Connect with us

ข่าวประชาสัมพันธ์

HUAWEI มุ่งนำเทคโนโลยีดิจิทัลเสริมแกร่งประเทศไทยด้วยการขยายส่วนธุรกิจพลังงานดิจิทัล สนับสนุนไทยสู่การเป็นดิจิทัลฮับ

Published

on

คุณอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด

ในขณะที่ประเทศไทยยังเป็นตลาดกลยุทธ์หลักของหัวเว่ย หัวเว่ยเตรียมพร้อมเร่งผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในประเทศไทยอย่างเต็มที่ ด้วยการขยายส่วนธุรกิจพลังงานดิจิทัลเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และการลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งในด้าน 5G คลาวด์ และการพัฒนาทักษะดิจิทัลในประเทศ โดยหัวเว่ยจะมุ่งเสริมแกร่งประเทศไทยสู่การก้าวขึ้นเป็นดิจิทัลฮับแห่งอาเซียน และผู้นำด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอาเซียน ตามพันธกิจของหัวเว่ยในการ “เติบโตในประเทศไทยและสนับสนุนประเทศไทย”

คุณเจย์ เฉิน รองประธานหัวเว่ยเอเชียแปซิฟิก ได้กล่าวถึงเทรนด์เทคโนโลยีทั่วโลกที่น่าสนใจในยุคนิวนอร์มัล (New Normal) ภายในงานสัมมนาออนไลน์ “HUAWEI Meet the Press II” ไว้ว่า “สองปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายสำหรับทุกคน การรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดในขณะนี้ทำให้เราเห็นว่าทุกประเทศหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น โดยข้อมูลจากรายงาน Global Connectivity Index ฉบับล่าสุดของหัวเว่ยระบุว่าประเทศที่มีความพร้อมทางด้าน ICT มากกว่าประเทศอื่นจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้น้อยกว่า ทั้งในแง่ของภาคสังคมและภาคเศรษฐกิจ รวมทั้งยังสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่า ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือตลาดประเทศไทย ที่สถานการณ์ระบาดในตอนนี้ทำให้เห็นว่าการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ICT และเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มที่ในช่วงก่อนหน้านี้ มีผลเป็นอย่างยิ่งกับการช่วยให้ประเทศยังคงฟื้นตัวและเดินหน้าต่อไปได้ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติ”

คุณเจย์ เฉินได้เน้นย้ำว่าหัวเว่ยยังคงมุ่งมั่นในพันธกิจด้านการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งในประเด็นนี้ ประเทศไทยค่อย ๆ ก้าวขึ้นมาเป็นดิจิทัลฮับในภูมิภาคอาเซียนจากหลายองค์ประกอบ เรื่องแรกคือประเทศไทยได้พัฒนาแผนเศรษฐกิจดิจิทัลและสังคมแห่งชาติ ซึ่งมุ่งเป้าไปที่การพัฒนาการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและการเดินตามวิสัยทัศน์ไทยแลนด์ 4.0 เรื่องที่สองคือข้อมูลอ้างอิงจาก Speedtest Global Index 2020 ระบุว่าประเทศไทยได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับหนึ่งใน 176 ประเทศในแง่ของความเร็วอินเทอร์เน็ตแบบฟิกซ์บรอดแบนด์ ซึ่งทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในแง่การวางโครงสร้างพื้นฐานสำหรับเทคโนโลยี 5G เรื่องที่สามคือประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G ในภาคเกษตรกรรม กาคสาธารณสุข ภาคอุตสาหกรรมการผลิต และการสร้างอีโคซิสเต็มด้านดิจิทัล นอกจากนี้ ประเทศไทยยังแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในด้านการบ่มเพาะบุคลากรด้านดิจิทัล ซึ่งหัวเว่ยได้มีส่วนสนับสนุนผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น Huawei ASEAN Academy ซึ่งตั้งเป้าบ่มเพาะบุคลากรในประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคให้ได้ถึง 300,000 คนภายในระยะเวลาห้าปี และจะมีสัดส่วนในการฝึกอบรมบุคลากรในประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วนถึงหนึ่งในสามจากจำนวนบุคลากรที่ได้รับการฝึกอบรมทั้งหมด 

ด้านคุณอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดประเทศไทยว่า “หัวเว่ย ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนประเทศไทย คนไทย และธุรกิจไทยอย่างไม่หยุดยั้ง ตามพันธกิจในระยะยาวของเราที่ต้องการส่งมอบคุณค่าทางสังคมให้แก่ประเทศไทยใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ กิจกรรมเพื่อสังคมของหัวเว่ยในด้านการรับมือกับโควิด-19 การบ่มเพาะอีโคซิสเต็มของการพัฒนาทักษะดิจิทัลในประเทศไทย และการสร้างอีโคซิสเต็มสำหรับกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ

ทั้งนี้ หัวเว่ยยังได้ทำงานร่วมกับโรงพยาบาลในประเทศไทยอย่างใกล้ชิดในหลายโครงการตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มของสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ได้ส่งมอบโซลูชันการใช้ AI ส่งเสริมบริการด้านการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลรามาธิบดีและโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งช่วยส่งมอบผลการตรวจโควิด-19 ได้ในเวลาเพียง 25 วินาทีต่อเคส รวมทั้งได้จับมือกับสำนักงาน กสทช. เพื่อริเริ่มโครงการการใช้รถยนต์ไร้คนขับที่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อใช้ในการขนเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และลดการสัมผัส นอกจากนี้ หลังจากการระบาดของโควิดระลอกใหม่ในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หัวเว่ยยังได้ส่งมอบระบบโทรเวชกรรมผ่านเทคโนโลยี 5G โซลูชันจัดการผู้ป่วยในพื้นที่ InPatient area Intelligent Management และโซลูชัน eLTE broadband trunking ให้แก่โรงพยาบาลสนามบางขุนเทียน คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 6 ล้านบาท และได้ทำงานร่วมกับสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย (DCT) เพื่อบริจาคโซลูชันคลาวด์ให้แก่โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์อีกด้วย

นอกจากนี้ หัวเว่ยยังเชื่อว่าหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลขึ้นอยู่กับการวางรากฐานในด้านการพัฒนาทักษะทางดิจิทัล ซึ่งหัวเว่ยได้สนับสนุนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 อย่างต่อเนื่อง ผ่านการบ่มเพาะทักษะดิจิทัลให้แก่บุคลากรไทย โดยตั้งแต่ปี 2562 ที่ผ่านมา หัวเว่ยได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องเป็นเงิน 180 ล้านบาท เพื่อเปิดตัวศูนย์ Huawei ASEAN Academy และได้ฝึกอบรมบุคลากรไปแล้วกว่า 16,500 คนผ่านศูนย์ดังกล่าว

ในด้านธุรกิจเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพของประเทศไทย หัวเว่ยได้ร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรม อาทิ สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับดีป้า (depa) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ลูกค้ารวมถึงพาร์ทเนอร์ในไทยเพื่อให้การสนับสนุนเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพในด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ ผ่านการส่งมอบความรู้ในระดับสากลและหลักสูตรการอบรมชั้นนำอย่าง Huawei ASEAN Academy ประเทศไทย เพื่อช่วยให้เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพมีความเข้าใจในเทคโนโลยีมากขึ้นและสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับแผนธุรกิจได้

คุณอาเบลได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ประเทศไทยยังคงเป็นตลาดสำคัญของหัวเว่ย ซึ่งหัวเว่ยจะยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยใน 4 ด้าน อันได้แก่ ด้านเทคโนโลยี 5G ด้านดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์ ด้านพลังงานดิจิทัล และด้านการพัฒนาทักษะดิจิทัล โดยมีจุดประสงค์เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่การเป็นดิจิทัลฮับของภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งบรรลุเป้าหมายในการเป็นประเทศผู้นำด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภูมิภาคนี้ให้จงได้

คุณอาเบล เติ้ง ยังเปิดเผยว่าหัวเว่ยยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและพลังงานดิจิทัลมาเนิ่นนาน ซึ่งได้รับการนำไปประยุกต์ใช้ในกว่า 170 ประเทศและภูมิภาค โดยส่วนธุรกิจพลังงานดิจิทัลของหัวเว่ยได้เติบโตอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ทั้งในแง่ของผลประกอบการและส่วนแบ่งตลาด ทั้งในส่วนธุรกิจ Prefabricated Modular Data Center, Smart PV และ Site Power Facility ที่หัวเว่ยถือว่าเป็นผู้นำส่วนแบ่งตลาดในระดับโลก สำหรับส่วนธุรกิจ mPower หัวเว่ยถือเป็นบริษัทแห่งแรกในโลกที่ส่งมอบนวัตกรรมใหม่ในชื่อว่า X-in-1 ePowertrain ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานให้แก่รถยนต์พลังไฟฟ้า นอกจากนี้ หัวเว่ยยังได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ Modular Power ประสิทธิภาพสูงเป็นจำนวนมากกว่า 300 ล้านชิ้นทั่วโลก โดยในปี 2563 หัวเว่ยทำยอดขายในส่วนธุรกิจพลังงานจากทั่วโลกได้มากกว่า 5,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้บริการประชากรถึง 1 ใน 3 จากทั่วโลก

นั่นทำให้หัวเว่ยตัดสินใจขยายส่วนธุรกิจพลังงานดิจิทัลสำหรับตลาดประเทศไทยในปีนี้ โดยปัจจุบัน หัวเว่ยได้ให้บริการลูกค้าระดับองค์กรธุรกิจมากกว่า 1,000 รายในตลาดประเทศไทย ทั้งนี้ องค์กรธุรกิจ 35 แห่งจาก 50 แห่ง ได้เลือกหัวเว่ยเป็นพาร์ทเนอร์ในด้านพลังงานดิจิทัล ซึ่งหัวเว่ยกำลังสร้างเครือข่ายพาร์ทเนอร์สำหรับด้านการบริการ การติดตั้ง และด้านโซลูชันมากกว่า 50 รายในประเทศไทย โดยหัวเว่ยคาดว่าการขยายส่วนธุรกิจในครั้งนี้จะช่วยสร้างงานในทางอ้อมได้มากกว่า 1,000 ตำหน่งในประเทศไทย ซึ่งหัวเว่ยทีมกับพาร์ทเนอร์หวังว่าเทคโนโลยีชั้นนำและกรณีตัวอย่างการใช้งานในระดับโลกจะสามารถช่วยส่งเสริมประเทศไทยในการขึ้นเป็นผู้นำด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอาเซียนได้

“ในด้านเทคโนโลยี 5G ประเทศไทยได้ขึ้นเป็นผู้นำในเรื่องการริเริ่มติดตั้งเครือข่าย 5G ในระดับภูมิภาคไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผู้ให้บริการเครือข่ายรายต่าง ๆ ในไทยที่ช่วยผลักดันเรื่องนี้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ภายในสิ้นปีนี้ ประเทศอื่น ๆ ก็จะเริ่มตามทันไทยในแง่ของการขยายเครือข่าย 5G ต้องการจะเอาชนะในยก 2 ต่อจากนี้ ประเทศไทยจำเป็นต้องผลักดันให้มีอัตราการใช้งาน 5G เพิ่มขึ้นอย่างเร็วที่สุด เพื่อสร้างงานและโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ รวมถึงช่วยเพิ่มสัดส่วนที่เศรษฐกิจดิจิทัลจะมีผลต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ซึ่งหัวเว่ยจะสนับสนุนประเทศไทยผ่านการลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านนวัตกรรม 5G และเสริมสร้างอีโคซิสเต็มในประเทศ“ คุณอาเบลกล่าว

ทั้งนี้ หัวเว่ยได้ลงทุนเป็นเงิน 475 ล้านบาทในโปรเจ็ค 5G EIC เพื่อพัฒนานวัตกรรม 5G สำหรับใช้งานในหลากหลายภาคอุตสาหกรรม สร้างโมเดลธุรกิจใหม่ และเพิ่มทักษะให้แก่สตาร์ทอัพและเอสเอ็มอี โดยหัวเว่ยยังได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์เพื่อจัดงานประชุมสุดยอด 5G Summit ในไทยในปีนี้ เพื่อช่วยวางรากฐานให้แก่อุตสาหกรรมและอีโคซิสเต็มของ 5G ในประเทศ ซึ่งหัวเว่ยเชื่อว่างานประชุมสุดยอดในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยผลักดันการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลในประเทศไทยด้วยการประยุกต์ใช้ 5G ในอุตสาหกรรมแนวดิ่ง นอกจากนี้ หัวเว่ยยังจะได้รับการสนับสนุนจากดีป้าในการสร้างอีโคซิสเต็มของพาร์ทเนอร์เพื่อก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรด้าน 5G และเพื่อสร้างอีโคซิสเต็มสำหรับนวัตกรรมและแอปพลิเคชัน 5G ในภาคอุตสาหกรรมที่สมบูรณ์

“ที่สำคัญคือหัวเว่ยจะยังคงมุ่งมั่นสร้าง อีโคซิสเต็มของ 5G ในประเทศไทยต่อไป เพื่อสร้างนคร 5G ระดับแนวหน้า และมีมาตรฐานโครงสร้างพื้นฐานของโครงข่าย 5G ในขั้นสูง เสริมแกร่งแอปพลิเคชันรวมทั้งนวัตกรรมด้าน 5G เพื่อสร้างโมเดลและคุณค่าใหม่ทางธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยมีศักยภาพสูงพอที่จะขึ้นเป็นเมือง 5G แห่งภูมิภาคอาเซียน รองรับการเป็นเจ้าภาพเอเปคในปี 2565 ของไทยที่จะจัดขึ้นในจังหวัดกรุงเทพมหานคร พัทยา และเชียงใหม่” เขากล่าวเสริม

คุณอาเบลได้กล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับในด้านคลาวด์ หัวเว่ยจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีคลาวด์ โดยในปีนี้ หัวเว่ยจะลงทุนเป็นเงิน 700 ล้านบาท สำหรับศูนย์ข้อมูลการให้บริการคลาวด์แห่งที่สามในประเทศไทย ซึ่งทำให้หัวเว่ยเป็นผู้ให้บริการ HUAWEI CLOUD ระดับโลกในไทยเพียงรายเดียวที่มีศูนย์ข้อมูลในประเทศถึงสามแห่ง โดยหัวเว่ยต้องการสนับสนุนด้านการวางจุดยืนให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ดูน่าลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติในด้านการตั้งศูนย์ข้อมูล (Data Center) และการลงทุนในครั้งนี้ยังช่วยสร้างงานใหม่กว่า 200 ตำแหน่ง ด้วยความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในไทยกว่า 200 ราย ทั้งนี้ หัวเว่ยต้องการจะผลักดันให้ประเทศไทยดูน่าดึงดูดและน่าลงทุนมากขึ้นในสายตาขององค์กรธุรกิจข้ามชาติ ที่ต้องการจะตั้งศูนย์ข้อมูลในภูมิภาคนี้

หัวเว่ยยังเชื่อว่าหัวใจสำคัญของการผลักดันการพัฒนาด้านดิจิทัลนั้นขึ้นอยู่กับโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล ซึ่งทางบริษัทได้ผลักดันนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ผ่านการบ่มเพาะบุคลากรในไทย เพื่อช่วยลดช่องว่างเรื่องการขาดจำนวนบุคลากรด้านดิจิทัลในประเทศไทย ด้วยโครงการพัฒนาอย่าง Huawei ASEAN Academy ประเทศไทย ซึ่งตั้งเป้าฝึกอบรมบุคลากรที่ทำงานด้านไอทีในไทยให้ได้รับทักษะในระดับโลกเป็นจำนวน 100,000 คนภายในเวลา 5 ปีนี้

“เทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการเชื่อมต่อทุกคนเข้าด้วยกันรวมถึงนำเสนอโอกาสใหม่ ๆ ในฐานะที่หัวเว่ยเป็นองค์กรด้าน ICT ชั้นนำที่มุ่งผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างต่อเนื่องและส่งมอบคุณค่าให้แก่สังคมไทยมากว่า 22 ปี เราจะมุ่งผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในประเทศไทยต่อไป เพื่อนำเทคโนโลยีดิจิทัลเชื่อมต่อทุกผู้คน ทุกครัวเรือน และทุกองค์กรเข้าด้วยกันอย่างชาญฉลาด และช่วยให้ประเทศไทยสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว หัวเว่ยจะไม่หยุดยั้งในด้านการมุ่งผลักดันประเทศไทยต่อไป ตามพันธกิจของการเติบโตไปพร้อมกับประเทศไทยและสนับสนุนช่วยเหลือประเทศไทยเพื่อช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่การดิจิทัลฮับแห่งอาเซียนและการขึ้นเป็นผู้นำด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ได้สำเร็จลุล่วง” คุณอาเบลกล่าวปิดท้าย

New Movies on Netflix in December 2024 New Movies on Netflix in December 2024
IT News1 ชั่วโมง ago

หนังใหม่ Netflix ประจำเดือนธันวาคม 2024

หนังใหม่ Netflix ประ...

Android News2 ชั่วโมง ago

เปิดตัว OPPO Find X8 Series ราคาเริ่มต้น 29,999 บาท

ออปโป้ เปิดตัว “OPPO...

Android News2 ชั่วโมง ago

เปิดตัวแล้ว OPPO Enco Air4 และ OPPO Pad 3 Pro

เปิดตัวแล้ว! “OPPO E...

IT News24 ชั่วโมง ago

สรุปข่าวรอบสัปดาห์ระหว่างวันที่ 16 – 22 พ.ย. 67

ข่าวเด่นช่วงระหว่างว...

The first Nintendo Authorized Store by SYNNEX in Southeast Asia is now open The first Nintendo Authorized Store by SYNNEX in Southeast Asia is now open
ข่าวประชาสัมพันธ์1 วัน ago

เปิดแล้ว Nintendo Authorized Store by SYNNEX แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ซินเน็ค จับมือคอปเปอ...

NT GSB NT GSB
ข่าวประชาสัมพันธ์1 วัน ago

NT อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าธนาคารออมสินใช้งานแอป MyMo ไม่เสียค่าเน็ตผ่าน 2 เครือข่ายมือถือ

NT อำนวยความสะดวกลูก...

AIS 5G strengthens its leadership with SEA COVERAGE, spanning both sides of the Thai sea AIS 5G strengthens its leadership with SEA COVERAGE, spanning both sides of the Thai sea
ข่าวประชาสัมพันธ์1 วัน ago

AIS 5G โชว์แกร่งโครงข่ายที่ 1 ตัวจริง SEA COVERAGE ครอบคลุม 2 ฝั่งทะเลไทย

AIS 5G โชว์แกร่งโครง...

Bangkok Illustration Fair 2024 Bangkok Illustration Fair 2024
Apple News1 วัน ago

Apple ร่วมกับ Bangkok Illustration Fair 2024 จัด Today at Apple เซสชั่นพิเศษ ที่ Central World เรียนรู้เทคนิควาดภาพบน iPad กับ 2 ศิลปินมากความสามารถ

Today at Apple ร่วมเ...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก