Featured
รีวิว realme 9 Pro Series มอบประสบการณ์ถ่ายภาพระดับเรือธง จอสุดลื่น และความเร็วแรงของ 5G ที่เกินมาตรฐาน Mid-range
ใครที่กำลังรอ realme 9 Pro Series อยู่ในตอนนี้เราได้จัดรีวิวฉบับเต็มมาให้ชมแล้วครับ บอกเลยว่าสเปคของ realme Number Series รุ่นนี้ ได้สเปคระดับท็อปที่หาได้ยากในรุ่นระดับกลาง ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์กล้อง Sony IMX766 OIS ที่เป็นรุ่นแรกในระดับ Mid-range หรือการรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วสูงสุดถึง 60W SuperDart Charge รวมถึงการได้หน้าจอที่ไหลลื่นสุดๆ
สรุปสเปค realme 9 Pro+
- ขนาดตัวเครื่อง : 160.2 x 73.3 x 7.99 มม.
- น้ำหนัก : 182 กรัม
- หน้าจอแสดงผล 90Hz Super AMOLED Display ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) รองรับ Refresh rate 90Hz, Touch sampling rate 360Hz และครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5
- หน่วยประมวลผล : MediaTek Dimensity 920 5G Octa-core ความเร็วสูงสุด 2.5GHz
- GPU : ARM Mali-G68
- RAM : 8GB
- ROM : 128/256GB
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์ ดังนี้
- เลนส์หลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 เซ็นเซอร์ Sony IMX766 รองรับกันสั่นไหว OIS+EIS
- เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มุมกว้าง 119
- เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ระยะโฟกัส 4 ซม.
- กล้องหน้า In-display Selfie ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- รองรับการใช้งานเครือข่าย 5G+5G Dual Mode
- ระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย realme UI 3.0
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax (Wi-Fi 6), Bluetooth 5.2 และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 4500mAh รองรับชาร์จไว 60W SuperDart Charge
สรุปสเปค realme 9 Pro
- ขนาดตัวเครื่อง : 164.3 x 75.6 x 8.3 มม.
- น้ำหนัก : 195 กรัม
- หน้าจอแสดงผล 120Hz Ultra Smooth Display ชนิด IPS LCD ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2412 x 1080 พิกเซล) รองรับ Refresh rate 120Hz, Touch sampling rate 240Hz
- หน่วยประมวลผล : Snapdragon 695 5G Octa-core ความเร็วสูงสุด 2.2GHz
- GPU: Adreno 619
- RAM : 6/8GB
- ROM : 128GB
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์ ดังนี้
- เลนส์หลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.79
- เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมกว้าง 119
- เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ระยะโฟกัส 4 ซม.
- กล้องหน้า In-display Selfie ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.05
- รองรับการใช้งานเครือข่าย 5G+5G Dual Mode
- ระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย realme UI 3.0
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (Wi-Fi 5), Bluetooth 5.1 และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh รองรับชาร์จไว 33W Dart Charge
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
ตัวกล่องของ realme 9 Pro Series ทั้ง realme 9 Pro+ และ realme 9 Pro จะมีด้วยสีเหลืองอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์อยู่แล้วครับ โดยฟอนต์ที่ตัวกล่องดูมีความสปอร์ตที่ทันสมัยมากๆ ซึ่งภายในกล่องจะให้อุปกรณ์มาเกือบเหมือนกันหมด ดังนี้
realme 9 Pro+
- ตัวเครื่อง realme 9 Pro+ พร้อมติดฟิล์มกันรอย
- อะแดปเตอร์ 65W SuperDart Charge
- สาย USB Type-C
- อุปกรณ์เปิดถาดซิม
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
realme 9 Pro
- ตัวเครื่อง realme 9 Pro พร้อมติดฟิล์มกันรอย
- อะแดปเตอร์ 33W Dart Charge
- สาย USB Type-C
- อุปกรณ์เปิดถาดซิม
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ดีไซน์ Light Shift Design เปลี่ยนสีได้เมื่อโดนแดด
เริ่มกันด้วยดีไซน์ที่ realme ยังคงทำออกมาได้สมบูรณ์แบบ ครั้งนี้ realme 9 Pro Series ได้ใช้ดีไซน์ที่เรียกว่า Light Shift Design ที่เป็นการเล่นสีที่เปลี่ยนไปของตัวเครื่องผ่านแสงอาทิตย์ที่ให้ความรู้สึกที่ดูโดดเด่นและน่าตื่นตามากๆ ครับ โดยตัวเครื่องสี Sunrise Blue ปกติเมื่ออยู่ในที่ร่มจะเป็นสีฟ้าอ่อนตัดสีแดงเบาๆ แต่เมื่อโดนแสงแดดประมาณ 2-3 วินาทีจะมีการเปลี่ยนสีเป็นสีแดงขึ้นมาเลยครับ นับว่าเป็นครั้งแรกที่ฝาหลังสามารถเปลี่ยนสีได้เองโดยอัตโนมัติ !!
ทั้งนี้ สีสันของแต่ละสีของ realme 9 Pro Series ยังมีความพิเศษทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสี Sunrise Blue และ Aurora Green ที่จะมีความประกายในตัวด้วยกลิตเตอร์ที่ช่วยเสริมความแวววาวในฝาหลังได้อย่างสวยงาม
ที่สำคัญ realme 9 Pro+ เป็นรุ่นที่บางที่สุดใน realme Number Series ด้วยความบางเพียง 7.99 มม. เท่านั้น ขณะที่ realme 9 Pro จะอยู่ที่ 8.3 มม. แต่ถือว่าไม่ต่างกันมากเวลาใช้งานจริงครับ
หน้าจอ AMOLED ระดับท็อปด้วยความลื่นสุด 120Hz
หน้าจอแสดงผลในยุคนี้ต้องไม่หยุดอยู่แค่เพียง Refresh Rate ที่ 60Hz แล้วครับ โดยใน realme 9 Pro+ ได้จัดหน้าจอแสดงผลมาให้แบบ AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว พร้อมความละเอียด FHD+ ช่วยให้เรารับชมวิดีโอหรือเนื้อหาได้แบบคมชัดและได้สีสันที่สวยงามสมจริงสุดๆ
ทั้งยังได้ Refresh Rate ที่ 90Hz พร้อม Touch Sampling Rate 360Hz ที่ได้ความไหลลื่นมากๆ ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนสุดในตอนที่เล่นเกมแนว FPS ครับ บอกเลยว่าดีมากๆ ทั้งนี้ หน้าจอของ realme 9 Pro+ ยังได้ความแข็งแกร่งด้วยการครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 อีกด้วย
ขณะที่ realme 9 Pro จะได้หน้าจอ AMOLED เหมือนกัน พร้อมขนาดที่ใหญ่กว่าเล็กน้อยที่ 6.6 นิ้ว ควบคู่ความละเอียด FHD+ แถมได้จอ Refresh Rate 120Hz สะด้วย ซึ่งจะมีโหมดปรับอัตโนมัติให้เปลี่ยนไปตามเนื้อหาบนหน้าจอ ได้แก่ ใช้งานทั่วไปที่ 30Hz, รับชมภาพยนตร์ 48Hz, TV Format เหมาะกับ TV หรือภาพยนตร์ 50Hz, เล่นเกม 60/90Hz และค่า Feeds ที่ 120Hz
ยลโฉมรอบเครื่องกันหน่อย
สำหรับทั้ง 2 รุ่นจะมีความคล้ายคลึงและต่างกันบางส่วนครับ โดยที่เหนือหน้าจอจะได้เหมือนกัน โดยมีกล้องหน้า Punch Hole ที่มุมซ้ายบน แต่ตัว realme 9 Pro+ จะมีขนาดเล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัดครับ โดยที่ด้านบนจะมีลำโพงอยู่ครับ แต่ realme 9 Pro+ จะได้ลำโพงคู่แบบ Dolby ส่วน realme 9 Pro จะเป็นลำโพงแบบ Mono ปกติครับ
ทางซ้ายตัวเครื่องจะมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ช่อง โดย realme 9 Pro+ ไม่สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้ แต่ realme 9 Pro จะใส่ได้ในช่องที่ 2 ที่เป็น Hybrid ให้เลือกระหว่าง MicroSD หรือซิมที่ 2 ครับ ถัดลงมาจะเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง
ฝั่งขวาตัวเครื่องจะมีปุ่ม Power โดยในรุ่น realme 9 Pro+ จะเป็นปุ่ม Power ปกติเพราะสามารถสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอได้ แต่ realme 9 Pro จะมีการรวมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเข้ามาด้วยครับ
ที่ด้านล่างทั้งคู่จะเหมือนกันหมด โดยจะมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., ไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวหลักครับ
ส่วนด้านบนจะจะมีเพียงไมโครโฟนตัวที่ 2 เหมือนกันครับ
และที่ด้านหลังก็ใช้ดีไซน์ที่เหมือนกัน โดยมีโมดูลกล้องหลังมุมซ้ายบน และมีกล้องหลัง 3 เลนส์เหมือนกัน แต่สัญลักษณ์ตัวอักษรจะต่างกันตามสเปค โดย realme 9 Pro+ จะเขียนว่า “50MP OIS” ส่วน realme 9 Pro เขียนว่า “64MP Camera”
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
ระบบปฏิบัติการ ได้ UI รุ่นใหม่สุด
realme 9 Pro Series ทั้ง 2 รุ่นนี้จะแกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย realme UI 3.0 ที่เป็นรุ่นใหม่สุดของแบรนกด์เลยครับ ที่ความไหลลื่นของระบบทำได้ประทับใจมากครับ รวมถึงฟีเจอร์ต่างๆ ที่ให้เราได้ลองใช้กันเพียบ
มี Always-on Display มาให้เหมือนเดิม (เฉพาะ realme 9 Pro+)
ฟีเจอร์นี้เป็นคู่บุญของหน้าจอ AMOLED ครับ โดยใน realme 9 Pro+ ก็มีมาให้แน่นอน โดยนอกจากจะมีสถานะทั่วไปบอกแล้ว ก็ยังมีตัวเลือกปรับแต่งการแสดงได้มากขึ้น และยังมีความพิเศษด้วย realmeow ถึง 4 รูปแบบเลยครับ
5G Dual-SIM ใช้งาน 5G ได้ครบทุกซิม
ทั้ง realme 9 Pro+ และ realme 9 Pro สามารถใช้งาน 5G ได้ทั้ง 2 ซิมที่ใส่เลยครับ ทำให้ใช้งานโซเชียลหรือการเชื่อมต่ออื่นๆ ได้เร็วขึ้น ไม่โหลดนานอย่างเห็นได้ชัดครับ ทั้งนี้ ตัวรับสัญญาณของ realme 9 Pro Series ก็ทำได้ดีมากๆ เพราะเราทดสอบตอนอยู่ในตัวบ้านก็ยังขึ้นสัญญาณ 5G ตามปกติเลยครับ
เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือบนหน้าจอมาพร้อมเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (เฉพาะ realme 9 Pro+)
ใครจะไปคิดว่าเทคโนโลยีการสแกนลายนิ้วมือจะมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจมาด้วย แต่เฉพาะใน realme 9 Pro+ มีมาให้แล้วครับ โดยเป็นรุ่นแรกของโลกที่มีการวัดอัตราการเต้นของหัวใจที่อยู่ในเซ็นเซอร์บนจอ โดยการใช้งานก็สามารถเข้าไปได้ที่ realme Lab และวิธีใช้งานก็เพียงแค่วางนิ้วลงบนเซ็นเซอร์บนหน้าจอไว้ประมาณ 15 วินาทีครับ (เป็นนิ้วไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นนิ้วที่ลงทะเบียนล็อกหน้าจอเท่านั้นครับ)
ระบบความปลอดภัย
สำหรับระบบความปลอดภัยก็แน่นอนว่าต้องมีการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอมาให้ครับ โดยการทำงานก็ยังคงรวดเร็วและแม่นยำเหมือนเดิม
หรือใครจะใช้งานแบบสแกนใบหน้าก็ได้เช่นกันครับ
ลำโพงคู่ Dolby เสียงดังสะใจ (เฉพาะ realme 9 Pro+)
ใน realme 9 Pro+ เราจะได้ลำโพงที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบดูซีรี่ย์ ดูภาพยนตร์บ่อยๆ ครับ เพราะได้ระบบเสียง Dobly ที่มีความกระหึ่มมากๆ พร้อมกับแยกเสียงลำโพงซ้ายและขวาได้อย่างชัดเจน ทำให้เวลาใช้ฟังจะได้แบบเต็มอิ่มสุดๆ
ปรับเปลี่ยน UI ได้ตามฉบับของเราเอง
ใน realme UI 3.0 จะมีตัวเลือกให้เราปรับแต่ง UI ได้อิสระมากขึ้นครับ ตั้งแต่วอลเปเปอร์ที่สามารถเลือกสีไอคอนได้ตามที่เราชอบ, ปรับลักษณะไอคอน, ปรับไอคอนการตั้งค่าด่วน, ภาพเคลื่อนไหวเมื่อปลดล็อก และหน้าจอด้วยลายนิ้วมือ หรือแสงไฟที่ขอบหนน้าจอครับ
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
ชิประดับกลางแต่ใช้งานได้แรง!
รีวิว realme 9 Pro Series ทั้ง 2 รุ่นใช้หน่วยประมวลผลที่เร็วแรงเหมาะกับกับตระกูล Mid-Range ที่ใช้งานทุกอย่างได้สบายภายใต้ความประหยัดของราคาครับ โดย realme 9 Pro+ ใช้ CPU MediaTek Dimensity 920 5G ซึ่งถือเป็นชิปที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในระดับเดียวกัน ขณะที่ realme 9 Pro จะใช้ฝั่ง Qualcomm อย่าง Snapdragon 695 5G และเป็นตัวแรกในระดับเดียวกันด้วย
คะแนนการทดสอบ Benchmark ด้านประสิทธิภาพโดยรวมผ่าน AnTuTu ของ realme 9 Pro+ อยู่ที่ 478,779 คะแนน
คะแนนการทดสอบ Benchmark ด้านประสิทธิภาพโดยรวมผ่าน AnTuTu ของ realme 9 Pro อยู่ที่ 405,398 คะแนน ทั้งนี้ realme 9 Pro ยังเป็นสมาร์ทโฟนในเซกเมนต์เดียวกันที่ทำคะแนนได้มากกว่า 4 แสนแต้มครับ
Virtual RAM ขยายความจุได้มากถึง 5GB (สูงสุด 13GB)
สำหรับเทคโนโลยี Virtual RAM จะใช้งานทั้ง 2 รุ่นเลยครับ โดยสามารถแปลง ROM เป็น RAM เพิ่มได้สูงสุดถึง 5GB รวมของเติมจากที่มี 8GB รวมเป็น 13GB ครับ ทำให้เวลาเปิดแอปหรือเก็บแอปไว้ยังพื้นหลังทำได้เยอะกว่าเดิม และเวลาเปิดกลับมาใช้งานอีกรอบก็ไม่ต้องโหลดใหม่ให้เสียเวลาครับ
ทดสอบการเล่นเกม
PUBG Mobile
ขอเริ่มกันด้วย PUBG Mobile กันก่อนเลยครับ เพราะหนึ่งในเกมที่รองรับเทคโนโลยีการสั่นแบบ 4 มิติเสริมความสมจริงเวลาเล่นได้มากขึ้นในช่วงเวลาของการกดยิงศัตรู ซึ่งเราจะรู้สึกได้เลยว่าจะเป็นการสั่นที่ต่างจากเกมอื่นๆ โดยจุดนี้ต้องชื่นชมเทคโนโลยีแกนสั่นแบบ X-axis Tactile Engine (เฉพาะ realme 9 Pro+ จะมีเท่านั้นนะ) ส่วนการปรับกราฟิกใน realme 9 Pro Series จะเปิดกราฟิกได้ในระดับ HDR HD และเฟมเรท Ultra ช่วยเล่นได้ลื่นๆ ผสานหน้าจอ 90Hz เข้าไปอีก !
ROV
ต่อกันที่ ROV กันครับ ทั้ง 2 รุ่นสามารถเปิดทุกอย่างสุดได้ทั้งหมดรวมเฟรมเรทสูงด้วย แต่ยกเว้นการแสดงผลจะอยู่ที่ระดับสูงเท่านั้น (ยังไม่สูงมาก) โดยการเล่นโหมดปกติ 5 VS 5 ก็เล่นได้ลื่นๆ ไม่มีอาการสะดุดหรือกระตุกตั้งแต่เริ่มเกมจนจบเกมทั้ง 2 รุ่นเลยครับ
Aspahlt 9: Legends
สำหรับเกมกราฟิกแรงๆ อย่าง Aspahlt 9: Legends realme 9 Pro Series สามารถเปิดกราฟิดระดับสูงเพื่อเปิดประสบการณ์ภาพงามๆ ได้เหมือนกันครับ แถมเล่นได้ลื่นมากๆ ไม่มีอาการหน่วงใดๆ ให้เห็น
Vapor Chamber Cooling System ระบายความร้อนดีกว่าที่คาด! (เฉพาะ realme 9 Pro+)
ในรุ่นพี่อย่าง realme 9 Pro+ จะมีระบบระบายความร้อนด้วยแผง Vapor Chamber Cooling System มาให้ที่ด้านหลังเครื่อง ซึ่งครอบคลุมตัวชิปที่เกิดความร้อนได้ 100% จุดนี้ช่วยให้ตัวเครื่องระบายความร้อนระหว่างการใช้งานหรือเล่นได้ดีมากๆ ครับ เวลาเล่นเกมหรือถ่ายภาพไปนานจะมีแค่อุ่นๆ หลังเครื่องและไม่ได้ร้อนจนเกินไปครับ
แบตใหญ่ ชาร์จเร็วสุด 60W SuperDart Charge
realme 9 Pro Series ทั้ง 2 รุ่นนี้ให้แบตเตอรี่มาจุกๆ และรองรับชาร์จเร็วทั้งคู่ครับ แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่ โดย realme 9 Pro+ จะให้แบตมาที่ 4500mAh ควบคู่ชาร์จเร็วด้วยเทคโนโลยี 60W SuperDart Charge ซึ่งจากที่ลองชาร์จจาก 30% ไปถึงเต็ม 100% จะใช้เวลาไปประมาณ 30 นาทีเท่านั้น
ขณะที่รุ่นน้องอย่าง realme 9 Pro ก็ไม่น้อยหน้าด้วยการให้แบตมาใหญ่กว่าที่ 5000mAh โดยรองรับชาร์จเร็ว 33W Dart Charge ซึ่งก็ใช้เวลาในการชาร์จที่ช้ากว่าเล็กน้อยครับ
กล้องถ่ายรูปที่ได้นวัตกรรมระดับเรือธง !
มาถึงเรื่องกล้องที่เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้ รีวิว realme 9 Pro Series ซึ่งรุ่นหลักอย่าง realme 9 Pro+ ได้เซ็นเซอร์กล้องหลักระดับเดียวกับเรือธงเป็น Sony IMX766 พร้อมเทคโนโลยีกันสั่นแบบ OIS+EIS ซึ่งเป็นรุ่นแรกในระดับ in Mid-range ที่ได้ใช้เซ็นเซอร์ตัวนี้ด้วย ทั้งนี้ แม้ว่า realme 9 Pro จะไม่ได้ใช้เซ็นเซอร์นี้ แต่ AI ที่ realme ปรับแต่งมาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลยครับ เดี๋ยวจะมีเทียบให้บางภาพแล้วกันเนาะ แต่หลักๆ ขอใช้จากรุ่น realme 9 Pro+
เลนส์หลักคมชัดสูงทั้งคู่
ในเลนส์หลักทั้ง 2 รุ่นจะได้ความละเอียดสูงครับ โดย realme 9 Pro+ จะได้กล้องคมชัดสูง 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์เรือธงอย่าง IMX766 ส่วน realme 9 Pro จะได้ความละเอียด 64 ล้านพิกเซลครับ ซึ่งทั้ง 2 รุ่นถ่ายออกมาได้คมชัดมากๆ และซูมเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในภาพได้ชัดเจนเลยครับ
ถ่ายได้ฉลาดล้ำด้วย AI แยกแยะวัตถุ
เรื่องความฉลาดของ AI เราไม่ต้องห่วงอะไรเลยครับ เพราะมีการปรับแต่งมาให้อย่างสมบูรณ์แล้ว สามารถแยกแยะหมวดหมู่ของวัตถุและปรับแต่งให้เหมาะสมได้ทันทีครับ แถมยังรองรับ HDR เพื่อถ่ายย้อนแสงได้แบบสบายๆ ซึ่งจะได้ส่วนของความสว่างที่เหมาะสมในฉากหน้าด้วย ทั้งนี้ โทนสีของ realme 9 Pro+ และ realme 9 Pro อาจจะดูต่างกันเล็กน้อยครับ แต่เรื่องความคมชัดนั้นเหมือนกันหมด!
Ultra-Wide Angle มุมกว้าง 119 องศา เก็บได้ครบ
เลนส์ Ultra-Wide Angle ของ realme 9 Pro Series มีทั้งความละเอียดและมุมกว้างที่ 119 องศาเท่ากันทั้งหมดครับ รายละเอียดของภาพก็คมชัดเหมือนกัน รองรับการถ่าย HDR ย้อนแสงสบายๆ และเก็บองค์ประกอบในภาพได้ครบถ้วนแบบกำลังดีเลยครับ แต่เรื่องโทนสีระหว่าง 2 รุ่นดูจะใกล้เคียงกันมากกว่าเลนส์หลักครับ
เลนส์หลัก / เลนส์ Ultra-Wide Angle
Portrait ถ่ายได้ธรรมชาติสุด พร้อมฟีเจอร์ให้ใช้งานอีกเพียบ !
สำหรับการถ่ายโหมดบุคคล (Portrait) ใน realme 9 Pro Series ยังคงทำได้เป็นธรรมชาติ การตัดขอบ การเบลอฉากหลัง/ฉากหน้า และการปรับแต่งภาพสวยงามบนใบหน้าของ AI ทำได้สวยงามและดูมีมิติเลยทีเดียวครับ
ทั้งนี้ ใครที่อยากให้โหมดบุคคลดูมีอะไรมากขึ้น realme 9 Pro Series ทั้ง 2 รุ่นจะมีการเบลอหลังอีก 3 แบบพิเศษ ดังนี้
- Dynamic Bokeh : เป็นการเบลอฉากหลังให้ดูเหมือนการเคลื่อนที่ตลอดเวลา ทำให้ภาพดูไม่หยุดนิ่งและมีความแตกต่างจากปกติ
- Neon Portrait : โหมดนี้จะเป็นการเบลอฉากหลังที่มากขึ้นคล้ายกับการถ่ายด้วยกล้องโปร ดวงไฟหรือแสงโบเก้จะเห็นเป็นดวงมากขึ้นเมื่อเทียบกับโหมดบุคคลปกติ
- AI Color Portrait : ลูกเล่นนี้หลายคนน่าจะได้ลองใช้งานกันบ้างแล้วในรุ่นก่อนๆ ครับ จะเป็นเปลี่ยนสีฉากหลังให้เป็นสีขาว-ดำทั้งหมด แต่ตัวบุคคลยังคงมีสีสันเหมือนกัน ช่วยชูให้ดูโดดเด่นมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก
Super Nightscape ถ่ายกลางคืนได้งามดั่งเรือธง
โหมดกลางคืนหรือ Super Nightscape ของตระกูล realme Number Series ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยครับ และมาถึง realme 9 Pro Series ทั้ง 2 รุ่นนี้ก็ทำได้ดีขึ้นไปอีก ภาพกลางคืนมีความคมชัดขึ้นเมื่อเทียบกับโหมดปกติ โดยสีสันของวัตถุในส่วนที่มืดจากที่มองไม่เห็นก็จะเห็นได้ชัดขึ้น รวมถึงการได้ OIS เข้ามาช่วยใน realme 9 Pro+ ก็ทำให้ภาพระหว่างประมวลผลไม่เกิดอาการเบลอครับ เกือบลืมบอก! ในโหมดนี้ใช้ได้ทั้งเลนส์หลักและเลนส์ Ultra-Wide เลยครับ
ปิด Super Nightscape / เปิด Super Nightscape
สำหรับใครที่อยากได้โทนสีตอนกลางคืนที่ต่างออกไป ก็จะมีฟิลเตอร์ Nightscape ที่มี 5 แบบ ได้แก่ สีทองทันสมัย, ไซเบอร์พังก์, ฟลามิงโก, จักรวาล และพิศวง
Street Photography 2.0 ถ่ายแนวสตรีทได้แนวๆ
realme 9 Pro Series ได้อัปเกรดโหมดท้องถนนหรือ Street Photography มาที่เวอร์ชัน 2.0 แล้วครับ โดยจะมีการปรับแต่งโทนสีให้ดูคลุมโทนมากขึ้น จะมีทั้งแบบป๊อปยุค 90, ท้องถนน, ขาวดำแบบพิเศษ และภาพยนตร์ครับ
นอกจากนี้ในโหมดนี้เราสามารถควบคุมการซูมและระยะโฟกัสได้เพียงมือเดียว เพียงแค่เรากดค้างที่ปุ่มชัตเตอร์เอาไว้ จากนั้นจะมีปุ่มเหลืองปรากฏขึ้นมาให้เราควบคุมได้ 4 ทิศ โดยการขยับขึ้น-ลง คือการซูมเข้า-ออก และการขยับฝั่งซ้าย-ขวา คือ การปรับระยะโฟกัสใกล้-ไกลได้เลยครับ
ใน Street Photography 2.0 ยังมีโหมดพิเศษเป็นการเปิดความเร็วชัตเตอร์นาน (Long Exposures) ที่มีทั้งหมด 4 แบบตามความเหมาะสมของการใช้งานเลยครับ โดยจะมีทั้งแบบเส้นทางนีออน, การถ่ายภาพให้แสงเป็นเส้น, ชั่วโมงเร่งด่วน และภาพวาดสีอ่อน
Tilf Shift โหมดถ่ายภาพระดับโปร
โหมด Tilf Shift นั้นปกติจะอยู่ในกล้องโปรเท่านั้นและไม่ได้ใช้งานอยู่ในสมาร์ทโฟนครับ แต่ realme 9 Pro Series นั้นมีมาให้ใช้งานกัน หลักๆ จะเน้นไปที่การถ่ายภาพสถาปัตยกรรมต่างๆ โดยโหมดนี้จะมีการเบลอได้ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง ซึ่งเราสามารถขยับได้อย่างอิสระเพื่อให้สิ่งที่เราต้องการถ่ายมีความโดดเด่นขึ้นมาครับ
Macro ถ่ายในระยะใกล้ได้ 4 ซม.
เลนส์ Macro นี้หลายคนคุ้นเคยกันดีครับ โดย realme 9 Pro Series ทั้ง 2 รุ่นนี้ก็มีมาให้เหมือนเดิม โดยสามารถถ่ายภาพระยะใกล้ได้ที่ 4 เซนติเมตร
เซลฟี่สวยงามเป็นธรรมชาติ ที่แสงน้อยก็ไม่ต้องกลัว
ในส่วนของกล้องหน้าของ realme 9 Pro Series ทั้ง 2 รุ่นถ่ายออกมาได้เป็นธรรมชาติมากๆ โดยการปรับค่าเริ่มต้นด้วย AI ถือว่าปรับมาให้พอดีมากครับ โทนสีผิวและริ้วรอยก็หายไปแบบดูไม่เวอร์เกินไป แถมยังรองรับการใช้โหมด Portrait เพื่อเบลอฉากหลังด้วยครับ
ที่สำคัญการเซลฟี่ยังใช้งานโหมดกลางคืนเพื่อเน้นการใช้งานในที่แสงน้อยหรือตอนกลางคืนได้แบบสบายๆ ครับ จากโหมดปกติที่ดูมืดและรายละเอียดอาจไม่คมชัดก็จะโดดเด่นขึ้นมาทันที
เปิด Night Mode / ปิด Night Mode
สรุปการใช้งาน
รีวิว realme 9 Pro Series ทั้ง realme 9 Pro+ และ realme 9 Pro มีความคุ้มค่าในการใช้งานแบบครอบคลุมทุกด้านของการใช้งานอย่างมาก จะเล่นเกม เล่นโซเชียลหรือจะดูภาพยนตร์หรือวิดีโอก็ใช้ได้แบบไหลลื่นสบายๆ โดยเฉพาะกับคนที่ชอบถ่ายภาพเป็นหลักเลยครับ เพราะได้เซ็นเซอร์เลนส์หลักระดับเรือธงมาอยู่ในรุ่นราคาสุดประหยัดนี้ รวมถึงการใช้ขุมพลังที่รองรับ 5G ทั้งคู่เหมือนกัน แถมยังโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่สวยงามแบบครบทุกสีเลยทีเดียว
ราคาและวันวางจำหน่าย
realme 9 Pro+ (RAM 8GB + ROM 256GB) มีราคาอยู่ที่ 12,999 บาท โดยเริ่มพรีออเดอร์ตั้งแต่วันนี้ – 11 มีนาคมนี้ผ่าน realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ (วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคมนี้)
พิเศษ! พรีออเดอร์ตั้งแต่วันที่ 1-11 มี.ค. 65 รับของแถมมูลค่ากว่า 6,298 บาท ดังนี้
- realme E-VIP Card (มูลค่า 4,000 บาท)
- realme Smart Scale (มูลค่า 999 บาท)
- realme Special Gift (มูลค่า 1,299 บาท)
- กระเป๋า (มูลค่า 1,899 บาท ของแถมเฉพาะ realme Brand Shop)
- สิทธิ์ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน
พรีออเดอร์ผ่านช่องทางออนไลน์แบบ Exclusive เฉพาะ JD Central ราคา Early Bird!! realme 9 Pro+ เหลือเพียง 12,499 บาท (8+256GB) คลิก : https://bit.ly/3GS4rFz ตั้งแต่วันที่ 3-11 มี.ค. 65 เท่านั้น พร้อมของแถมสุดพิเศษ!!
- เซ็ตของขวัญ realmeow Exclusive Gift (มูลค่า 1,299 บาท)
- สิทธิ์สะสมคะแนน JD Points
- ประกันจอแตก (มูลค่า 4,000 บาท)
- สิทธิ์ผ่อน 0% นาน 10 เดือน
- ซิมการ์ด 5G จาก Dtac มูลค่า 99.- (เฉพาะ New User ที่ร้าน realme Flagship Store) พิเศษ! เฉพาะที่ร้านของ JD CENTRAL เท่านั้น รับของแถม
- Coocaa TV (มูลค่า 9,999 บาท)
realme 9 Pro จะมี 2 ความจุ ดังนี้
- RAM 6GB + ROM 128GB : 8,999 บาท
- RAM 8GB + ROM 128GB : 9,999 บาท
พรีออเดอร์ผ่านช่องทางออนไลน์แบบ Exclusive เฉพาะ Lazada ราคา Early Bird!! realme 9 Pro เหลือเพียง 8,499 บาท (6+128GB) ตั้งแต่วันที่ 3-5 มี.ค. 65 เท่านั้น และราคา 9,499 บาท (8+128GB) คลิก : https://bit.ly/3LIIOLn ตั้งแต่วันที่ 3-11 มี.ค. 65 พร้อมของแถมสุดพิเศษ!!
- เซ็ตของขวัญ realmeow Exclusive Gift (มูลค่า 1,299 บาท)
- ประกันจอแตก (มูลค่า 4,000 บาท)
- สิทธิ์ผ่อน 0% นาน 10 เดือน