Smart Review
รีวิว Samsung Galaxy Watch3 Bluetooth (45mm) สมาร์ทวอทช์ตรวจจวัดได้แม่นยำ พร้อมฟีเจอร์ด้านสุขภาพเพียบ เหมาะสมในชีวิตประจำวัน
แม้ว่า Samsung Galaxy Watch3 จะเปิดตัวมาพักใหญ่ๆ แล้ว แต่การใช้งานจริงในชีวิตประจำวันยังคงใช้ได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจวัดค่าต่างๆ ด้านสุขภาพ เช่น ค่าออกซิเจนในเลือดที่เหมะกับยุคนี้, วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, คุณภาพการนอน และอื่นๆ เพียบ ซึ่งรุ่นที่เรานำมารีวิวในครั้งเป็น Galaxy Watch3 Bluetooth (45mm) การใช้งานโดยเฉพาะด้านสุขภาพจะครบเครื่องแค่ไหน ทีมงาน iphone-droid.net จัดมาให้แล้วครับ
สเปค Samsung Galaxy Watch3 Bluetooth (45mm)
- ขนาดรอบตัวเครื่อง 45 x 46.2 x 11.1 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 53.8 กรัม (เฉพาะตัวเรือน ไม่รวมสาย)
- หน้าจอแสดงผล Super AMOLED ขนาด 1.4 นิ้ว ความละเอียด 360 x 360 พิกเซล ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass DX
- หน่วยประมวลผล Exynos 9110 Dual Core ความเร็ว 1.15GHz
- RAM 1GB
- ROM 8GB
- การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0, Wi-Fi b/g/n, LTE, NFC, A-GPS/GLONASS/Beidou/Galileo
- ระบบปฏิบัติการ Tizen บนพื้นฐาน Wearable OS 5.5 (One UI Watch 2.0)
- อุปกรณ์ที่รองรับ : Android 5.0 ขึ้นไป และ RAM 1.5GB ขึ้นไป หรือ iPhone5 ขึ้นไป และ iOS 9.0 ขึ้นไป
- แบตเตอรี่ความจุ 340 mAh
- มีมาตรฐานกันน้ำลึก 50 เมตร แบบ 5ATM + IP68
ดีไซน์ระดับพรีเมี่ยม
Galaxy Watch3 Bluetooth ขนาด 45mm มาพร้อมกับวัสดุตัวเรือนแบบสแตนเลสและไทเทเนียม ทำให้ดูมีความพรีเมียมในตัวมากๆ แถมสีดำ Mystic Black ก็ช่วยให้ดูคลาสสิกขึ้นไปอีกขั้น
ทั้งนี้ เรื่องของน้ำหนักก็ไม่หนักจนเกินไปเพราะเบากว่ารุ่นก่อนถึง 15% บางลง 14% และกะทัดรัดกว่าเดิมถึง 8% เรียกว่าใช้งานได้ทั้งวันโดยยังมีความสบายข้อมืออยู่ ไม่รู้สึกหนักเกินไประหว่างวัน
และในส่วนการควบคุมต่างๆ ที่ขอบหน้าปัดยังมาแบบหมุนได้ที่เป็นเอกลักษณ์ และดูเข้ากับตัวเรือนแบบสุดๆ ไปเลยครับ
หน้าจอแสดงผล Galaxy Watch3 ยังจัดอยู่ในคุณภาพที่ดีมากๆ เพราะมาแบบ Super AMOLED ให้ทั้งความสว่างและความสดใสอย่างชัดเจน พร้อมด้วยขนาดที่ใหญ่ถึง 1.4 นิ้ว และเพิ่มความแข็งแรงด้วยการครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass DX
ความพิเศษของหน้าจอยังมีฟีเจอร์ Always On Display (เปิดหน้าจอตลอด) ที่จะบอกเวลาอย่างชัดเจน ช่วยให้เราไม่จำเป็นต้องยกหน้าจอขึ้นมาดูเป๊ะๆ แต่เพียงแค่ชำเลืองมองก็ทำให้เห็นข้อมูลได้แล้วครับ
รอบเครื่องฝั่งขวาตัวเรือนจะมีปุ่มด้านบนคือปุ่มย้อนกลับ และปุ่มล่างเป็นปุ่ม Home
ฝั่งซ้ายมีลำโพงใช้สำหรับการสนทนาได้
ด้านบนมีเพียงไมโครโฟน
และที่ด้านหลังจะมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, วัดค่าออกซิเจนในเลือด และแม่เหล็กสำหรับชาร์จแบตเตอรี่
เริ่มต้นการใช้งาน
การเชื่อมต่อครั้งแรกของ Galaxy Watch3 ก็ทำได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชั่น Samsung Wearable (Android / iOS) และเลือกรุ่นเป็น “Galaxy Watch3” และยืนยันการเชื่อมต่อทั้งในสมาร์ทโฟนและสมาร์ทวอทช์ จากนั้นก็รอจนเสร็จสิ้นก็จะใช้งานได้ทันที โดยสมาร์ทโฟนที่รองรับจะมี Android 5.0 + RAM 1.5GB ขึ้นไป หรือ iPhone 5 + iOS 9.0 ขึ้นไปเท่านั้นครับ
ฟีเจอร์ด้านสุขภาพอย่างครบวงจร
สำหรับ Galaxy Watch3 บอกเลยว่าเป็นหนึ่งในสมาร์ทวอทช์ที่ให้มาครบวงจรเรื่องสุขภาพมากๆ มีให้เราใช้งานครบทุกฟีเจอร์ที่สมาร์ทวอทช์ควรมีในยุคของการแพร่ระบาดเพื่อให้เราตรวจสุขภาพเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง โดยแต่ละฟีเจอร์บอกเลยว่าใช้บ่อยมากๆ จะมีอะไรบ้างมาดูกันครับ
วัดค่าออกซิเจนในเลือด (SpO2)
อย่างแรกที่เราจะพูดถึงเลยคือฟีเจอร์วัดค่าออกซิเจนในเลือดที่เหมาะมากในตอนนี้ โดยควรวัดได้ที่ระดับ 95% ขึ้นไป ที่สำคัญค่าออกซิเจนในเลือดก็ทำให้เรารู้ถึงสุขภาพเบื้องต้นได้ว่าการหายใจของเราหรือสุขภาพปอดเป็นอย่างไรหรือมีอะไรน่าเป็นห่วงหรือไม่ เช่น ในสถานการณ์ของการแพร่ระบาด ณ ปัจจุบัน เราอาจใช้ฟีเจอร์นี้ทดสอบเบื้องต้นได้หากว่าค่า SpO2 น้อยกว่าปกติครับ อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้ไม่ได้เป็นเครื่องมือทางการแพทย์แต่อย่างใดครับ
การวัดค่าออกซิเจนในเลือด บน Galaxy Watch3 ให้ไปที่ Galaxy Watch → Samsung Health → เลือก Blood Oxygen → กดปุ่ม Measure เพื่อเริ่มการวัด
คุณภาพการนอนหลับ
นอกจากจะวัดค่าออกซิเจนในเลือดได้แล้ว การวัดคุณภาพการนอนหลับก็ทำได้ด้วยเช่นกันครับ โดยจะมีการบอกถึงผลต่างๆ เวลาเรานอนหลับจริง ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาการนอนที่แบ่งได้ 4 ระดับ ได้แก่ ตื่น, หลับฝัน (REM), ไม่สนิท และสนิท ทั้งยังบอกถึงคะแนนการนอนหลับว่าเราได้กี่คะแนน โดยทั้งหมดข้างต้นสามารถดูได้ในตัวเรือน Galaxy Watch3 ครับ
แต่ถ้าเราดูในแอป Samsung Health จะบอกละเอียดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหมาะสำหรับช่วงวัยของเราหรือไม่ และมีคำแนะนำต่างๆ มาบอกด้วยภายในแอปด้วย
วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
มาถึงฟีเจอร์ใน Galaxy Watch3 ที่หลายคนน่าจะใช้กันอย่างวัตอัตรการเต้นของหัวใจครับ ซึ่งความแม่นยำบอกเลยว่ามาพร้อมเซ็นเซอร์ถึง 8 จุด ทำให้มีความแม่นยำสูงมาก ซึ่งในชีวิตประจำวันของเราหากเราใส่ Galaxy Watch3 เอาไว้ตลอดก็จะถูกวัดโดยอัตโนมัติทุก 10 นาทีขณะพัก หรือวัดทันทีเมื่อตรวจจับได้ว่าเรากำลังออกกำลังกายครับ
วัดความเครียด
ในชีวิตประจำวันเราอาจเจอเรื่องเครียดๆ จนทำให้สุขภาพเราแย่ลงได้ครับ โดยเราสามารถวัดระดับคาวมเครียดได้เลยใน Galaxy Watch3 ซึ่งจะมีบอกเลยว่าเรามีความเครียดในระดับต่ำหรือสูงซึ่งค่านี้จะวัดตามความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจระหว่างวัน (Heart Rate Variability)
หากเรามีความเครียดสูง ก็จะมีคำแนะนำให้เราฝึกหายใจเพื่อลดความเครียดลงได้ครับ
การตรวจจับการล้มที่รุนแรง
เรื่องอุบัติเหตุก็เป็นอีกสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดในชีวิตเราครับ โดย Galaxy Watch3 จะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการล้มที่รุนแรง เช่น เมื่อเราเกิดอุบัติหตุ, ตกจากบันได หรืออาการของโรคต่างๆ เป็นต้น ซึ่งเมื่อเราเกิดเหตุอันตรายแล้ว ระบบจะมีการแจ้งเตือนเป็น Pop-Up ขึ้นมาบนหน้าจอให้เรากดยกเลิกได้ แต่หากเราไม่มีการตอบสนองนานเกิน 60 วินาที ระบบจะส่งข้อความและโทรไปยังผู้ติดต่อฉุกเฉินที่เราเองกำหนดเอาไว้ในตอนตั้งค่าครั้งแรกในแอป Samsung Wearable ครับ
การแจ้งเตือนและจับเวลาในการล้างมือ อีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่เหมาะกับสถานการณ์ในช่วงนี้มากที่สุดเลยล่ะครับ ซึ่งจะช่วยนับเวลาการล้างมือที่ 20 วินาที และสามารถตั้งเวลาแจ้งเตือนให้ล้างมือได้
สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติมได้จาก Galaxy Store
อยู่บ้านก็ออกกำลังกายได้
ในช่วงนี้การอยู่บ้านเป็นเรื่องที่ควรทำมากที่สุดครับ แต่ผู้ที่ชอบออกกำลังกายก็อาจจะหาวิธีในการออกยากหน่อย แต่ใน Galaxy Watch3 เรือนนี้บอกเลยว่าคุ้มค่าแน่นอนครับ เพราะแอป Samsung Health จะมีโปรแกรมฝึกการออกกำลังกายที่บ้านหรือ Home Training มาให้เราใช้งาน โดยจะมีวิดีโอบอกท่าทางต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ทำให้เรามีสุขภาพแข็งแรงได้ทุกที่แน่นอนครับ
โดยการใช้งานก็แค่ให้เข้าแอป Samsung Health จากนั้นไปที่แท็บ “ความแข็งแรง” ที่อยู่ด้านล่าง จากนั้นเราก็สามารถเลือกได้เลยว่าจะออกกำลังกายแบบไหนบ้าง โดยนอกจากจะมีแบบออกกำลังกายในบ้านแล้ว ก็ยังมีโหมดอื่นๆ เช่น ยืดเส้นยืดสาย, มวย, โหมดการลดน้ำหนัก หรือจะเป็นโหมดการออกกำลังกายของคุณผู้หญิงก็มีแยกมาให้ด้วย
นอกจากนี้ Galaxy Watch3 ยังมีการตรวจจับการออกกำลังกายอัตโนมัติด้วย เช่น เวลาเราเดิน ก็จะมีการแจ้งเตือนว่ากำลังตรวจวัดค่าต่างๆ อยู่ ซึ่งโหมดนี้จะรองรับการออกกำลังกายทั่วไป เช่น เดินหรือวิ่ง เป็นต้น หรือใครที่ออกกำลังกายชนิดอื่นก็สามารถเลือกได้ทันทีในตัวเรือนครับ
หน้าปัดนาฬิกาเลือกได้ตามใจชอบ
สำหรับหน้าปัดหรือ Watch Faces ของ Galaxy Watch3 เราสามารถเลือกได้หลายรูปแบบมากๆ ครับ โดยจะเลือกผ่านตัวเรือนเองเลยก็ได้ ด้วยการกดค้างที่หน้าจอหลัก จากนั้นก็จะเลือกหน้าปัดที่ชอบได้ทันที
หรือจะเลือกผ่านแอป Samsung Wearable ก็ได้เหมือนกันครับ บอกเลยว่ามีให้เลือกเพียบ! และสามารถปรับแต่งข้อมูลที่แสดงให้เหมาะกับเราได้ เช่น แบบ Acentric เราสามารถเลือกข้อมูลที่ 1 เป็นอัตราการเต้นของหัวใจได้ และข้อมูลที่ 2 เป็นแบตเตอรี่ก็ได้ เป็นต้น
เชื่อมต่อแบบไร้รอยต่อ Seamless connection with Galaxy Ecosystem
ใครที่ใช้ Ecosystem ของ Samsung Galaxy อยู่แล้ว บอกเลยว่าการใช้งานต่างๆ ทำได้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลงบน Spotify ที่สามารถเลือกฟังได้ทั้งบนตัวเรือน Galaxy Watch3 เอง หรือจะเลือกไปฟังในหูฟังไร้สาย Galaxy Buds รุ่นต่างๆ ก็ได้เช่นกันครับ, การใช้งานเป็นชัตเตอร์กล้อง แะลการแจ้งเตือนผ่านแอปแชทต่างๆ ก็ทำได้รวดเร็วมากๆ
แบตเตอรี่ยังคงอยู่ได้ทั้งวัน
เรื่องแบตเตอรี่บอกเลยว่ายังคงใช้งานได้อึดๆ ครบวันอยู่สำหรับคนที่ใช้งานทั่วไป หรือเผลอๆ อาจใช้งานต่อได้ในวันที่ 2 เลยครับ ส่วนใครที่ใช้งานหนักอย่างการออกกำลังกายไปด้วยระหว่างวันก็อาจได้ชาร์จกันสักครั้งครับ แต่ Galaxy Watch3 ก็ถือว่าชาร์จเร็วพอสมควร ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ใช้งานต่อได้เลยครับ
ราคาวางจำหน่าย
Samsung Galaxy Watch3 มีให้เลือกหลายรุ่นหลายราคา ได้แก่ Galaxy Watch3 Bluetooth (45mm) ราคา 13,900 บาท, Galaxy Watch3 Bluetooth (41mm) ราคา 11,900 บาท และ Galaxy Watch3 LTE (41mm) ราคา 15,900 บาท