IT News
วิธีเลือกสมาร์ทโฟนเบื้องต้น สเปคดูอย่างไร มีอะไรต้องรู้บ้าง
ตลาดสมาร์ทโฟนในตอนนี้ถือว่ากลับมาคึกคักเหมือนเดิมครับ โดยแต่ละแบรนด์ต่างเปิดตัวรุ่นหลักรุ่นย่อยออกมาจากขึ้นกว่าปีก่อนๆ แถมมีสเปคที่ใกล้เคียงกันมากๆ วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net จะพามาชมวิธีการดูสเปคของสมาร์ทโฟน มีอะไรที่เราควรรู้บ้าง เพื่อการตัดสินใจในการเลือกซื้อครับ
ระบบปฏิบัติการ
มาดูกันที่สิ่งที่เราน่าจะดูเป็นอย่างแรกอย่างระบบปฏิบัติการ (OS) ที่หลักๆ จะมี 2 ฝั่ง ได้แก่ iOS ของ Apple และ Android ของ Google ครับ โดยคาวมแตกต่างก็มีจุดเด่นของแต่ละระบบคร่าวๆ ดังนี้ครับ
- iOS : เน้นเรื่องความปลอดภัย การทำงานของแอปพลิเคชั่นที่เข้ากับระบบช่วยให้ทำงานได้ไหลลื่น ทั้งยังเป็นระบบปิดที่เน้นการใช้านร่วมกับ Apple Ecosystem เป็นหลักครับ
- Android : เน้นเรื่องการปรับแต่งการทำงานภายในเครื่องที่ค่อนข้างอิสระมากๆ เพราะเป็นระบบเปิด ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละแบรนด์ว่าจะปรับแต่ง Android ให้มีหน้าตา UI เป็นแบบไหนครับ
หน่วยประมวลผล (CPU)
สำหรับหน่วยประมวลผลถือเป็นสิ่งที่ต่อมาที่ควรดูครับ เพราะเป็นแกนหลักของการทำงานในเครื่องเลยทีเดียว ซึ่งในปัจจุบันจะมีแบบ Hexa Core (6 คอร์) ที่ส่วนใหญ่จะเป็นชิพที่ใช้กับ iPhone ครับ ส่วน Octa-Core (8 คอร์) จะเป็นฝั่ง Android หรือบางครั้งก็จะมีแบบ Quad-Core กับสมาร์ทโฟนรุ่นประหยัดมากๆ ทั้งนี้ ขนาดของ CPU ก็เป็นส่วนที่ค่อนข้างสำคัญครับ เพราะยิ่งเล็กก็ยิ่งประหยัดพลังงานมากขึ้น โดยปัจจบุันจะมีเล็กสุดที่ 5 นาโนเมตร (ส่วนใหญ่เป็นชิพเรือธง) ตามด้วย 7, 8, 10, 12 นาโนเมตรครับ
RAM และ ROM
มาดูกันที่ RAM กันก่อนเลยครับ โดยจะเป็นหน่วยความจำชั่วคราว ซึ่งยิ่งมี RAM มากก็จะช่วยให้การทำงานทั่วไปของเครื่องจะไหลลื่นขึ้น เปิดแอปพลิเคชั่นหรือทำงานในเบื้องหลังได้มากกว่าเดิมครับ ทั้งนี้ต้องบอกว่า RAM มีส่วนในเรื่องของความแรงด้านกราฟิกน้อยมากๆ เพราะส่วนใหญ่จะต้องดู CPU และ GPU มากกว่าครับ
ส่วน ROM จะเป็นเรื่องความจุในสมาร์ทโฟน เพื่อเก็บไฟล์ต่างๆ ได้มากขึ้น โดยปัจจุบันก็มีให้เลือกหลายแบบตามราคา ตั้งแต่ 32GB ถึง 1TB เลยทีเดียว
หน้าจอแสดงผล
สำหรับหน้าจอแสดงผลที่ขาดไปไม่ได้เลยครับ โดยนอกจากจะดูขนาดความใหญ่แล้ว เช่น 5 นิ้ว หรือ 6 นิ้วขึ้นไป นั้นก็ยังมีส่วนอื่นๆ ที่ควรรู้ครับ ไม่ว่าจะเป็น PPI (Pixel Per Inch) คือ จำนวนเม็ดพิกเซลต่อ 1 คารางนิ้ว ซึ่งถ้า PPI ยิ่งมากหน้าจอก็ยิ่งละเอียดและคมชัดมากขึ้น ขณะที่ชนิดหน้าจอก็สำคัญครับ อย่าง LCD ที่มีราคาถูกและได้สีสันเที่ยงตรงมากกว่าแบบ AMOLED (ขอย้ำว่าเป็นเที่ยงตรงไม่ใช่สดใสกว่านะครับ) ส่วนจอ AMOLED จะได้ความสดใสของสีสัน, ประหยัดพลังงานและความสว่างมากกว่า
ส่วนเรื่อง Refresh Rate ของหน้าจอคืออัตราการรีเฟรชหน้าจอต่อ 1 วินาทีครับ โดยค่ายิ่งมากก็ยิ่งทำให้การเลื่อนหรือสัมผัสต่างๆ ดูไหลลื่นยิ่งขึ้น ซึ่งจอทั่วไปจะอยู่ที่ 60Hz ส่วนรุ่นที่ไหลลื่นขึ้นจะเป็น 90Hz, 120Hz หรือมากกว่านั้นครับ
กล้อง
เรื่องกล้องนับว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราเลือกสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ไปที่ไหนก็ต้องใช้กล้องกันอยู่แล้ว โดยความละเอียดของเลนส์กล้องหลักก็มีให้เลือกดูหลายแบบตั้งแต่ 5 – 8 ล้านพิกเซลขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ความละเอียดยิ่งมากไม่ได้หมายความว่ากล้องนั้นถ่ายรูปได้ดีเพราะต้องดูส่วนประกอบอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์, รูรับแสง หรืออื่นๆ อย่างระบบกันสั่นไหว OIS และซอฟต์แวร์แต่ละรุ่น เป็นต้น แต่ยิ่งมีฟีเจอร์เยอะ ราคาก็อาจจะสูงขึ้นตามไปด้วยครับ (แต่ก็เป็นเรื่องปกติ)
ความจุแบตเตอรี่
ความจุแบตเตอรี่ก็สำคัญในสมาร์ทโฟนหลายรุ่นครับ โดยตั้งแต่หลักๆ 2500mAh ถึง 6000mAh หรือมากกว่านั้นครับ โดยเฉพาะ Android ที่ระบบ UI ต่างๆ มีความแตกต่างกันเยอะ ทำให้อาจกินแบตเตอรี่เยอะตามไปด้วย โดย mAh ยิ่งมากก็ยิ่งช่วยให้ใช้งานได้นานขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อดูในฝั่งของ iOS ที่มีความเข้ากันของระบบมากๆ ก็อาจไม่ได้ต้องการ mAh ที่เยอะครับ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นสเปคคร่าวๆ ที่มีอยู่ในสมาร์ทโฟนที่เรามักเห็นได้ทั่วไปอยู่แล้วครับ ซึ่งการซื้อของแต่ละคนก็อาจจะต่างกันไป เช่น ดีไซน์หรือราคาที่แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน รวมถึงการใช้งานต่างๆ ที่แต่ละคนจะใช้งานไม่เหมือนกันแน่นอนครับ