิดีโอหรือชอบถ่าย Vlog เป็นหลัก เราต้องบอกเลยว่ารุ่นที่เรากำลังจะรีวิวอย่าง OPPO Reno4 Pro 5G นั้นถือเป็นหนึ่งในรุ่นที่สุดยอดในเรื่องการถ่ายวิดีโอ เพราะมีฟีเจอร์ต่างๆ มาให้เราเล่นกันเพียบครับ รวมถึงการถ่ายภาพนิ่งทำได้ไม่แพ้กันด้วย ทั้งนี้ ทั้งดีไซน์และสเปคก็ยังทำได้ยอดเยี่ยมสมกับเป็น OPPO ขนานแท้เลยทีเดียว

 

สรุปสเปค OPPO Reno4 Pro 5G

  • ขนาดตัวเครื่อง : 159.6 x 72.5 x 7.6 มม.
  • น้ำหนัก : 172 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล 90Hz 3D Curved Screen ชนิด AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) อัตราส่วน 20:9, รองรับ Refresh Rate 90Hz, HDR10+ และครอบทับด้วย Corning Gorilla Glass 5
  • หน่วยประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 765G Octa Core ความเร็ว 2.4GHz
  • GPU : Adreno 620
  • RAM : 12GB LPDDR4x
  • ROM : 256GB UFS 2.1
  • กล้องถ่ายรูปหลัง 3 เลนส์แบบ Ultra-Clear แบ่งเป็น
    • เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7 เซ็นเซอร์ Sony IMX586 รองรับระบบกันสั่นไหว OIS
    • เลนส์ Ultra Wide Angle มุมกว้าง 120 องศา ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 เซ็นเซอร์ Sony IMX708
    • เลนส์ Telephoto ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • กล้องหน้าเลนส์หลักความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย ColorOS 7.2
  • รองรับการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G Dual-mode
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.1 และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 4000mAh รองรับ 65W SuperVOOC 2.0

 

แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล

ตัวกล่องของ OPPO Reno4 Pro 5G มาในสไตล์ของ RENO รุ่นหลังๆ ที่มีการเล่นแสงและเงาคำว่า RENO เป็นแนวนอน พร้อมด้วยชื่อรุ่นตรงกลาง และมีคำว่า 5G ที่มุมขวาล่างด้วย

อุปกรณ์ภายในกล่องมีดังนี้

  • ตัวเครื่อง OPPO Reno4 Pro 5G พร้อมติดฟิล์มกันรอย
  • อะแดปเตอร์ 65W SuperVOOC 2.0
  • สาย USB Type-C
  • หูฟัง
  • เคสใส
  • อุปกรณ์เปิดถาดซิม
  • คู่มือการใช้งานเบื้องต้น

 

ดีไซน์สะดุดตาแบบ Reno Glow

Reno Glow คือคำนิยามใหม่ของดีไซน์ที่ใช้ใน OPPO Reno4 Pro 5G โดยมีความโดดเด่นชัดเจนในการออกแบบฝาหลังที่นอกจากจะมีการเล่นเฉดสีน้ำเงิน Galactic Blue แล้ว ก็ยังมีการใช้เทคนิคใหม่ในการผลิต คือ เจียระไนเพชร ช่วยให้ป้องกันรอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดีและยังให้ความรู้สึกเหมือนกับกระจก หรือ AG Glass อีกด้วย

 

เมื่อมองลึกลงไปแล้ว สีที่เราได้อย่าง Galactic Blue จะมีการออกแบบที่เหมือนกับโรยกลิตเตอร์ลงไปทั้งฝาหลัง ทำให้ดูมีมิติมากขึ้น ทั้งยังมีตัวอักษรที่มีความนูนเล็กน้อยว่า “Reno Glow” ช่วยให้ความสวยงามนั้นเพิ่มอย่างไม่มีที่ติ

 

ทั้งนี้ OPPO ยังใส่ใจเรื่องการจับถือของผู้ใช้งานเช่นกันครับ โดยตัวเครื่องมีความหนาเพียง 7.6 มิลลิเมตร และเบาเพียง172 กรัมเท่านั้น ทำให้รู้สึกจับถือได้สบาย ไม่รู้สึกหนักจนเกินไปด้วย

 

หน้าจอโค้ง 90Hz 3D Curved Screen

OPPO Reno4 Pro 5G มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลที่มีความโค้งแบบ 3 มิติ 90Hz 3D Curved Screen โดยความสวยงามต่างๆ ต้องบอกเลยว่าสวยงาม สมกับเป็นหน้าจอ AMOLED ทั้งยังรองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ ด้วย ใครที่มาสายภาพยนตร์จะต้องชอบแน่นอน

 

หน้าจอของ OPPO Reno4 Pro 5G ยังมีความกว้างถึง 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตราส่วน 20:9 และครอบทับด้วย Corning Gorilla Glass 5

 

เหนือหน้าจอแสดงผลของรุ่นนี้มาพร้อมกับลำโพงสเตอริโอและเป็นลำโพงในการสนทนาเช่นกัน และที่มุมซ้ายจะมีกล้องหน้าฝังในหน้าจอความละเอียดสูง 32 ล้านพิกเซล

 

ทางซ้ายจะมีเพียงปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ส่วนปุ่ม Power จะอยู่ทางฝั่งขวา

 

ด้านล่างของตัวเครื่องมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ช่องแบบพลิกหน้า-หลัง ถัดไปเป็นไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวที่ 1

 

ส่วนด้านบนมีไมโครโฟนตัวที่ 2

 

สุดท้ายที่ด้านหลังมีกล้องหลัง 3 เลนส์ พร้อมด้วยไฟแฟลช LED ที่ซ้ายบน และ Laser Focus ที่ขวาล่าง

 

ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน

ระบบปฎิบัติการ

OPPO Reno4 Pro 5G รันบนระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่ครอบทับด้วย ColorOS 7.2 ที่มีการปรับปรุงเรื่องประสิทธิภาพต่างๆ ทั้งการเปิดแอปพลิเคชั่นให้เร็วขึ้น รวมถึงการจัดการเบื้องหลังให้ดีขึ้นด้วย

 

สู่ยุค 5G ใช้งานได้เร็วแรง และรองรับแบบ Dual-Mode

OPPO Reno4 Pro 5G รองรับการใช้งานเครือข่าย 5G ได้ทันทีอย่างเสถียร รองรับแบบ Dual-Mode (SA/NSA) ซึ่งการใช้งานและการรับสัญญาณทำได้เป็นอย่างดีเพราะเทคโนโลยีเสาอากาศอัจฉริยะ 2.0 ที่อยู่รอบเครื่อง 360 องศา

 

หน้าตา UI : ColorOS 7.2

 

แสดงผล Always-on Display

OPPO Reno4 Pro 5G รองรับการใช้งานฟีเจอร์ Always-on Display จากการที่เป็นหนาจอ AMOLED ครับ โดยสามารถข้อมูลเบื้องต้นของระบบได้ที่หน้าจอล็อคทันที เช่น เวลา, วันที่, ความจุแบตเตอรี่คงเหลือ และการแจ้งเตือนต่างๆ

 

ทั้งนี้ เรายังเปลี่ยนรูปแบบของการแสดงผลของ Always-on Display ได้ตามใจชอบเลยครับ

 

ถนอมสายตาตัดแสงสีฟ้า

ในรุ่นนี้ก็รองรับโหมดการตัดแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตาที่มีการตัดแสงสีฟ้าออกไปเยอะพอสมควร ทีสำคัญ OPPO Reno4 Pro 5G ยังผ่านการรับรองจาก Rheinland TÜV ที่สามารถกรองแสงได้มากกว่า 58% ทำให้การใช้งานในที่แสงน้อยจะไม่ทำร้ายดวงตาจนเกินไปครับ

 

นอกจากนี้ก็ยังรองรับโหมดกลางคืนที่เป็นการตัดแสงพื้นหลังจากสีขาวเป็นสีดำทั้งหมดครับ นอกจากจะช่วยให้สบายตาแล้ว ยังทำให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้นอีกด้วย

 

ระบบความปลอดภัย

OPPO Reno4 Pro 5G รองรับการใช้งานการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอได้ทันที การใช้งานปกติทำงานได้รวดเร็วและเสถียรมากๆ ครับ

 

ทั้งนี้ ยังใช้งานการสแกนใบหน้าได้ด้วยเช่นกัน

 

ลำโพงสเตอริโอคู่ พร้อมระบบ Dolby Atmos

ใครที่เป็นการภาพยนตร์หรือเล่นเกม จะต้องชอบแน่นอนครับ เพราะรองรับระบบเสียง Dolby Atmos ที่เป็นลำโพงสเตอริโอคู่ เสียงดังกระหึ่ม ทั้งยังแยกช่องเสียงซ้ายและขวาได้อย่างชัดเจน

 

ใช้งานมือเดียวสะดวกด้วยท่าทางไอคอนดึงลง

Icon Pull-Down Gesture หรือท่าทางไอคอนดึงลงทำให้เราใช้งานได้อย่างสะดวกระหว่างการใช้งานมือเดียวครับ ซึ่งจะเป็นการย่อไอคอนในหน้าหลักเพียงแค่ใช้นิ้วโป้งลากขึ้นที่ข้างหน้าจอ ก็ทำให้เราคลิกแอปที่อยู่ด้านบนๆ ได้โดยไม่ต้องเอื้อมให้เสียเวลา

 

ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่

OPPO Reno4 Pro 5G ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 765G ที่ถือเป็นตัวท็อปสุดของชิประดับกลาง แน่นอนว่าการใช้งานทั้งเล่นโซเชียลหรือเล่นเกมทำได้แทบไม่ต่างจากเรือธงครับ

 

สำหรับผลการทดสอบทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมตั้งแต่หน่วยประมวลผล, การ์ดจอ และหน่วยความจำด้วยโปรแกรม AnTuTu Benchmark ทำไปได้ 310,535 คะแนน

 

ส่วนผลการทดสอบด้วยโปรแกรม Geekbench 5 ทำคะแนนฝั่ง Single-Core ไปที่ 551 และคะแนน Multi-Core ที่ 1,752

 

ฟีเจอร์และทดสอบด้านการเล่นเกม

Game Space ยังคงเป็นตัวช่วยในการเล่นเกมในรุ่นนี้ครับ โดยสามารถปิดกั้นการแจ้งเตือนต่างๆ, ล็อคความสว่าง หรือปรับเป็นโหมดแข่งขัน เพื่อทำให้ทุกช่วงการเล่นไม่มีอะไรมาขัดจังหวะ

 

ทดสอบการเล่นเกม

ROV

สำหรับเกม ROV ก็สามารถเปิดกราฟิกและเฟรมเรทได้ในระดับสูงครับ (ยกเว้นการแสดงผลที่ปรับในระดับสูง) ซึ่งภายในเกม 5 VS 5 ทำได้ไหลลื่นมาก เฟรมเรทแบบมานิ่งๆ ไม่มีดรอปตลอดทั้งเกมครับ

 

Call of Duty: Mobile

ส่วนเกม Call of Duty: Mobile เราได้เปิดกราฟิกในระดับ High และเฟรมเรท Max แต่หากใครอยากได้ภาพสวยๆ จะสามารถปรับกราฟิกในระดับ Very High แต่เฟรมเรทจะปรับได้สูงสุดแค่ Very High เช่นกันครับ โดยสามารถเล่นได้แบบสบายๆ และช่วงของการกดปุ่มต่างๆ ก็ตอบสนองได้รวดเร็วมาก

 

Genshin Impact

สำหรับเกมใหม่มาแรงอย่าง Genshin Impact ก็สามารถเล่นได้แบบไม่มีปัญหาครับ ใครที่เริ่มเล่นเกมนี้ใหม่ๆ ต้องห้ามพลาดเลย!

 

แบตอึดชาร์จไวขั้นสุด 65W SuperVOOC 2.0

เรื่องของแบตเตอรี่ถือเป็นตัวชูโรงของ OPPO อยู่แล้ว ซึ่งใน OPPO Reno4 Pro 5G ก็จัดมาให้ 4000mAh ใช้งานได้นานตลอดวันถ้าใครไม่ได้เล่นเกมครับ แต่ใครที่เล่นเกมก็ไม่ต้องห่วงว่าเมื่อแบตหมดแล้วต้องชาร์จนานครับ เพราะรุ่นนี้รองรับ 65W SuperVOOC 2.0 โดยเราทดสอบตอนเหลือ 13% นั้นชาร์จเต็ม 100% ในเวลาไปประมาณ 35 นาทีเท่านั้นครับ

 

นอกจากนี้หากใครที่อยู่ในช่วงฉุกเฉิน ไม่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้และแบตกำลังจะหมด ก็สามารถเปิดโหมดประหยัดพลังงานขั้นสูง (Super Power Saving Mode) ที่จะลดความเร็วของ CPU ลง, ปรับแสงหน้าจอ และเหลือแอปให้เราเลือกใช้งานเพียง 6 แอปตามความจำเป็นครับ โดยทดสอบการใช้แอป WhatsApp ใช้ได้นานถึง 60 นาทีจากแบตที่เหลือ 5%

 

กล้องถ่ายรูป

ความสามารถที่ขาดไปไม่ได้เลยคือฟีเจอร์ของกล้อง OPPO Reno4 Pro 5G ที่จัดเต็มทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ ช่วยให้เราสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างอิสระและจบในเครื่องเลยทีเดียว โดยด้านหลังมีกล้อง 3 เลนส์ Ultra-Clear พร้อมด้วย LDAF เป็นเลเซอร์จับภาพโฟกัสที่เหนือชั้นกว่า ขณะที่กล้องหน้าก็คมชัดสูงถึง 32 ล้านพิกเซล

 

เลนส์หลัก Ultra-Clear ถ่าย Extra HD สูงสุด 108 ล้านพิกเซล

แม้ว่าจะเลนส์หลักของ OPPO Reno4 Pro 5G จะมีความละเอียด 48 ล้านพิกเซล แต่ก็สามารถถ่ายภาพ 108 ล้านพิกเซลได้จากการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในเรื่องการขยายขอบเขตพิกเซลออกไป ทำให้เราได้ภาพที่คมชัด และเห็นรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างชัดเจน

 

AI อัจฉริยะ ถ่ายได้สวย โฟกัสได้ไว

จากที่บอดไปข้างต้นว่ารุ่นนี้มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ LDAF ช่วยในเรื่องของการโฟกัสให้ไวขึ้น ซึ่งทำให้ภาพที่ถ่ายออกมามีความคมชัดและไม่สั่นไหวครับ ทั้งนี้ สีสันต่างๆ ยังเก็บได้ตรงตามจริงและมีการเพิ่มความสดใสเข้าไปเช่นกัน

 

มุมกว้างเก็บได้ครบด้วยเลนส์ Ultra-Wide Angle

ในเลนส์ Ultra-Wide Angle ก็ให้เราเก็บบรรยากาศได้กว้างสุดถึง 120 องศา มั่นใจได้เลยว่าภาพตรงหน้าจะได้ออกมาครบทุกองค์ประกอบโดยไม่จำเป็นต้องถอยไปไกลๆ นอกจากนี้ เมื่อมีการถ่ายเป็นภาพบุคคลก็สามารถการแก้ไขความโค้งของภาพถ่ายไม่ได้เบี้ยวจนเกินไป โดยมุมมองของภาพจะอยู่ที่ 109 องศา


เลนส์หลัก / เลนส์ Ultra-Wide Angle

 

Portrait ได้คมชัด พร้อมใบหน้าสวยอย่างเป็นธรรมชาติ

ฟีเจอร์การภาพบุคคลหรือ Portrait นั้นเป็นจุดชูโรงของ OPPO ทุกรุ่นรวมถึงรุ่นนี้ครับ โดย OPPO Reno4 Pro 5G มีอัลกอริธึม “Face Repair” เป็นครั้งแรกที่จะให้ใบหน้าคมชัดสูง ไม่มืด และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด แถมการเบลอฉากหลังก็ทำได้แม่นยำสุดๆ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นฟีเจอร์ที่รองรับทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเลยด้วย

กล้องหลัง

 

กล้องหน้า

 

Ultra Night Mode ถ่ายกลางคืนคมชัดขั้นสูง

ในการถ่ายภาพกลางคืนด้วยโหมด Ultra Night Mode ทาง OPPO Reno4 Pro 5G ก็ให้ภาพที่มีความสว่างและคมชัดมากขึ้น มีการจัดการ Noise ให้น้อยลงจากเดิม และรายละเอียดในภาพก็ดูสมจริงมากๆ


โหมดปกติ / Ultra Night Mode

 

กล้องหน้าจัดเต็มคมชัดสูง 32 ล้านพิกเซล

นอกจากที่กล้องหน้าจะถ่ายแบบภาพบุคคลเบลอฉากหลังได้แล้ว ในการถ่ายโหมดปกติก็ทำได้ดีมากๆ หากใครที่ต้องการให้เห็นบรรยากาศด้านหลัง ก็จะได้ภาพที่คมชัดสุดๆ และเรื่องสีสันก็จัดมาให้แบบสดใสหมดห่วงเลยครับ

 

เซลฟี่แบบ Night Mode ที่แสงน้อยไม่ต้องกลัว

ใครที่เป็นสายเซลฟี่แล้วเจอสภาวะที่แสงน้อยก็ไม่ต้องกลัว เพราะ OPPO Reno4 Pro 5G สามารถเปิดเซลฟี่โหมดกลางคืนพร้อมการปรับใบหน้าสวย (Face Beautification) ไปด้วย เรียกว่าจัดมาให้ถูกใจสาวๆ แน่นอน


โหมดปกติ / เซลฟี่ Night Mode

 

ถ่ายวิดีโอได้อีกขั้นของสมาร์ทโฟน

นอกจาก OPPO Reno4 Pro 5G จะถ่ายภาพนิ่งได้งามๆ แล้ว การถ่ายวิดีโอก็จัดเต็มเช่นกัน โดยชูโรงด้วยระบบกันสั่นไหวทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง พร้อมแอปพลิเคชั่น Soloop ที่ทำให้เราจบทุกอย่างได้ในครั้งเดียว

ถ่ายกลางคืนด้วย Ultra Night Wide-angle Video Lens

OPPO Reno4 Pro 5G มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ Sony IMX708 ขนาด 1/2.43″ ในเลนส์ Ultra-Wide Angle พร้อมค่า ISO ที่สูงขึ้น ทำให้เราถ่ายวิดีโอในอัตราส่วน 16:9 ได้อย่างสวยงามได้ในที่แสงน้อย แถมยังได้มุมมองที่กว้างอีกต่างหาก

 

กันสั่นไหวขั้นสุดด้วย Ultra Steady Video 3.0

ในเลนส์ Ultra-Wide Angle มาพร้อมกับระบบกันสั่นไหวที่ทำได้อย่างเสถียรกว่าเดิมมากทั้งการเดินหรือการวิ่ง โดยวิดีโอที่ได้ยังคงมีความนิ่ง ไม่ส่ายไปมา ใครที่ชอบถ่ายช่วงที่เดินทางจะต้องหลงรักกับฟีเจอร์นี้แน่นอน

 

ขณะที่เลนส์หลักก็ได้ใช้เทคโนโลยี OIS ผสานกับ EIS ช่วยให้การถ่ายวิดีโอนั้นไม่สั่นไหวจนเกินไปครับ

 

ย้อนแสงได้ด้วย Live HDR

สำหรับวิดีโอที่สวยงาม บางครั้งอาจจะต้องให้เห็นแสงอาทิตย์กันบ้างแต่ก็อาจจะย้อนแสงจนท้องฟ้าฟุ้งเป็นสีขาว ดังนั้นรุ่นนี้ก็มีฟีเจอร์ Live HDR มาช่วยเก็บท้องฟ้าที่ย้อนแสงได้ชัดและถือว่าดีมากเลยเดียว ทำให้เราได้สร้างสรรค์วิดีโอได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น

 

โหมดภาพยนตร์ Cinematic

สำหรับโหมด Cinematic ทำให้เราถ่ายวิดีโอได้เหมือนกับภาพยนตร์ในอัตราส่วน 21:9 ทั้งยังสามารถปรับค่าต่างๆ ได้อิสระ เช่น ISO, ออโต้โฟกัส, ไวท์บาลานซ์, ความเร็วชัตเตอร์ และการชดเชยแสง

 

กล้องหน้ากันสั่นไหว Ultra Steady Video Algorithm

ไม่ใช่แค่กล้องหลังเท่านั้นครับ เพราะกล้องหน้า 32MP ของ OPPO Reno4 Pro 5G ยังมีระกันสั่นไหวมาให้เช่นกัน ทำให้เราถ่ายวิดีโอเซลฟี่ไปได้อย่างงดงาม ทั้งยังสามารถเบลอฉากหลังและปรับใบหน้าสวยได้อีกด้วย

 

แอปพลิเคชั่น Soloop

สำหรับ Soloop นั้นมีติดเครื่องมาให้ตั้งแต่แกะกล่องครับ ทำให้เราไม่จำเป็นต้องนำวิดีโอไปตัดต่อใน PC ให้เสียเวลา โดยทุกอย่างทั้งเพลง, ฟิลเตอร์ และการตัดแต่งต่างๆ จะเป็น AI มาช่วยทั้งหมดครับ แต่เราก็สามารถปรับเองได้ตามใจชอบเหมือนกัน ซึ่งคลิปข้างต้นก็มาจากการใช้ Soloop ด้วย

 

จุดเด่น

  • กล้องหลัง 4 เลนส์จัดเต็ม 48 ล้านพิกเซล ครบทุกฟีเจอร์ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ
  • กล้องหน้าคมชัดสูงสุด 32 ล้านพิกเซล ใบหน้าสวยงามอย่างธรรมชาติ
  • รองรับ 5G พร้อมใช้งานทันทีตั้งแต่แกะกล่อง
  • ดีไซน์สะดุดตาแบบ Reno Glow
  • CPU Qualcomm Snapdragon 765G ใช้งานได้เร็วแรง ไม่มีสะดุด
  • แบตเตอรี่อึด 4000mAh รองรับชาร์จเร็ว 65W SuperVOOC 2.0

จุดสังเกต

  • ตัวเครื่องไม่กันน้ำ

OPPO Reno4 Pro 5G มีราคาอยู่ที่ 24,990 บาท โดยเริ่มวางจำหน่ายแล้ววันนี้

Android News7 ชั่วโมง ago

เช็คกัน !! OPPO เผยตารางอัปเดต ColorOS 15 บน Android 15 ทั่วโลก

ในวันนี้ OPPO ได้เปิ...

Apple News7 ชั่วโมง ago

อย่างสวย ! YouTuber โชว์ดีไซน์ iPhone 17 Air กล้องหลัง 1 เลนส์ พร้อมจอ Dynamic Island

เราได้ยินมาแค่ข่าวลื...

HUAWEI IdeaHub HUAWEI IdeaHub
IT News8 ชั่วโมง ago

หัวเว่ยเผยโฉม IdeaHub รุ่นเรือธงพร้อมอัดโปรเด็ดหนุนผู้นำจออัจฉริยะเพื่อออฟฟิศยุคใหม่

หัวเว่ยเปิดตัว IdeaH...

Smart Review10 ชั่วโมง ago

รีวิว ASUS Vivobook S 14 OLED (S5406) โน้ตบุ๊คดีไซน์มินิมอล l Intel Core Ultra 7 258V l ใช้นานสุด 27 ชม. และคีย์บอร์ดมีไฟ RGB !

รีวิว ASUS Vivobook ...

Android News12 ชั่วโมง ago

มาอีก ! หลุดสเปค vivo X200S จัดเต็มด้วยชิป Dimensity 9400 Plus และรองรับสแกนลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic

เมื่อเดือนที่ผ่านมา ...

IT News12 ชั่วโมง ago

Facebook Messenger เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ผสานรวมกับ Siri, ข้อความเสียงและวิดีโอ และอื่นๆ เพียบ

ในวันนี้ Meta ได้ทำก...

Android News13 ชั่วโมง ago

น่าสนนะ ! หลุดสเปคแท็บเล็ต OnePlus Pad Pro โมเดลใหม่ เตรียมใช้หน้าจอ 13″ คมชัดระดับ 3K

OnePlus Pad Pro เคยเ...

Android News13 ชั่วโมง ago

ลือ…Galaxy S25 Ultra มีต้นทุนสูงกว่า S24 Ultra ถึง $110 อาจทำให้ราคาเปิดตัวสูงขึ้นอีกในปีหน้า!?

ลือกันต่อกับ Galaxy ...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก