Connect with us

Featured

รีวิว OPPO Reno6 Z 5G สมาร์ทโฟน 5G ดีไซน์เพรียวบาง พร้อมปลดล็อคทุกอารมณ์ของคุณด้วยกล้อง Portrait สวยที่สุด

Published

on

OPPO Reno6 Z 5G เปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อย มาพร้อมสโลแกน “อารมณ์ไหน ก็พอร์ตเทรต” เป็นอีกหนึ่งเทรนดี้โฟนที่จัดเต็มทั้งดีไซน์เพรียวบาง และกล้องถ่าย Portrait ได้งามแบบสุด ๆ และหลังจากเราได้ใช้งานจริงราว 1 สัปดาห์ 

วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net ขอมารีวิวประสบการณ์การใช้งานให้ชมกันแบบเต็ม ๆ น่าสนใจแค่ไหน ติดตามได้จากรีวิวฉบับของ OPPO Reno6 Z 5G นี้เลยครับ

สรุปสเปค OPPO Reno6 Z 5G

  • ขนาดตัวเครื่อง : 160.20 x 73.38 x 7.97 มม. (สี Aurora)
  • ขนาดตัวเครื่อง : 160.20 x 73.38 x 7.92 มม. (สี Stellar Black)
  • น้ำหนัก : 173 กรัม
  • หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.43″ ความละเอียด FHD+ refresh rate 60Hz
  • CPU : Dimensity 800U 5G (7nm) Octa-core2.4GHz
  • GPU : Mali-G57
  • RAM : 8GB
  • ROM : 128GB
  • แบตเตอรี่ : 4310mAh
  • ระบบชาร์​จ : ชาร์จไว 30W VOOC Flash Charge 4.0
  • กล้องหน้า : 32MP
  • กล้องหลัก : 3 ตัว
    • กล้องหลัก 64MP
    • กล้อง Wide Angle 8MP
    • กล้อง macro 2MP
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 11 ครอบทับด้วย ColorOS 11.1

ดีไซน์ Reno Glow ระยิบระยิบในทุกมิติ

ขอเริ่มต้นรีวิวที่เรื่องดีไซน์กันก่อนละกันเนาะ OPPO Reno6 Z 5G มาพร้อมดีไซน์แบบ Reno Glow ให้รายละเอียดของฝาหลังที่น่าสนใจด้วยความระยิบระยับบนผิวทรายที่ให้ผิวสัมผัสมี Texture ได้ดีไม่น้อย พื้นผิวไม่เรียบจนเกินไปและเวลาจับถือก็ไม่เก็บรอยนิ้วมือ ได้ทั้งความปราณีตเวลามองแต่ก็ยังได้สัมผัสที่หรูหราแบบมีอะไรในนั้นด้วยครับ

OPPO Reno6 Z 5G มีให้เลือก 2 สีคือสี Aurora และสีดำ Stellar Black ที่รอบนี้ใช้ผิวสัมผัสเหมือนกันแล้ว ทั้งคู่มีความระยิบระยับเหมือนกันและก็ยังได้การสะท้อนกับแสงเพื่อเปลี่ยนเฉดด้วย แต่โทนของสีก็จะแตกต่างกันไปอย่างชัดเจนครับ

สีเงิน Aurora จะมีความอ่อนโยนด้วยพื้นสีฟ้าอ่อน ๆ แต่เมื่อลองพลิกเครื่องไปมาตามมุมต่าง ๆ ตัวเครื่องจะมีการไล่เฉดสีเพิ่มขึ้นมาเป็นสีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้มีชีวิตชีวาขึ้นไปอีก สาว ๆ ที่ชอบความหลากหลายของสีสันน่าจะชอบสีนี้ไม่น้อยเลย เพราะการเพิ่มเฉดสีได้มากมายแบบนี้คงทำให้ไม่เบื่อเอาง่าย ๆ แน่

สีดำ Stellar Black ส่วนสีดำก็เหมือนจะเป็นสีสุดคลาสสิคที่เข้าได้กับทุกลุค แต่สีดำ Stellar Black นี้ก็ไม่ใช่สีดำแบบพื้น ๆ เพราะมีการไล่เฉดสีด้วยเช่นกัน เมื่อโดนแสงตกกระทบตัวเครื่องจะมีประกายสีน้ำเงินแทรกขึ้นมา เพิ่มความดำแบบคลาสสิคให้ดูมีอะไรเข้าไปอีก

ความเพรียวบางที่น่าประทับใจ

นอกจากเรื่องสีสันแล้ว OPPO Reno6 Z 5G ยังมีความบางที่โดดเด่นไม่น้อย ด้วยความบางเฉียบเพียง 7.92 มม. (สำหรับสี Stellar Black) และ 7.97 มม. (สำหรับสี Aurora) แถมยังมีน้ำหนักเพียง 173 กรัมเท่านั้น เลยทำให้รุ่นนี้เป็นสมาร์ทโฟนที่บางและเบาได้น่าประทับใจมากเลยล่ะครับ จะถือเล่นโซเชี่ยลเป็นเวลานาน ๆ หรือเล่นเกมหลาย ๆ แมทช์ติดต่อกันก็ไม่เมื่อยมือ

หน้าจอ AMOLED 6.43″

ที่หน้าจอ OPPO Reno6 Z 5G ใช้จอ AMOLED ขนาด 6.43″ เป็นขนาดที่พอดีในการใช้งานอย่างมาก จะใช้งานด้านโซเชี่ยลทั่วไปหรือจะใช้ท่องเว็บไซต์ ดูหนังในแนวนอนก็เพียงพอแล้ว เรื่องการสู้แสงด้วยความที่เป็นจอ AMOLED ก็ใช้งานกลางแจ้งได้เป็นอย่างดีอีกต่างหาก

ความละเอียดระดับ FHD+ ของ OPPO Reno6 Z 5G ก็เพียงพอต่อการดูหนังหรือรูปภาพความละเอียดสูงแล้วเช่นกัน แถมตัวหน้าจอยังรองรับมาตรฐาน HDR10+ ดูวิดีโอแบบ HDR บน YouTube ก็สวยคม หรือจะเป็น Netflix ก็รองรับที่ความละเอียด HD แล้วด้วย ดูหนัง ดูซีรีส์รับรองฟินแน่ ๆ ครับรุ่นนี้

OPPO Reno6 Z 5G มี refresh rate 60Hz ทำให้การใช้งานทั่วไป เลื่อนหน้าจอไป-มา หรือไถฟีดแอปโซเชี่ยลต่าง ๆ ไม่ได้ลื่นไหลมากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นมาตรฐานทั่วไป ถ้ามองว่าแลกมากับจอ AMOLED สวย ๆ แล้วก็รับได้อยู่เนาะ

มีระบบสแกนนิ้วบนหน้าจอ เร็วด้วย

และความได้เปรียบของหน้าจอ AMOLED ก็คือมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่บนหน้าจอด้วย ซึ่งมันสะดวกดีในการใช้งานยุคนี้ที่เราจำเป็นต้องใส่แมสก์กันตลอด เวลาจะปลดล็อคเครื่องหรือใช้งานแอปที่ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยก็สแกนนิ้วไปได้เลยไม่ยุ่งยาก แถมทำได้รวดเร็วด้วย หรือถ้าอยู่บ้านอยากสแกนใบหน้าก็มีให้เลือกใช้ร่วมกันด้วยครับ

ตำแหน่งปุ่มกดของ OPPO Reno6 Z 5G วางไว้ที่มุมมาตรฐานซึ่งสามารถกดใช้งานได้ง่ายครับ อย่างปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงก็จะอยู่ที่ฝั่งซ้ายมือแยกเป็น 2 ปุ่มให้กดได้ง่าย ส่วนฝั่งขวาก็เป็นปุ่ม Power ตำแหน่งไม่สูงหรือต่ำเกินไป เวลาเราจะกดก็ไม่ต้องเอื้อมนิ้วไปจนเมื่อยครับ

พอร์ตการเชื่อมต่อให้มาครบ

ส่วนเรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อ OPPO Reno6 Z 5G ให้มาครบเลยครับ ทั้งพอร์ตหลักที่เป็น USB type-C ช่องหูฟัง 3.5 มม. ก็มีมาให้อยู่ที่ด้านล่างของตัวเครื่องนี้ทั้งหมดครับ

ส่วนลำโพงหลักของตัวเครื่องก็อยู่ที่ด้านล่างนี้เช่นกัน ลำโพงยังคงเป็นแบบ mono คือใช้ตัวนี้เพียงตัวเดียว เวลาดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม ถ้าใช้งานร่วมกับลำโพงสนทนาด้านบนได้แล้วออกเป็น Stereo คู่น่าจะแจ่มกว่านี้ไม่น้อยเลยล่ะ

ถาดซิมของ OPPO Reno6 Z 5G จะอยู่ที่ฝั่งซ้ายมือของตัวเครื่องครับ วางตำแหน่งอยู่เหนือปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงครับ ซึ่งถาดซิมเป็นแบบ Triple Slot ด้วย อันนี้ดีมาก ๆ เพราะเราสามารถใส่ได้ 2 ซิม พร้อมทั้งยังเพิ่ม micro-SD ได้อีกด้วยครับ

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ต้องชมว่า OPPO Reno6 Z 5G นั้นออกแบบมาได้ดีเลย ตัวฝาหลัง Reno Glow ที่เป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์นี้ก็ถูกปรับปรุงขึ้นมาให้แสดงสีสันได้มากขึ้น แถมยังใช้กับทั้ง 2 สีแล้วด้วย ความบางเฉียบและน้ำหนักของตัวเครื่องที่ถือว่าบางและเบาเป็นอันดับต้น ๆ ของสมาร์ทโฟน 5G ทั้งหลายในตอนนี้ก็ชวนให้หลงใหลมากขึ้นไปอีก

กล้อง Portrait สุดเทพอยู่ที่นี่แล้ว

มาเข้าสู่เรื่องไฮไลท์ของรุ่นนี้กันเลยกับ “กล้อง” OPPO Reno6 Z 5G นั้นมาพร้อมสโลแกน “อารมณ์ไหน ก็พอร์ตเทรต” ซึ่งชูจุดเด่นเรื่องกล้องพอร์ตเทรตที่ถ่ายคนได้เลิศเลอสุด ๆ แต่ก่อนจะไปดูความสามารถของกล้องเรามาทำความรู้จักสเปคกล้องคร่าว ๆ ของรุ่นนี้กันก่อน OPPO Reno6 Z 5G มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัวมีความละเอียดและการใช้งานดังนี้

  • กล้องหลัก 64MP f/1.7
  • กล้อง Wide angle 8MP f/2.2
  • กล้อง macro 2MP f/2.4

โหมด Bokeh Flare Portrait ยกระดับโบเก้จากกล้องมือถือไปอีกขั้น

จะเห็นว่าจากสเปคที่ให้มาก็เพียงพอต่อการใช้งานด้าน Portrait แล้วครับ เพราะได้ความละเอียดสูงถึง 64MP และทีเด็ดอีกอย่างของ OPPO Reno6 Z 5G ก็คือซอฟต์แวร์ที่เก่งกาจนั่นเอง รอบนี้ OPPO พัฒนาโหมด Bokeh Flare Portrait ใหม่ให้ใช้งานได้ครอบคลุมมากขึ้น ปรับแต่งในเรื่องโทนสีให้สมจริงกว่าเดิม และเพิ่มการละลายฉากหลังสร้างโบเก้ให้สมจริงคล้ายกล้องโปรเลยล่ะ

ผลลัพธ์ที่ออกมาดีมาก ไม่ใช่แค่ความเนียนของใบหน้าที่ทำได้ดีอยู่แล้ว แต่การละลายฉากหลังพร้อมเสริมโบเก้เข้าไปแบบมีระดับนี้ยิ่งช่วยให้ไฟล์ที่ได้สวยขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โบเก้ที่ได้จากแสงลอดต่าง ๆ สวยงามเป็นธรรมดา การตัดขอบเนียนเลย เหมือนเราใช้กล้องแพง ๆ ในการถ่ายเลยล่ะ

ตัวอย่างภาพจากโหมด Bokeh Flare Portrait ของ OPPO Reno6 Z 5G

AI Color Portrait ดึงแบบให้เด่นบนฉากหลังสีขาว-ดำ

นอกจากโหมดใหม่อย่าง Bokeh Flare Portrait แล้ว โหมดเจ๋ง ๆ จากรุ่นก่อนอย่าง AI Color Portrait ที่ปรับสีฉากหลังให้เป็นขาว-ดำก็ยังมีให้เลือกใช้เหมือนกัน ด้วยระบบ AI ที่เก่งขึ้น ทำให้การตัดฉากหลังนั้นเนียนตากว่าเดิม ดึงแบบให้เด่นขึ้นมาชัดเจน ไม่ว่าฉากหลังจะมีสีสันเยอะแค่ไหนก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมาแยกซีนนางแบบเมื่อเราเปิดโหมดนี้ครับ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด AI Color Portrait ของ OPPO Reno6 Z 5G

Portrait ที่เลือกฟิลเตอร์ได้หลากหลาย

ไม่ใช่แค่ Portrait แบบเจ๋ง ๆ อย่าง Bokeh Flare หรือ AI Color ในโหมด Portrait ปกติ OPPO Reno6 Z 5G ก็ยังใช้งานได้อย่างน่าประทับใจ เพราะเราสามารถถ่ายภาพคนแบบละลายฉากหลังได้สวย ๆ พร้อมละลายฉากหลังได้แบบพอดี ๆ รวมถึงมีฟิลเตอร์เพิ่มโทนสีที่สามารถใช้งานได้จากในแอปกล้องเลยไม่ต้องไปโหลดเพิ่ม เรียกว่าถ่ายครบจบในเรื่องได้เลยด้วยครับ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait ของ OPPO Reno6 Z 5G

โหมด Auto เก่งถ่ายง่ายมี AI Scene Enhancement 2.0

ส่วนการใช้งานทั่วไป OPPO Reno6 Z 5G ก็มาพร้อมฟีเจอร์ AI Scene Enhancement 2.0 ที่ช่วยให้เราเก็บภาพได้อย่างสวยงาม เพราะ AI จะคอยคำนวณภาพถ่ายที่เราจะถ่ายและปรับแต่งภาพให้สวยงามตามซีนนั้น ๆ อาทิ เราถ่ายภาพท้องฟ้าก็จะเร่งให้ฟ้าสดขึ้น ถ่ายรูปอาหารก็จะให้สีที่อิ่มมากขึ้นดูน่ากิน หรือถ่ายคนก็จะได้ใบหน้าที่สวยเนียนขึ้นกว่าเดิม เป็นต้นครับ

กล้อง Wide Angle มุมกว้าง

OPPO Reno6 Z 5G ให้กล้องมุมกว้าง Wide Angle มาให้ใช้งานด้วย ความละเอียด 8MP เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปครับ มุมมองที่ได้ก็จะกว้างกว่าในกล้องหลักพอสมควร ช่วยเพิ่มความกว้างของภาพเวลาถ่ายภาพวิวหรือถ่ายภาพคนให้ดูตัวสูงขายาวก็ทำได้ด้วย

กล้อง macro 2MP

กล้องตัวที่ 3 ที่ให้มาบน OPPO Reno6 Z 5G ก็คือกล้อง macro ให้เราได้ถ่ายภาพวัตถุใกล้ ๆ ในระยะ 4 ซม. ได้เลย ถ่ายภาพดอกไม้หรือของเล่นใกล้ ๆ ได้อย่างดี แต่ด้วยความละเอียดระดับนี้แนะนำว่าควรมีแสงเพียงพอหน่อย เพื่อให้ภาพออกมาสวยและสมบูรณ์ครับ

Ultra-Clear 108MP Image ถ่ายชัดได้ถึง 108MP

มีโหมดความละเอียดสูงสุด ๆ ด้วย อย่างที่ทราบว่าความละเอียดกล้องของ OPPO Reno6 Z 5G นั้นให้มาที่ 64MP แต่ตัวเครื่องจะมีโหมด Ultra-Clear 108MP Image มาให้ด้วย ใช้การประมวลผลภาพจนได้ความละเอียดสูงสุดถึง 108MP เผื่ออยากได้ภาพคม ๆ ไปครอปใช้งานภายหลังก็เปิดโหมดนี้ได้เลยครับ คมมาก !

ลายน้ำใหม่ปรับแต่งได้เยอะขึ้น

อ๊ะ…เกือบลืม OPPO Reno6 Z 5G มาพร้อมลายน้ำแบบใหม่แล้วนะมีตัวเลือกให้มากกว่ารุ่นก่อน ๆ ที่เคยให้มา เราสามารถเลือกตำแหน่งของลายน้ำได้ว่าจะให้อยู่ตรงไหนของภาพ จะวางไว้มุมภาพ ตรงกลางเด่น ๆ ก็ได้ (ค่าเริ่มต้นคือซ้ายล่าง) และเลือกปรับขนาดได้ 3 ขนาด (เล็ก กลาง ใหญ่) และรูปแบบลายน้ำในครั้งนี้จะมีโลโก้เพิ่มเข้ามาด้วย ดูดีไม่น้อย ต่างจากแบบเดิม ๆ ที่มีแค่ชื่อรุ่นลอย ๆ มาดูไม่เว่อวังเท่าไหร่เนาะ

กล้องหน้า 32MP เซลฟี่สวยลูกเล่นไม่แพ้กล้องหลัง

OPPO Reno6 Z 5G มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียดสูง 32MP เซลฟี่ได้สวยงามคมชัดแน่นอน มีฟีเจอร์ AI Beautification มาคอยปรับใบหน้าให้สวยเนียนแบบเป็นธรรมชาติ แถมลูกเล่น Portrait ที่มีในกล้องหลัง Bokeh Flare Portrait หรือ AI Color Portrait ก็ยังมีให้เราใช้งานเช่นกัน เรียกว่าจะเซลฟี่ก็ยังได้ภาพโบเก้สวย ๆ ไม่แพ้กันเลย

Portrait Beautification Video สวยโดดเด่นกว่าใคร

OPPO Reno6 Z 5G นั้นไม่ได้เก่งเรื่อง Portrait แค่ภาพนิ่งครับ เพราะในวิดีโอรุ่นนี้ก็ยังมีฟีเจอร์ Portrait Beautification Video ที่ช่วยปรับใบหน้าสวยแบบเป็นธรรมชาติแม้ในวิดีโอ และความเนียนสวยนี้ยังทำได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย เรียกว่าสวยทั่งภาพนิ่งและวิดีโอแบบไม่ยากเลยจริง ๆ ครับ OPPO Reno6 Z 5G นี้

เป็นสมาร์ทโฟนที่เก่งด้าน Portrait ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ

โดยรวมในเรื่องกล้องก็สมกับสโลแกน “อารมณ์ไหน ก็พอร์ตเทรต” จริง ๆ ครับ เพราะไม่ว่าจะถ่ายภาพในสถานการณ์ไหนก็มีโหมดและฟีเจอร์ Portrait รองรับให้เราได้ภาพถ่ายที่สวยหรือวิดีโอที่หน้าสวยก็ทำได้เช่นกัน OPPO Reno6 Z 5G ถือเป็นอีกรุ่นที่ถ่าย Portrait ได้ยอดเยี่ยมที่สุดรุ่นหนึ่งเลยล่ะครับ แต่…จะชมอย่างเดียวก็ดูอวยไปหน่อยเนาะ บนรุ่นนี้ยังมีจุดสังเกตที่เราติดใจอยู่บ้างคือ “โหมดการใช้งาน” ที่ตัดออกไปจากรุ่นก่อนด้วย อาทิ Video Bokeh หรือวิดีโอแบบหน้าชัด-หลังเบลอ เพราะหากมีมาให้ด้วยน่าจะเสริมความเป็นสมาร์ทโฟนเพื่อ Portrait ได้สมบูรณ์แบบไปเลยล่ะครับ

ใช้ ColorOS 11.1 เวอร์ชั่นล่าสุด

มาต่อในเรื่องซอฟต์แวร์ OPPO Reno6 Z 5G มาพร้อม ColorOS 11.1 ที่ครอบทับอยู่บน Android 11 ซึ่งเวอร์ชั่นนี้ถือเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดของ OPPO เลยครับ มีทั้งความลื่นไหลและหน้าตา UI ที่สวยงาม

ในเรื่องการปรับแต่ง ColorOS 11.1 ก็ปรับแต่งได้มากมายทั้งการปรับรูปแบบไอคอน สีสันของระบบ ธีม อนิเมชั่นสแกนลายนิ้วมือ ฟอนต์ รวมถึง Dark mode ด้วย ซึ่งตัว Dark mode ของ ColorOS 11.1 เรายังสามารถปรับได้ 3 ระดับได้แก่ Enhanced, Medium หรือ Gentle ครับ

ชิปเซ็ต 5G แบบ 7nm

มาพูดถึงเรื่องชิปเซ็ตและประสิทธิภาพกันครับ OPPO Reno6 Z 5G มาพร้อมชิปเซ็ต Dimensity 800U พร้อมสถาปัตยกรรมแบบ 7nm ใช้งานได้อย่างดี รองรับการเชื่อมต่อ 5G ที่ช่วยให้การใช้งานนั้นรวดเร็วมากขึ้น จะท่องเว็บไซต์ เล่นโซเชี่ยล หรือเกมออนไลน์ก็ไม่สะดุดอีกต่อไป

ในเรื่องประสิทธิภาพ OPPO Reno6 Z 5G ที่ใช้ชิปเซ็ต Dimensity 800U นี้ทำได้ดีในการทดสอบ Benchmark ทั้ง AnTuTu Benchmark และ GeekBench 5.0 เลยครับ โดยคะแนนของ AnTuTu ออกมาสูงถึง 369679 คะแนน

ในขณะที่ GeekBench 5.0 ก็ได้คะแนนสูงไม่น้อย คะแนน Single-Core ได้ 596 คะแนน และ Multi-Core 1772 คะแนนครับ

OPPO Reno6 Z 5G มีฟีเจอร์ Extend RAM หรือหน่วยความจำแรมแบบจำลองที่จะมาช่วยให้เราใช้งานแรมได้อย่างลื่นไหลมากขึ้น โดยตรงนี้จะใช้การจำลองจากรอมมาประมวลผลร่วมทำให้เพิ่มแรมได้สูงสุดถึง 5GB รวมกับแรมจริง ๆ ของเครื่องก็ได้สูงสุดถึง 13GB กันเลยล่ะครับ

จัดสเปคกันเรียบร้อยแล้ว ก็มาทดสอบเล่นเกมกันเลยดีกว่า OPPO Reno6 Z 5G มาพร้อมฟีเจอร์ Game Space แอปที่ช่วยจัดการประสิทธิภาพการเล่นเกมให้ยอดเยี่ยมที่สุด โดยจะมีการเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องรวมถึงเครือข่าย ปิดการแจ้งเตือนที่ไม่สำคัญขณะเล่นเกมให้ด้วย นอกจากนี้ในแอปนี้เรายังสามารถเลือกโหมดได้ 3 แบบคือ Low Power mode (โหมดกำลังไฟฟ้าต่ำ) Banlanced mode (โหมดสมดุล) และ Competition mode (โหมดแข่งขัน) ซึ่งแน่นอนเราปรับเป็นโหมดแข่งขันไปเลยเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดครับ

โดยเกมที่เราใช้ทดสอบกับ OPPO Reno6 Z 5G มีด้วยกัน 2 เกมคือ ROV และ Call of Duty Mobile ครับ

เล่น ROV บน OPPO Reno6 Z 5G

เริ่มที่เกม ROV ก่อนเลย ตัวเกมมีการปรับแต่งมาให้เข้ากับชิปเซ็ตได้เป็นอย่างดีแล้ว เราสามารถปรับกราฟิกรวมถึงเฟรมเรตได้ที่ระดับสูง เปิดภาพ HD ได้ เปิดเฟรมเรตสูงได้ เรียกว่าเล่นได้จัดเต็มเล่นได้อย่างครบถ้วนเลยล่ะ เท่าที่ลองเล่นจริง ๆ กราฟิกในเกมสวยงามตามระดับสูงที่เราเปิด ตัวเฟรมเรตนิ่งมากอยู่ที่ 59 – 60fps ตลอดทั้งเกม แม้จะจัดเอฟเฟกต์กันเต็มฉากก็ไม่เจออาการกระจุกเลยล่ะครับ

เล่น Call of Duty บน OPPO Reno6 Z 5G

ส่วน Call of Duty จะมีตัวเลือกให้เราปรับระดับกราฟิกแค่ Medium เท่านั้น คู่กับเฟรมเรต High แต่ระดับนี้ก็เพียงพอต่อการเล่นแล้วครับ กราฟิกอยู่ในระดับกลางภาพสวยกำลังดี คู่กับเฟรมเรตที่ High เท่าที่เราลองเช็กดูจากตัว Game Space จะอยู่ที่ราว ๆ 45 – 60fps ครับ ถือว่าเล่นได้อย่างลื่น ๆ เลยระดับนี้ครับ

แบตเตอรี่ 4310mAh ใช้งานได้ดี ตลอดทั้งวัน

ปิดท้ายการใช้งานด้วยเรื่องแบตเตอรี่ครับ OPPO Reno6 Z 5G ให้แบตเตอรี่มาที่ 4310mAh ถือว่าเยอะเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป จนถึงเล่นอะไรหนัก ๆ ได้เลย เท่าที่เราลองใช้งานมา จะเล่นเกม เล่นโซเชี่ยลหรือถ่ายรูปแบบจัดเต็ม ก็โอเคครับ ถือว่าใช้งานได้เพียงพอเลย เพราะด้วยชิปเซ็ตและระบบการจัดการที่ดีของ OS ทำให้เราใช้งานได้อย่างไม่ต้องกังวลครับ

มีชาร์จไว 30W VOOC Flash Charge 4.0

และแน่นอนความเป็น OPPO ก็ต้องมาพร้อมระบบชาร์จไวด้วยเนาะ OPPO Reno6 Z 5G มาพร้อมระบบชาร์จไว 30W VOOC Flash Charge 4.0 ที่ชาร์จได้ไว ตรงนี้ OPPO เคลมว่าชาร์จเพียง 49 นาทีก็เต็ม 100% แล้ว ช่วยให้การใช้งานเวลาเร่งรีบนั้นราบรื่นขึ้นเยอะ เพราะเราไม่จำเป็นต้องรอแบตฯเต็มเป็นเวลานาน ๆ อีกต่อไปครับ

และเท่าที่เราลองชาร์จจริง ๆ จากแบตฯ 5% เริ่มชาร์จตอน 21.30 น. ชาร์จเต็ม 100% ตอน 22.17 น. หรือราว ๆ 47 นาที ถ้าคำนวณแล้วก็ใกล้เคียงกับที่เคลมไว้จริง ๆ ครับ ชาร์จเร็วสมใจมาก ๆ

สรุปแล้ว “นี่คือสมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายพอร์ตเทรตได้เทพเกินราคา”

สรุปแล้ว OPPO Reno6 Z 5G ก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่เด่นเรื่อง Portrait อย่างแท้จริงครับ ด้วยลูกเล่นการถ่ายภาพทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังที่ใครที่ได้ลองต้องตกหลุมรัก เพราะถ่ายออกมาได้น่าประทับใจจริง ๆ ดีไซน์ที่สวยลงตัว ความบางและเบากับสีสันที่ชวนหลงใหล ในส่วนของสเปคอาจจะมีข้อสังเกตอยู่บ้างทั้งจอที่ยังเป็น 60Hz และชิปเซ็ตที่ไม่ได้หวือหวาเท่าไหร่ แต่ถ้ามองในการใช้งานจริงก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่จะมองข้ามไปไม่ได้ และหากมองในกลุ่มราคานี้แล้วใช้งานด้าน Portrait ได้ดีเท่านี้ เราว่ายังไม่มีรุ่นไหนที่เทียบ OPPO Reno6 Z 5G ได้เลยจริง ๆ เอาเป็นว่าใครที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ Portrait อยากได้ภาพที่สวยในงบหมื่นต้น ๆ แบบนี้ ไม่ต้องคิดเลยครับ OPPO Reno6 Z 5G คือคำตอบที่คุณคู่ควรเลยล่ะ !

OPPO Reno6 Z 5G ราคา 12,990 บาท

OPPO Reno6 Z 5G เปิดให้จองตั้งแต่วันที่ 22 – 29 กรกฎาคมนี้ราคา 12,990 บาท โดยใครที่สั่งจองรุ่นนี้จะได้รับของแถมเป็นลำโพง Bluetooth พร้อม E-VIP รับประกันจอแตกนาน 1 ปีรวมมูลค่า 7,099 บาทไปเลยด้วย เอ้า ! เตรียมตัวไปจองกันได้แล้วครับ ! ช่องทางการสั่งจองที่นี่

Android News41 นาที ago

Dave2D ทำการทดสอบ Snapdragon 8 Elite ได้การประหยัดพลังงานสูงขึ้นถึง 43%

นับว่าเป็นการอัปเกรด...

Android News2 ชั่วโมง ago

คาดหวัง ! Ice Universe เผย One UI 7.0 จะมีแอนิเมชันและการเปลี่ยนฉากต่างๆ ที่ยอดเยี่ยมมาก

หลังจากที่เคยมีรายงา...

Android News3 ชั่วโมง ago

Redmi Note 14 5G Series ยืนยันเปิดตัวในอินเดียวันที่ 9 ธ.ค. มาพร้อมสโลแกน “Super Camera, Super AI”

Xiaomi ได้ประกาศวันเ...

Apple News3 ชั่วโมง ago

ลือ ! Apple กำลังสร้าง ‘LLM Siri’ ในปี 2026 บน iOS 19

ตามรายงานของ Bloombe...

Android News18 ชั่วโมง ago

เช็คกัน !! OPPO เผยตารางอัปเดต ColorOS 15 บน Android 15 ทั่วโลก

ในวันนี้ OPPO ได้เปิ...

Apple News18 ชั่วโมง ago

อย่างสวย ! YouTuber โชว์ดีไซน์ iPhone 17 Air กล้องหลัง 1 เลนส์ พร้อมจอ Dynamic Island

เราได้ยินมาแค่ข่าวลื...

HUAWEI IdeaHub HUAWEI IdeaHub
IT News19 ชั่วโมง ago

หัวเว่ยเผยโฉม IdeaHub รุ่นเรือธงพร้อมอัดโปรเด็ดหนุนผู้นำจออัจฉริยะเพื่อออฟฟิศยุคใหม่

หัวเว่ยเปิดตัว IdeaH...

Smart Review21 ชั่วโมง ago

รีวิว ASUS Vivobook S 14 OLED (S5406) โน้ตบุ๊คดีไซน์มินิมอล l Intel Core Ultra 7 258V l ใช้นานสุด 27 ชม. และคีย์บอร์ดมีไฟ RGB !

รีวิว ASUS Vivobook ...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก