Connect with us

Featured

รีวิว Xiaomi 11T Pro ที่สุดแห่งสมาร์ทโฟนเนรมิตภาพเคลื่อนไหวระดับ CINEMAGIC

Published

on

รีวิว Xiaomi 11T Series สมาร์ทโฟนสุดคุ้มรุ่นใหม่ที่มาพร้อมสโลแกน “CINEMAGIC” หรือสมาร์ทโฟนที่สามารถเนรมิตภาพเคลื่อนไหวระดับมืออาชีพด้วยกล้องหลัง 3 ตัว 108MP รุ่นนี้นอกจากกล้องที่โดดเด่นมากแล้ว ยังมีสเปคที่จัดเต็มขั้นสุดทั้ง ชิปเซ็ตระดับเรือธง หน้าจอ AMOLED 120Hz และระบบชาร์จไว HyperCharge 120W อีกด้วย!

และหลังจากที่เราลองใช้งานมากว่า 1 สัปดาห์วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net ขอมารีวิวให้ชมกันว่าจะคุ้มค่าสมคำร่ำลือแค่ไหน…ติดตามครับ

สรุปสเปค Xiaomi 11T

  • ขนาดตัวเครื่อง : 164.1 x 76.9 x 8.8 มม.
  • น้ำหนัก : 203 กรัม
  • หน้าจอ : AMOLED Flat ขนาด 6.67″ แบบ 10-bit ความละเอียด FHD+ refresh rate 120Hz
  • CPU : Dimensity 1200-Ultra Octa-core 3.0GHz (6nm)
  • GPU : Mali-G77 MC9
  • RAM : 8GB
  • ROM : 128GB/256GB
  • แบตเตอรี่ : 5000mAh
  • ระบบชาร์จ : ชาร์จไว 67W
  • กล้องหน้า : 16MP f/2.5
  • กล้องหลัก : 3 ตัว
    • กล้องหลัก 108MP f/1.8
    • กล้อง Ultra Wide-angle 8MP f/2.2
    • กล้อง Tele macro 5MP f/2.4
  • ระบบเสียง : ลำโพงคู่ Stereo ปรับจูนโดย Harman/Kardon
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12.5

สรุปสเปค Xiaomi 11T Pro

  • ขนาดตัวเครื่อง : 164.1 x 76.9 x 8.8 มม.
  • น้ำหนัก : 204 กรัม
  • หน้าจอ : AMOLED Flat ขนาด 6.67″ แบบ 10-bit ความละเอียด FHD+ refresh rate 120Hz
  • CPU : Snapdragon 888 Octa-core 2.84GHz (5nm)
  • GPU : Adreno 660
  • RAM : 8GB/12GB
  • ROM : 128GB/256GB
  • แบตเตอรี่ : 5000mAh
  • ระบบชาร์จ : ชาร์จไว 120W HyperCharge
  • กล้องหน้า : 16MP f/2.5
  • กล้องหลัก : 3 ตัว
    • กล้องหลัก 108MP f/1.8
    • กล้อง Ultra Wide-angle 8MP f/2.2
    • กล้อง Tele macro 5MP f/2.4
  • ระบบเสียง : ลำโพงคู่ Stereo ปรับจูนโดย Harman/Kardon
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12.5

แกะกล่อง Xiaomi 11T Pro

ก่อนอื่นขอเช็กอุปกรณ์ในกล่องกันก่อนเลยดีกว่าว่า Xiaomi 11T Pro แถมอะไรมาให้ ที่หน้ากล่องยังระบุเลข 11 ไว้เด่นๆ เหมือนเดิม พร้อมชื่อรุ่นอยู่ที่ด้านล่างว่า Xiaomi 11T Pro และมีโลโก้ Harman/Kardon เพื่อเป็นการยืนยันว่าระบบเสียงเทพนะจ๊ะรุ่นนี้

อุปกรณ์ภายในกล่องให้มาตามสไตล์ Xiaomi เลยครับ มีด้วยกัน 6 อย่างประกอบด้วย

  1. ตัวเครื่อง Xiaomi 11T Pro
  2. เคสซิลิโคน
  3. สายชาร์จ
  4. อะแดปเตอร์ชาร์จ 120W HyperCharge
  5. เอกสารคู่มือ
  6. เข็มจิ้มถาดซิม

สำหรับอะแดปเตอร์รอบนี้บอกเลยว่าจัดเต็มมากเพราะมีน้ำหนักกว่า 200 กรัมเลยทีเดียว จะจัดเต็มแค่ไหนกับอะแดปเตอร์ขนาดนี้ เดี๋ยวไว้ลองให้ในช่วงแบตเตอรี่ตอนท้ายเนาะ

กล้องหลัง 3 ตัวความละเอียด 108MP

ไหน ๆ รุ่นนี้ก็เน้นในเรื่องกล้องวิดีโอแบบจัดเต็มแล้ว เราขอพูดเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลยละกันครับ ! สำหรับ Xiaomi 11T Series จะมาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัวเหมือนกัน เราเลยขอรีวิวเรื่องกล้องไปด้วยกันเลย แต่ในส่วนของตัวอย่างและวิดีโอที่ได้จะมาจาก Xiaomi 11T Pro เป็นหลักครับ มีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้ครับ

  • 108MP กล้องหลัก f/1.9 OIS
  • 8MP กล้อง Ultra Wide มุมกว้าง 120° f/2.2
  • 5MP กล้อง Tele macro f/2.4

โหมดวิดีโอรองรับเพียบสมสโลแกน CINEMAGIC

เรียกว่าให้มาครบพอต่อการใช้งานทั้งภาพถ่ายและการถ่ายวิดีโอแบบจัดเต็มเลยด้วย สำหรับสเปควิดีโอที่ถ่ายได้บน Xiaomi 11T Pro นั้นมีรายละเอียดดังนี้ครับ

  • ความละเอียด 8K 30fps, 4K 30/60fps, 1080p 30/60fps
  • รองรับวิดีโอ 4K HDR10+ แบบ 10-Bit
  • รองรับวิดีโอ Slowmotion 1080p 120/240/960fps
  • รองรับ Audio Zoom
  • รองรับฟีเจอร์ Dual video ถ่ายวิดีโอหน้า-หลังพร้อมกัน

ในเรื่องคุณภาพวิดีโอตามสเปคที่ถ่ายได้บอกเลยว่าครบและจัดเต็มมาก เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปจนถึงการถ่ายจริงจังได้เลย อย่างความละเอียดวิดีโอสูงสุดของรุ่นนี้ก็ได้ถึง 8K 30fps ให้รายละเอียดภาพและเสียงความคมชัดแบบขั้นสุดจริง ๆ ครับ ด้วยความละเอียดระดับนี้เราสามารถซูมแบบดิจิทัลเข้าไปได้โดยที่รายละเอียดยังคมชัดอยู่ด้วย

หรือถ้าอยากได้ไฟล์วิดีโอแบบ HDR เทพ ๆ รุ่นนี้ก็ยังมีฟีเจอร์บันดึกวิดีโอแบบ HDR10+ ได้บนความละเอียดสูงสุด4K 30fps ด้วย บันทึกวิดีโอได้ขอบเขตสีที่กว้างกว่า บันทึกสีได้แบบ 10-Bit หรือ 1 พันล้านสีเลยด้วย บันทึกภาพได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งความสว่าง, สีสันและค่าคอนทราสต์

ตัวอย่างวิดีโอ 4K HDR10+ จาก Xiaomi 11T Pro

Movies Effects เอฟเฟกต์วิดีโอแบบหนังฟอร์มยักษ์

นอกจากในโหมดปกติแล้ว บน Xiaomi 11T Series ยังมีฟีเจอร์ Movies Effects ที่เราเคยเห็นบนหนังใหญ่หลายเรื่องมาอยู่บนมือถือเครื่องนี้ด้วย มีให้เลือก 5 หมวดคือ Magic Zoom, Slow Shutter, Time Freeze, Night Timelapse และ Parallel World ครับ

ตัวอย่างวิดีโอจากฟีเจอร์ Magic Zoom จาก Xiaomi 11T Pro

ตัวอย่างวิดีโอจากฟีเจอร์ Parellel World จาก Xiaomi 11T Pro

Vlog เนรมิตวิดีโอสั้นง่าย ๆ แค่คลิก

หรือถ้าใครที่อยากได้วิดีโอแบบเจ๋ง ๆ ที่มีหลายซีนพร้อมตัดต่อให้แบบเท่ ๆ ก็ต้องโหมดนี้เลยครับ ในนี้จะมี Preset ให้เลือกถ่ายเลยว่าอยากได้แนวไหนแล้วก็เลือกถ่ายในซีนนั้น ๆ ตัวระบบจะตัดต่อให้เราพร้อมใส่เพลงและเพิ่มTransitions ให้แบบเจ๋ง ๆ เลยครับ โหมดนี้คือง่ายและลงตัวดีจริง ๆ ครับ

ตัวอย่างวิดีโอจากโหมด Vlog ของ Xiaomi 11T Pro

Tele macro บนวิดีโอได้ด้วย

อีกหนึ่งลูกเล่นที่เราคิดว่าน่าสนใจไม่น้อยก็คือการใช้กล้อง Tele macro ในการถ่ายวิดีโอ ตรงนี้จะเข้ามาช่วยให้เราได้ภาพแบบใกล้ ๆ กว่าที่เคย แถมคุณภาพยังยอดเยี่ยมแบบที่เรียกว่าเป็นอีกมุมมองของการถ่ายวิดีโอเลยก็ว่าได้ครับ

ตัวอย่างวิดีโอจากกล้อง Tele macro ของ Xiaomi 11T Pro

Super Slowmotion สูงสุด 1080p 960fps

พูดถึงวิดีโอแบบเจ๋ง ๆ ก็ต้องเป็น Super Slowmotion ที่จะเปลี่ยนการถ่ายวิดีโอธรรมดา ๆ ให้เป็นแบบที่ช้าแบบเท่ ๆ ซึ่งบน Xiaomi 11T Pro นั้นรองรับสูงสุดที่ 1080p 960fps กันเลยทีเดียว ทำให้เราสามารถถ่ายอะไรที่เคลื่อนไหวเร็ว ๆ ให้ช้าประหนึ่งหยุดนิ่งได้จริง ๆ

ตัวอย่างวิดีโอจากโหมด Super Slowmotion ของ Xiaomi 11T Pro

กล้อง 3 ตัวที่ให้มาครบระยะ

ในเรื่องช่วงเลนส์ Xiaomi 11T Series ก็ให้มาครบด้วยกล้องหลัก 108MP ที่สามารถใช้ซูมภาพแบบดิจิทัลได้แบบที่ภาพยังคมอยู่ หรือจะเป็นกล้อง Ultra Wide ที่ให้มุมกว้างถึง 120° และยังมี Tele macro ที่คุณภาพเยี่ยมเพิ่มระยะให้ถ่ายภาพวัตถุใกล้ ๆ ได้แบบที่สวยและคมชัดเอามาก ๆ อีกด้วย กล้องทั้ง 3 ตัวของ Xiaomi 11T Pro นี้ต้องบอกเลยว่าถูกใจเราไม่น้อยครับ ทุกตัวใช้ประโยชน์ได้จริงและดีด้วย !

ภาพนิ่งก็ไม่น้อยหน้า ถ่ายง่ายและผลลัพธ์เยี่ยม

เห็นชูกล้องวิดีโอมาจัดเต็มแบบนี้ แต่อย่าคิดว่ากล้องภาพนิ่งจะธรรมดาครับ เพราะ Xiaomi 11T Series ก็ยังจัดเต็มด้วยฟีเจอร์ AI Camera ที่คอยวิเคราะห์ซีนและตกแต่งภาพได้อย่างสวยงามแบบจบหลังกล้องได้เลยไม่ต้องแต่งเพิ่ม

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลักของ Xiaomi 11T Pro

โหมด 108MP ความละเอียดเต็มครอปภาพได้เลย

อย่างที่บอกไปว่าความละเอียดกล้องหลักของ Xiaomi 11T Pro นั้นให้มามากถึง 108MP แต่ในการถ่ายทั่วไปจะมีการประมวลผลภาพออกมาที่ความละเอียดระดับ 12.5MP แทนเพื่อการประหยัดพื้นที่ในการใช้งาน แต่หากอยากได้ไฟล์ภาพแบบเต็มเซ็นเซอร์ระดับ 108MP เลยก็ยังมีโหมดความละเอียดเต็มมาให้เลือกใช้งานเช่นกัน ไฟล์ภาพที่ได้คมชัดสุด ๆ แบบที่เราสามารถมาครอปภาพทีหลังในบางส่วนได้เลย

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด 108MP ของ Xiaomi 11T Pro

กล้อง Ultra Wide มุมกว้าง 119º

ส่วนกล้อง Ultra Wide ก็ได้มุมมกว้างถึง 119º กันเลย ช่วยให้เราเก็บภาพมุมกว้างกว่ามุมปกติ ความละเอียดที่ให้มา 8MP ก็ถือว่าสวยคมกำลังดีเลย ถ้าเก็บภาพในที่แสงเพียงพอรายละเอียดจะออกมายอดเยี่ยมเลยล่ะครับ ถือว่าเป็นกล้องอีกตัวที่ใช้งานได้อย่างน่าประทับใจไม่น้อยครับ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Ultra Wide ของ Xiaomi 11T Pro

กล้อง Tele macro ถ่ายภาพระยะใกล้ได้โคตรดี

ปิดท้ายที่กล้อง Tele macro ความละเอียด 5MP กล้องตัวนี้จะช่วยให้เราได้ถ่ายวัตถุในระยะใกล้ได้มากขึ้น ที่ชอบมาก ๆ ก็คือตัวเลนส์เป็นแบบ 2X อยู่แล้ว หมายความว่าเราไม่จำเป็นต้องเข้าไปใกล้แบบเอาเลนส์ชิดกับวัตถุเพียงแค่เล็งดี ๆ และกะระยะให้ถูก เราก็จะได้ภาพ macro ที่ยอดเยี่ยมมาแล้ว แถมความละเอียดยังมากถึง 5MP เพียงพอต่อการใช้งานอย่างมากเลยล่ะครับ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Tele macro ของ Xiaomi 11T Pro

Portrait ก็เนียนมีฟิลเตอร์ให้เลือกด้วย

สำหรับการถ่ายคนหรือ Portrait บน Xiaomi 11T Pro ก็ไม่ธรรมดาเช่นกันครับ เพราะมีลูกเล่นพวก Filter หรือ Beauty มาให้ใช้ด้วย ก็คือเรียกว่าถ่ายสวยแบบที่จบหลังกล้องได้เลย ไม่ต้องไปปรับในแอปอื่นเพิ่มแล้ว อยากได้โทนหวาน ๆ ละมุนหน่อย ๆ ก็ทำได้ หรือจะเป็นพวกเอฟเฟกต์แสงก็มีด้วย

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait ของ Xiaomi 11T Pro

กล้องหน้า 16MP เซลฟี่ได้สวย

Xiaomi 11T Pro มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 16MP เซลฟี่สวยใช้ได้เลยครับ มีโหมด Beautify, ฟิลเตอร์ รวมถึงPortrait ให้เลือกใช้ด้วย คุณภาพกำลังดีเลย สายสวยหน้าใสชอบแน่นอนครับกล้องหน้าของรุ่นนี้

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ Xiaomi 11T Pro

เรียกว่าทำการบ้านมาดีจริง ๆ สำหรับ Xiaomi 11T Series ฟีเจอร์กล้องให้มาแบบเพียบทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ ซึ่งแต่ละโหมดก็ทำได้ดีมากด้วย ช่วยให้เราสนุกไปกับการถ่ายภาพและวิดีโอขึ้นอีกเยอะสมกับสโลแกน “CINEMAGIC” จริงๆ

ดีไซน์พรีเมี่ยมด้วยฝาหลัง Brush Finish

มาดูเรื่องดีไซน์กันต่อ เราขอพูดแบบรวม ๆ เป็น Xiaomi 11T Series ไปเลยละกัน เพราะทั้ง Xiaomi 11T และ Xiaomi 11T Pro มีดีไซน์ภายนอกที่เหมือนกันทุกอย่าง จะแตกต่างกันที่สเปคภายในนิดหน่อย เผื่อว่าใครที่สนใจ Xiaomi 11T อยู่ด้วย ก็ดูดีไซน์นี้ไปได้เลยครับ

Xiaomi 11T Series มาพร้อมดีไซน์พรีเมี่ยมเอามาก ๆ ด้วยบอดี้ฝาหลังโค้งที่ให้ความรู้สึกเวลาสัมผัสที่ดี และในสี Meteorite Gray ที่เราได้มารีวิวยังมีลวดลาย Brush Finish ซ่อนอยู่ที่ด้านในด้วย เวลากระทบกับแสงต้องบอกเลยว่าสวยหรูหรามากครับ

ส่วนตำแหน่งกล้องจะวางไว้ที่มุมซ้ายบนที่มีเลนส์กล้อง 3 ตัวพร้อมไฟแฟลชและไมโครโฟนที่ดูแล้วทรงพลังมาก ๆ ตรงนี้ Xiaomi เผยว่าได้แรงบันดาลใจมาจากกล้องถ่ายวิดีโอพร้อมจุดแดงที่สะท้อนถึงไฟ Record ที่มักจะเห็นกันในกล้องวิดีโอที่มีการบันทึกภาพอยู่นั่นเองครับ

ขนาดที่เต็มไม้เต็มมือ

ขนาดตัวเครื่องของ Xiaomi 11T Series บอกเลยว่าเต็มไม้เต็มมือเลยเอามาก ๆ ให้ความรู้สึกที่แน่นหนาและแข็งแรง น้ำหนักตัวเครื่องจะอยู่ที่ 204 กรัม ถือว่ากำลังดีในมือถือไซส์นี้ และก็ยังมีความบางเพียง 8.8 มม. ที่ให้ความรู้สึกที่ไม่หนาจนเกินไปเมื่อถืออยู่ในมือครับ

หน้าจอ AMOLED Flat สวยถูกใจ

ที่หน้าจอของ Xiaomi 11T Series จะใช้เป็นจอ AMOLED แบบแบนขนาดใหญ่ 6.67” ใช้ดีไซน์แบบ Dot Display ที่มีรูกล้องหน้าวางอยู่ตรงกลางได้สมมาตรเอามาก ๆ ขอบหน้าจอแม้จะไม่ได้บางเฉียบไปเลย แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีไม่น้อยครับ

ในเรื่องสีสันและความละเอียดรุ่นนี้ได้การแสดงผลสีถึง 10-bit หรือ 1 พันล้านสีกันเลย บนความละเอียดระดับ FHD+ จะดูหนังดูภาพต่าง ๆ บอกเลยว่าให้ความคมชัดได้ดีมาก ๆ แถมรุ่นนี้ยังได้รับคะแนนทดสอบจาก Display Mate ที่A+ ด้วย มั่นใจได้เลยว่าสีสันและความคมชัดถูกใจสุด ๆ

ส่วนเรื่องการตอบสนอง Xiaomi 11T Series รองรับ refresh rate 120Hz และมี Touch Sampling rate มากถึง 480Hz ทำให้ทุกการตอบสนองบนหน้าจอนั้นลื่นไหลไปหมด ไม่ว่าจะเลื่อนหน้าจอ ไถฟีดโซเชี่ยล หรือกระทั่งเล่นเกม มันติดนิ้วไปหมดเลยล่ะครับ

ตำแหน่งปุ่มกดและพอร์ตการเชื่อมต่อ

Xiaomi 11T Series วางตำแหน่งปุ่มกดทั้งหมดไว้ที่ฝั่งขวาของตัวเครื่อง เป็นระดับที่เอื้อมนิ้วไปกดได้ง่าย ไม่ฝืนจนเกินไปแม้ตัวเครื่องจะมีขนาดที่ใหญ่แบบเต็มมือ

ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อจะมีเพียงพอร์ต USB type-C เพียงพอร์ตเดียวอยู่ด้านล่างของตัวเครื่อง และถาดใส่ซิมจะเป็นแบบ Dual-SIM ไม่รองรับ micro-SD ครับ

ลำโพงคู่พลังเสียง Harman/Kardon

ลำโพงของรุ่นนี้ได้มาแบบคู่ Stereo และจูนเสียงโดย Harman/Kardon ด้วย แน่นอนว่าเสียงที่ได้นั้นมีมิติอย่างมากแถมยังรองรับระบบเสียง Dolby Atmos อีกด้วย เป็นคุณภาพเสียงชั้นยอดบนสมาร์ทโฟนเลยล่ะครับ ไม่ว่าจะดูหนังหรือฟังเพลง ใช้ได้ดีจนไม่ต้องพึ่งหูฟังเลย ครบเครื่องมาก ๆ 

สแกนลายนิ้วมือมี สแกนหน้าก็ครบ

ในเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย Xiaomi 11T Series มาพร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Power ที่แตะสแกนได้ง่ายแถมรวดเร็วมากด้วย เพียงแค่เราวางนิ้วก็สามารถปลดล็อคได้แล้ว ไม่ต้องกดลงไป หรือจะใช้เป็นระบบสแกนใบหน้าก็ได้เช่นกันครับ ใช้งานได้อย่างสะดวกทั้งคู่ครับ

MIUI 12.5 ตัวล่าสุด

เช่นเดียวกับหน้าตาครับ Xiaomi 11T Series จะมาพร้อมซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นล่าสุดของ Xiaomi กับ MIUI 12.5 ที่ครอบทับอยู่บน Android 11 เหมือนกัน ในเรื่องความลื่นไหลและหน้าตา UI ก็ทำได้ดีเลยครับ มีลูกเล่นในการปรับแต่งที่หลากหลายทั้งการปรับเปลี่ยนไอคอน มีฟีเจอร์ Wallpaper Carousel ที่จะคัดภาพสวย ๆ มาเป็น Wallpaper ในหน้า Lockscreen และสลับไปเรื่อย ๆ เพื่อความสวยงาม

หรืออย่าง UI หลักทั้ง Control Center หรือ Recent Apps ที่มีการปรับแต่งมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Xiaomi ก็ช่วยให้การใช้งานนั้นดูน่าสนใจขึ้นไปอีกด้วยครับ

ในเรื่องการตอบสนองของระบบต่าง ๆ ก็ออกแบบมาดี รองรับทั้ง refresh rate สูง 120Hz ของหน้าจอ แถม Xiaomi 11T Pro ยังมีระบบสั่นที่นุ่มนวลด้วย ทำให้การใช้งานดูมีระดับมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนหน้าจอการพิมพ์หรือการทำงานต่าง ๆ เป็นระดับเรือธงขึ้นมาเลยล่ะครับ

ประสิทธิภาพจัดเต็มด้วยชิปเซ็ตเรือธง

มาเข้าสู่เรื่องประสิทธิภาพที่หลายคนสนใจบนรุ่นนี้ เพราะ Xiaomi 11T Series นั้นจัดเต็มมาอย่างมาก เพราะบนรุ่น Xiaomi 11T ก็จะมาพร้อมชิปเซ็ตตัวแรงอย่าง Dimensity 1200-Ultra ในขณะที่ Xiaomi 11T Pro นั้นจะมาพร้อมชิป Snapdragon 888 กันเลย เรียกว่าแรงในทุกโมเดลจริง ๆ ครับ

ในส่วนของ Xiaomi 11T Pro เราทดสอบคะแนนคร่าว ๆ ผ่านแอป AnTuTu Benchmark แล้วได้ผลคะแนนออกมาระดับท็อปจริง ๆ กับคะแนน 646351 คะแนน

ในขณะที่ GeekBench 5.0 ก็ได้คะแนนสูงไม่แพ้กันแบ่งเป็น Single-Core 800 คะแนน และ Multi-Core 3189 คะแนนครับ

แรงขนาดนี้ถึงคราวเล่นเกมกันแล้วซึ่งเกมที่เราจะใช้ทดสอบในรอบนี้มี 3 เกมใหญ่เลยทั้ง Call of Duty, Marvel Future Revolution และ Genshin Impact ครับ ในเรื่องซอฟต์แวร์สำหรับการเล่นเกม Xiaomi 11T Pro มาพร้อมฟีเจอร์ Game Turbo ที่จะมาช่วยในการจัดการระบบและเครือข่ายขณะเล่นเกมให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทำให้เราเล่นเกมได้อย่างเต็มที่ครับผม

เล่น Call of Duty บน Xiaomi 11T Pro

เริ่มที่ Call of Duty ก่อนเลย แน่นอนว่าชิปเซ็ต Snapdragon 888 ตัวท็อปแบบนี้ ก็ต้องปรับระดับกราฟิกและเฟรมเรตได้ที่สูงสุดอยู่แล้ว เราเลือกปรับกราฟิกเป็น Very High คู่กับเฟรมเรตแบบ Max เลยล่ะครับ เท่าที่เล่นแบบจริงจังก็ทำได้ลื่นไหลมาก ไม่เจอจังหวะที่เฟรมเรตดรอปเลยแม้จะเล่นอย่างต่อเนื่องเลยก็ตาม ขนาดหน้าจอที่ใหญ่ยักษ์พร้อมการตอบสนองของหน้าจอระดับ 480Hz ก็ช่วยให้การเล่นเกมแนวนี้ดีขึ้นไปอีก จะหันมอง เล็ง ยิง! ก็ทันนิ้วไปหมด

เล่น Marvel Future Revolution บน Xiaomi 11T Pro

ต่อมาเป็นเกมกราฟิกอลังการใหม่ล่าสุดอย่าง Marvel Future Revolution เกมนี้ถือว่าใช้สเปคสูงพอสมควรเลยหากต้องการภาพและเฟรมเรตที่สูงสุด ซึ่งแน่นอนว่า Xiaomi 11T Pro ก็ปรับได้สูงสุดเช่นกันทั้งภาพกราฟิกระดับ Max เฟรมเรต High เล่นได้อย่างราบรื่นดีมากครับ แต่จะมีจังหวะที่ตัวระบบปรับเฟรมเรตลงมาเองเป็น 30fps บ้างหากเล่นไปนาน ๆ แล้วเกิดความร้อนเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่จนรู้สึกหงุดหงิดครับ แป๊บ ๆ ก็จะกลับมาลื่นเหมือนเดิมได้

เล่น Genshin Impact บน Xiaomi 11T Pro

ปิดท้ายที่เกมปราบเซียนอย่าง Genshin Impact ที่โหดหินที่สุดบนสมาร์ทโฟนตอนนี้ แน่นอนว่าเราปรับกราฟิกได้สูงสุดอยู่แล้วบน Xiaomi 11T Pro จะเปิด 60fps ไปด้วยก็ยังไหว แต่เกมนี้จะคล้าย ๆ กับ Marvel Revolution ครับคือหลังจากเล่นไปสักพักใหญ่ ตัวเครื่องจะมีความร้อนสะสมอยู่และตัวเฟรมเรตจะมีการดรอปลงมาบ้างในบางจังหวะ แต่ก็ไม่ถึงขั้นกระตุกจนรับไม่ได้ครับ

ในเรื่องประสิทธิภาพการทำงานแน่นอนว่า Xiaomi 11T Pro นั้นจัดเต็มอยู่แล้ว ในเรื่องการทำงานหนัก ๆ หรือการเล่นเกมแบบจริงจังก็ตอบโจทย์เอามาก ๆ ด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 888 แถมยังมีการจัดการระบบที่ดีอย่าง Game Turbo อีกด้วย สายเกมจ๋า ๆ ได้สัมผัสก็คงไม่ผิดหวังแน่นอนครับ

แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ใช้งานสะใจ

ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่และการชาร์จอีกเช่นเคย Xiaomi 11T Pro ให้แบตเตอรี่มาสูงถึง 5000mAh เยอะสะใจมาก เท่าที่เราลองใช้งานมาจริงจังกว่า 1 สัปดาห์ก็สัมผัสได้ถึงความอึดทนของแบตเตอรี่จริง ๆ ใช้งานทั่วไปก็คือผ่าน 1 วันได้สบายหรือจะลากไปถึง 2 วันก็ยังไหว แต่หากเล่นหนักหน่อยก็ยังสบาย ๆ ทั้งวันครับ ใครที่ชอบเล่นแบบหนัก ๆ หรือถ่ายรูปถ่ายคลิปเป็นเรื่องเป็นราวรุ่นนี้ก็หายห่วงครับ บอกเลยว่า “เอาอยู่!”

ชาร์จไวที่สุด 120W HyperCharge

นอกจากแบตเตอรี่จะใช้ได้สะใจแล้ว ระบบชาร์จของรุ่นนี้ยังเร็วแบบที่สุดอีกด้วยเพราะ Xiaomi 11T Pro นั้นได้ระบบชาร์จไว 120W HyperCharge มาเลย เร็วที่สุดในโลกตอนนี้เลยก็ว่าได้ เห็นแบตฯเยอะระดับ 5000mAh แบบนี้แต่ถ้าชาร์จจริง ๆ ก็ใช้เวลาราว ๆ 17 นาทีเท่านั้นเองนะจ๊ะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเลยว่าถ้าเราเล่นแบบจัดเต็มแล้วต้องชาร์จกลับจะใช้เวลานาน

แต่จุดสังเกตก็มีอยู่บ้างตรงที่ขนาดและน้ำหนักของอะแดปเตอร์นั้นมากพอสมควร เราลองชั่งแล้วก็ราว ๆ 200 กรัมกันเลย (เกือบเท่าตัวเครื่องแล้ว) อาจจะเหมาะกับการติดไว้กับที่เช่นชาร์จที่บ้านเป็นหลัก หรือติดไว้ที่ทำงานมากกว่าจะพกติดกระเป๋าไปตลอดล่ะ

สรุปแล้ว “นี่คือสมาร์ทโฟนที่ครบเครื่องที่สุดในงบหมื่นปลาย”

สรุปแล้ว Xiaomi 11T Series เป็นสมาร์ทโฟนสำหรับสาย Creator อีกรุ่นที่ครบครันมาก ๆ ครับ ด้วยฟีเจอร์ของกล้องที่น่าสนใจ ใส่มาให้แบบเพียบจริง ๆ ทั้งความเก่งของ AI โหมดที่รองรับการสร้างสรรค์ได้แบบไม่รู้จบ หรือจะเป็นฮาร์ดแวร์ที่ให้ระดับสูงทำได้ยอดเยี่ยมทั้งวิดีโอและภาพนิ่งกับกล้องหลักความละเอียดสูง 108MP หรือถ้าไม่ได้เป็นสาย Creator ที่อยากสร้างสรรค์ผลงาน ตัวสเปคที่ให้มาก็จัดว่าเป็นเรือธงพรีเมี่ยมอีกรุ่นที่หาใครเทียบได้ยากในตอนนี้ ทั้งชิปเซ็ตรุ่นท็อปทั้ง Dimensity 1200-Ultra บน Xiaomi 11T หรือ Snapdragon 888 บน Xiaomi 11T Pro มีแบตเตอรี่จุใจ 5000mAh และระบบชาร์จไว 67W บน Xiaomi 11T และ 120W HyperCharge บน Xiaomi 11T Pro เรียกว่าให้มาแบบไม่มีกั๊กจริง ๆ ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่ครบเครื่องทุกด้านในราคาค่าตัวหมื่นกลาง ๆ – หมื่นปลายแนะนำ Xiaomi 11T Series นี้ให้เลยครับ ไม่มีคำว่าผิดหวังแน่นอน!

ราคาเปิดตัวและโปรโมชั่น

สำหรับ Xiaomi 11T Series ตอนนี้ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อยในไทย มีให้เลือก 2 รุ่นคือ Xiaomi 11T และ Xiaomi 11T Pro เปิดราคาและรุ่นความจุดังนี้ครับ

Xiaomi 11T

  • Xiaomi 11T (8GB + 128GB) ราคา 13,990 บาท
  • Xiaomi 11T (8GB + 256GB) ราคา 14,990 บาท

Xiaomi 11T Pro

  • Xiaomi 11T Pro (8GB + 128GB) ราคา 16,990 บาท
  • Xiaomi 11T Pro (8GB + 256GB) ราคา 18,990 บาท
  • Xiaomi 11T Pro (12GB + 256GB) ราคา 20,990 บาท

จุดเด่น

  • สเปคจัดเต็มเร็วแรงตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
  • หน้าจอ AMOLED แบบ 10-Bit แสดงผลสวยมาก
  • บอดี้สวยงามประกอบดี
  • กล้องหลัง 3 ตัวใช้งานได้จริงและดีมากด้วย!
  • โหมดวิดีโอมีให้ใช้หลากหลายสมกับสโลแกน “CINEMAGIC”
  • แบตเตอรี่ 5000mAh เอาอยู่ทุกสถานการณ์
  • ระบบชาร์จไว 120W HyperCharge เร็วมากกก!

จุดสังเกต

  • ไม่สามารถเพิ่ม micro-SD ได้
Android News12 ชั่วโมง ago

เช็คกัน !! OPPO เผยตารางอัปเดต ColorOS 15 บน Android 15 ทั่วโลก

ในวันนี้ OPPO ได้เปิ...

Apple News12 ชั่วโมง ago

อย่างสวย ! YouTuber โชว์ดีไซน์ iPhone 17 Air กล้องหลัง 1 เลนส์ พร้อมจอ Dynamic Island

เราได้ยินมาแค่ข่าวลื...

HUAWEI IdeaHub HUAWEI IdeaHub
IT News13 ชั่วโมง ago

หัวเว่ยเผยโฉม IdeaHub รุ่นเรือธงพร้อมอัดโปรเด็ดหนุนผู้นำจออัจฉริยะเพื่อออฟฟิศยุคใหม่

หัวเว่ยเปิดตัว IdeaH...

Smart Review15 ชั่วโมง ago

รีวิว ASUS Vivobook S 14 OLED (S5406) โน้ตบุ๊คดีไซน์มินิมอล l Intel Core Ultra 7 258V l ใช้นานสุด 27 ชม. และคีย์บอร์ดมีไฟ RGB !

รีวิว ASUS Vivobook ...

Android News17 ชั่วโมง ago

มาอีก ! หลุดสเปค vivo X200S จัดเต็มด้วยชิป Dimensity 9400 Plus และรองรับสแกนลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic

เมื่อเดือนที่ผ่านมา ...

IT News17 ชั่วโมง ago

Facebook Messenger เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ผสานรวมกับ Siri, ข้อความเสียงและวิดีโอ และอื่นๆ เพียบ

ในวันนี้ Meta ได้ทำก...

Android News18 ชั่วโมง ago

น่าสนนะ ! หลุดสเปคแท็บเล็ต OnePlus Pad Pro โมเดลใหม่ เตรียมใช้หน้าจอ 13″ คมชัดระดับ 3K

OnePlus Pad Pro เคยเ...

Android News18 ชั่วโมง ago

ลือ…Galaxy S25 Ultra มีต้นทุนสูงกว่า S24 Ultra ถึง $110 อาจทำให้ราคาเปิดตัวสูงขึ้นอีกในปีหน้า!?

ลือกันต่อกับ Galaxy ...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก