IT News
ทำอย่างไร? ให้ยังฟิตแอนด์เฟิร์มในหน้าร้อนนี้
ความสนุกเล็กๆ ของผู้ใช้งาน Apple Watch คือการพยายามปิดวงแหวนให้ครบทั้ง 3 วงทุกวัน แต่ในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ หลายคนอาจจะรู้สึกอ่อนล้าหรือไม่อยากขยับตัวเท่าไหร่ ทำให้อาจจะไม่ได้ดูแลสุขภาพเท่าที่ควร วันนี้เรารวบรวมข้อมูลสำคัญที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้งาน Apple Watch ให้ยังคงรักษาความฟิตแอนด์เฟิร์ม และสามารถปิดวงแหวนกิจกรรมให้ครบทุกวันได้เหมือนเดิมในช่วงหน้าร้อนนี้มาฝาก
ดื่มน้ำให้เพียงพอ พยายามจิบน้ำให้บ่อย ทุก 15-30 นาที ขณะออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายมีน้ำเพียงพอและไม่ร้อนจนเกินไป แต่ต้องระวังไม่ควรดื่มรวดเดียวเนื่องจากจะทำให้เกิดอาการจุกได้ ควรพกกระติกน้ำติดตัวและฝึกให้เป็นนิสัย โดยคุณสามารถดาวน์โหลดแอปสำหรับช่วยเตือนให้ดื่มน้ำจาก App Store ได้ หรือทุกครั้งที่ Apple Watch เตือนให้ลุกขึ้นยืน นอกจากการลุกขึ้นขยับตัวสั้นๆ ก็อย่าลืมแวะจิบน้ำสักหน่อย
ทำกิจกรรมในร่มหรือในพื้นที่ที่อากาศถ่ายเทควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังท่ามกลางแดดร้อนหรือในพื้นที่ที่อุดอู้เพราะจะทำให้ร่างกายของคุณอ่อนเพลียได้ง่ายกว่าปกติ ช่วงหน้าร้อนควรเปลี่ยนไปออกกำลังในร่ม อาทิ แบดมินตัน โยคะ วิ่งหรือปั่นจักรยานในที่ร่มแทน นอกจากนี้เสื้อผ้าก็เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญ จึงควรเลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย และระบายอากาศได้ดี
ทำกิจกรรมทางน้ำสายแอคทีฟหลายๆ คนคงเลือกทำกิจกรรมทางน้ำเพื่อเป็นการดับร้อนแถมยังได้เคลื่อนไหวร่างกายไปพร้อมกัน บน Apple Watch สามารถเก็บข้อมูลการออกกำลังกายทางน้ำได้หลายประเภท อาทิ ว่ายน้ำ เล่นเซิร์ฟบอร์ด หรือ พายเรือ เพียงเข้าไปที่แอป Workout และกด Add Workout ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่
หมั่นตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจการวัดอัตราการเต้นของหัวใจเป็นวิธีการที่สำคัญในการตรวจสอบสภาพร่างกายของคุณ คุณสามารถตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจระหว่างออกกำลังกาย ดูอัตราการพัก การเดิน การหายใจ การออกกำลังกาย และการฟื้นตัว ได้ตลอดทั้งวัน หรือวัดค่าใหม่เมื่อใดก็ได้ด้วย Apple Watch และ Apple Watch สามารถแจ้งเตือนคุณได้ว่าอัตราการเต้นของหัวใจของคุณมากกว่าเกณฑ์ที่เลือกหรือน้อยกว่าเกณฑ์ที่เลือก และแจ้งเตือนเมื่อพบจังหวะการเต้นของหัวใจที่ไม่สม่ำเสมอ นอกจากนั้น Apple Watch (ที่ใช้ watchOS 7.2 ขึ้นไป) สามารถประมาณระดับคาร์ดิโอฟิตเนสของคุณได้โดยดูจากอัตราการเต้นของหัวใจของคุณในระหว่างที่เดินหรือวิ่งกลางแจ้งแล้วแจ้งเตือนคุณหากค่าดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่
แอปแนะนำสำหรับหน้าร้อน
1. Ride with GPS นำทางปั่นสู่ทุกเป้าหมายที่ใจต้องการ (ฟรี)ข้อดีของอากาศช่วงนี้คือการออกไปปั่นจักรยานก็ไม่ต้องกลัวฝน ว่าแล้วก็จัดทริปหาเส้นทางปั่นที่มีคนสร้างไว้แล้วให้เราตามรอย หรือจะลองสร้างเส้นทางใหม่กันได้ใน Ride with GPS จากบนเว็บไซต์หรือหน้าแอพบน iPhone แล้วขณะปั่นก็เปิดแอปนี้บน Apple Watch ให้นำทาง พร้อมแจ้งเตือนด้วยการสั่นเมื่อคุณต้องเลี้ยวหรือหยุดแบบไม่หลุดเส้นทาง
2. FiveK – Couch to 5K for Watch ฝึก 9 สัปดาห์ ก็พร้อมพาคุณไปสู่เส้นชัยกับการวิ่ง 5K (59 บาท)
หากคุณมีแผนจะต้องมีวันนึงที่ฉันจะสามารถพิชิตเส้นชัยในการวิ่งระยะทาง 5 กิโลเมตร (5K) ให้จงได้ แอปนี้ก็เตรียมแผนให้กับคุณไว้แล้ว โดยในแอปจะมีตารางการฝึกวิ่งรูปแบบต่างๆ ตลอด 9 สัปดาห์ และลงรายละเอียดการฝึกเป็นรายวัน และเมื่อคุณทำสำเร็จก็เท่ากับคุณได้เปิดประตูบานใหม่ไปสู่ขั้นที่สูงกว่าเป็นการผจญภัยที่เยี่ยมยอดทีเดียว
3. PushFit วิดพื้นได้กี่เซ็ทก็เช็กสถิติได้บนข้อมือ (ฟรี)
แอป PushFit ซิงก์การทำงานกับ iPhone โดยเมื่อกดเริ่มนับการวิดพื้น ที่แอป PushFit บน Apple Watch ก็จะแสดงตัวเลขยอดการวิดพื้นได้อย่างชัดเจน ว่าเราทำทำไปแล้วกี่ครั้ง กี่เซ็ท เผาผลาญไปได้กี่แคลลอรี่ ลูกเล่นที่น่าสนใจคือ มีเสียงนับจำนวนครั้งที่วิดพื้นเป็นภาษาไทย และระหว่างหยุดพักก็มีเพลงบรรเลงผ่อนคลายอีกด้วย
4. Heart Analyzer กูรูผู้ดูแลหัวใจ (ฟรี)
สำหรับผู้ที่ใส่ใจด้านการวัดคลื่นของหัวใจขณะออกกำลังกาย แอปอย่าง Heart Analyzer ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะให้สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ติดตามค่าความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดได้แบบเรียลไทม์ สามารถตั้งเป็นปุ่มหนึ่งบนหน้าปัดหน้า หรือจะเป็นไอค่อนบนจอ iPhone ในรูปแบบ Widget ก็ได้
5. Endel ฟังเสียงเพลงเบาๆ ชวนเราโฟกัสและผ่อนคลาย (ฟรี)
หลังจากการเสียเหงื่อมากมายในยิม การใช้เวลาสักพักการคูลดาวน์ด้วยการฟังเสียงเพลงบรรเลงที่ออกแบบมาให้คลื่นสมองของเราผ่อนคลายได้เต็มที่กับแอป Endel โดยที่เรายังเลือกปรับบีทความเร็วช้าให้เหมาะกับสไตล์ของเราได้อีกด้วย
6. Zero: Fasting & Health Tracker อดอาหารให้เป็นช่วงเวลาเพื่อรักษาสุขภาพ (ฟรี)
เวลาชวนใครไปกินข้าวแล้วเขาบอกว่าทำ IF (Intermittent Fasting) อยู่แล้วจำใจปฏิเสธ เพราะเขายังอยู่ในช่วงการอดอาหารแบบเป็นช่วงเวลา ไม่ว่าจะอดแบบ 16:8, 18:6 หรือมากกว่านั้น ให้ Zero ช่วยนับเวลาและโชว์แถบความคืบหน้าได้บนหน้าปัดของ Apple Watch พร้อมซิงก์กับ iPhone ได้ตลอดเวลา