Android News
เปรียบเทียบ Galaxy S22 Ultra vs Galaxy S21 Ultra ควรอัปเกรดไหม ? เรามีคำตอบ !
Galaxy S22 Ultra เปิดตัวทางการเรียบร้อย หลาย ๆ คนก็เริ่มได้รับเครื่องกันแล้วด้วย รีวิว S22 Ultra เราก็ปล่อยเรียบร้อยแล้วด้วย แต่สำหรับผู้ใช้ S21 Ultra ที่กำลังลังเลอยู่ว่า เอ…เปลี่ยนดีไหมนะ ควรอัปเกรดจริง ๆ รึเปล่า วันนี้เราขอมาเปรียบเทียบให้ชมกันชัด ๆ ทุกจุด น่าจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเยอะ พร้อมแล้วได้จากบทความเปรียบเทียบนี้เลยครับ!
ดีไซน์
ดีไซน์ | Galaxy S22 Ultra | Galaxy S21 Ultra |
ขนาดตัวเครื่อง | 163.3 x 77.9 x 8.9 มม. | 165.1 x 75.6 x 8.9 มม. |
น้ำหนัก | 228 กรัม | 227 กรัม |
วัสดุ | กระจกกันรอย Gorilla Glass Victus+ | กระจกกันรอย Gorilla Glass Victus |
สีสัน | Phantom Black Phantom White Green Burgundy | Phantom Black Phantom Silver |
เริ่มต้นที่ดีไซน์กันก่อนละกัน ดูจากทรงเครื่องก็เห็นชัดเจนว่าแตกต่างกันครับ Galaxy S22 Ultra จะมาพร้อมทรงเหลี่ยม ส่วน Galaxy S21 Ultra จะเป็นทรงโค้งมน จับถือก็จะมีความแตกต่างกันอยู่นิดหน่อย ความโค้งของ S21 Ultra จะได้ความเข้ามือกว่านิดหน่อย ในมุมมองส่วนตัวของเราครับ
ส่วนดีไซน์ฝาหลังก็ชัดเจนว่าแตกต่างเหมือนกัน S21 Ultra จะมีกรอบเลนส์ขนาดใหญ่ครอบตัวเลนส์ทั้ง 4 ตัวไว้อย่างมิดชิด ในขณะที่ S22 Ultra จะเป็นเลนส์กล้องแต่ละตัวแยกออกจากกันชัดเจน ความนูนของตัวเลนส์ก็จะโดดเด่นขึ้นมาด้วย ตรงนี้ S21 Ultra แอบดูเด่นกว่า แต่ S22 Ultra ก็จะมีความคลาสสิคแบบเรียบง่ายแทน
S22 Ultra vs S21 Ultra มีฝาหลังเป็นกระจกแบบด้านเหมือนกันให้ความรู้สึกที่ดีและแน่นหนาด้วยกันทั้งคู่ครับ ขนาดและน้ำหนักก็ใกล้เคียงกันด้วย บาง 8.9 มม. เท่ากันน้ำหนักก็ต่างกัน 228 กรัม vs 227 กรัม
หน้าจอ
หน้าจอ | Galaxy S22 Ultra | Galaxy S21 Ultra |
ขนาด | 6.8″ | 6.8″ |
ชนิดหน้าจอ | Dynamic AMOLED 2X | Dynamic AMOLED 2X |
ความละเอียด | QHD+ (3088 x 1440 พิกเซล) | QHD+ (3200 x 1440 พิกเซล) |
อัตราส่วน | 19.3:9 | 20:9 |
refresh rate | 120Hz | 120Hz |
ความสว่างสูงสุด | 1750nits | 1500nits |
มาต่อกันที่หน้าจอ ทั้ง 2 รุ่นใช้จอ Dynamic AMOLED 2X ขนาดเท่ากันคือ 6.8″ แต่อัตราส่วนจะแตกต่างกันนิดหน่อยคือ S22 Ultra ใช้ 19.3:9 ส่วน S21 Ultra ใช้ 20:9 ถ้าจับถือดูจะรู้ได้ทันทีว่าจอมีความแตกต่างกันอยู่เพราะ S22 Ultra จะออกข้างมากกว่าจึงให้ความรู้สึกที่ใหญ่กว่าครับ
ในเรื่องการแสดงผลทั้งความสวยงาม ความคมชัดหรือการตอบสนองทั้ง 2 รุ่นให้สเปคมาเหมือนกันเลยคือ ความละเอียด QHD+ คู่กับ refresh rate 120Hz ซึ่งเป็นจอที่ยอดเยี่ยมที่สุดในตอนนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ดูรูปภาพความละเอียดสูง หรือเล่นเกม ใกล้เคียงกันมาก ๆ จะมีจุดที่แตกต่างกันนิดหน่อยก็คือความสว่างที่ S22 Ultra สว่างสูงสุดได้มากถึง 1750 nits ในขณะที่ S21 Ultra สูงสุด 1500nits แต่ในการใช้งานจริงจะไม่เห็นผลมากนัก นอกจากดูคอนเทนต์ HDR หรือต้องใช้งานกลางแจ้งจริง ๆ ครับ
สเปค
สเปค | Galaxy S22 Ultra | Galaxy S21 Ultra |
ชิปเซ็ต | Snapdragon 8 Gen 1 (4nm) | Exynos 2100 (5nm) |
แรม | 8GB/12GB | 12GB |
รอม | 128GB/256GB/512GB | 128GB/256GB/512GB |
แบตเตอรี่ | 5000mAh | 5000mAh |
ระบบชาร์จ | สูงสุด 45W | สูงสุด 25W |
เข้าเรื่องสเปคน่าจะเป็นจุดที่ S22 Ultra ได้เปรียบกว่าเยอะ ไม่ใช่แค่เป็นรุ่นใหม่กว่า แต่ด้วยความที่รอบนี้ Samsung เลือกใช้ชิปเซ็ต Snapdragon บนรุ่นที่วางจำหน่ายในไทยด้วยครับ ทำให้ความต่างของชิปเซ็ตมีมากพอสมควร ซึ่งหากเทียบกับผลทดสอบแล้ว S22 Ultra ที่ใช้เซ็ต Snapdragon 8 Gen 1 เทียบกับ S21 Ultra ที่ใช้ชิป Exynos 2100 จะต่างกันราว 30% ได้เลย
แต่ถึงจะบอกว่าผลคะแนนต่างกันพอสมควร แต่ในการใช้งานจริงเราก็ยังไม่รู้สึกถึงความต่างที่เห็นชัดขนาดนั้น เพราะไม่ว่าจะใช้งานทั่วไปหรือเล่นเกมจริงจังทั้ง S22 Ultra และ S21 Ultra ก็ยังทำได้ดีทั้งคู่ครับ แต่ในระยะยาวหลังจากนี้แน่นอนว่าชิป Snapdragon 8 Gen 1 บน S22 Ultra ก็ต้องได้เปรียบกว่าอยู่แล้ว แต่มีจุดสังเกตน่าสนใจก็คือเรื่องแรมที่รอบนี้ S22 Ultra รุ่นเริ่มต้นให้มาแค่ 8GB ถ้าอยากได้แรมเยอะขึ้นเป็น 12GB เทียบเท่ากับรุ่นที่แล้วก็ต้องเขยิบไปที่รุ่น 256GB แทนครับ
ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ 5000mAh ให้มาเท่ากัน เท่าที่ลองใช้งานเทียบกันแล้วไม่ได้ต่างกันจนน่าตกใจ เรียกว่าใช้งานได้ใกล้เคียงกันจะดีกว่า แต่จุดที่ S22 Ultra ได้เปรียบกว่าเลยก็คือระบบชาร์จไวที่เร็วสุดได้ 45W กันเลย ใครที่ชอบความเร็วในการชาร์จกว่า S22 Ultra อัปเกรดตรงนี้มาให้แล้ว
กล้อง
กล้อง | Galaxy S22 Ultra | Galaxy S21 Ultra |
กล้องหลัก | 108MP f/1.8 PDAF, Laser AF, OIS | 108MP f/1.8 PDAF, Laser AF, OIS |
กล้อง Ultra Wide | 12MP f/2.2 PDAF มุมกว้าง 120º | 12MP f/2.2 PDAF มุมกว้าง 120º |
กล้อง Tele 1 | 10MP f/2.4 PDAF, OIS, Optical Zoom 3X | 10MP f/2.4 PDAF, OIS, Optical Zoom 3X |
กล้อง Tele 2 | 10MP f/4.9 PDAF, OIS, Optical Zoom 10X | 10MP f/4.9 PDAF, OIS, Optical Zoom 10X |
กล้องหน้า | 40MP f/2.2 PDAF | 40MP f/2.2 PDAF |
ในเรื่องกล้องถ้าดูจากสเปคด้านบนก็เรียกว่าแทบจะไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย ใช่แล้วครับในเรื่องตัวเลขต่าง ๆ ใกล้กันมากทั้งกล้องหลักความละเอียดสูง 108MP มีกล้อง Ultra Wide ที่ใช้งานเป็นกล้อง macro ได้ หรือจะเป็นกล้อง Tele ที่มีมาให้ 2 ระยะ 3X และ 10X อีก ดูจากตำแหน่งการวางกล้องก็เหมือนกันเป๊ะ ๆ อีกด้วย แต่ในการใช้งานจริงด้วยชิปเซ็ตตัวใหม่บวกกับพลัง AI ที่เก่งขึ้น ทำให้ S22 Ultra ถ่ายภาพออกมาได้ดีขึ้น ทั้งภาพระยะปกติและซูมเลยล่ะครับ
หรือจะเป็นภาพในที่แสงน้อยที่ S22 Ultra ชูจุดเด่นมาชัดเจนมาก ก็ทำได้ดีขึ้นตามที่คุยไว้จริง ๆ แม้บางภาพจะไม่ได้สว่างขึ้นกว่าเดิม แต่รายละเอียดความคมชัด Noise นั้นทำได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน เรียกว่าเรื่องกล้องแม้จะดูไม่ต่างกันในเรื่องของสเปคฮาร์ดแวร์ แต่ด้วยซอฟต์แวร์และ AI ที่เก่งขึ้น ทำให้ Galaxy S22 Ultra ชนะไปอย่างชัดเจนครับ
S Pen
S Pen | Galaxy S22 Ultra | Galaxy S21 Ultra |
รูปแบบ | เสียบเก็บในตัวเครื่องได้เลย | ต้องใส่กับเคส |
ความหน่วง | 2.8ms | 9ms |
สถานะ | แถมมาให้กับตัวเครื่อง | ซื้อแยก |
ฟีเจอร์เสริม | สั่งงานได้ผ่าน Bluetooth | ไม่มี |
ปิดท้ายในเรื่อง S Pen ที่เป็นหัวใจหลักของ Galaxy S22 Ultra รอบนี้ อย่างที่ทราบว่า Samsung เริ่มอนุญาตให้ Galaxy S Series ใช้ S Pen ได้ตั้งแต่รุ่น S21 Ultra เป็นต้นมา แต่ตอนนั้นก็ยังต้องซื้อแยกมาใช้คู่กัน ไม่ได้แถมติดตัวมาเหมือน S22 Ultra ที่เป็นลักษณ์เดียวกับ Note เลยคือเราสามารถกดที่ด้านล่างเพื่อดึงมาใช้งานได้ตลอดเวลา
ในเรื่องความสะดวกสบายแน่นอนว่า S22 Ultra ทำได้ดีกว่า เราไม่ต้องคอยมาหาที่เก็บแยกใช้เสร็จเก็บเข้าเครื่องได้ทันที อยากจะใช้ตอนไหนก็ใช้ได้ แถมไม่ต้องซื้อเพิ่มให้เปลืองงบ แต่อีกมุมที่คนใช้ S21 Ultra ซื้อ S Pen มาอยู่แล้ว ก็คงจะชอบทรงของปากกาที่ใหญ่กระชับมือของ S Pen ที่ซื้อแยกมากกว่า แต่ก็คงติดปัญหาเรื่องการพกพาอยู่ดี เพราะถ้าไม่ใส่เคสที่มีความหนาเพิ่มก็ต้องหาที่เก็บซึ่งไม่สะดวกเวลาที่รีบ ๆ จะใช้งานจริงเท่ากับดึงออกจากเครื่องแน่นอน
ส่วนความหน่วงในการตอบสนอง S22 Ultra ก็ทำได้ดีขึ้นเป็น 2.8ms เทียบกับ S21 Ultra ที่ 9ms ครับ นอกจากนี้ด้วยความที่เป็น S Pen แบบ Built-In ก็มีฟีเจอร์การควบคุมด้วย Bluetooth มาให้ด้วย จะสั่งลั่นชัตเตอร์ เลื่อนรูปภาพ หรือเข้าแอปแบบด่วน ๆ ก็ทำได้หมด ในขณะที่ของ S21 Ultra ทำแบบนี้ไม่ได้ครับ
ราคา
ราคาเปิดตัว | Galaxy S22 Ultra | Galaxy S21 Ultra |
รุ่น 128GB | 39,900 บาท | 39,900 บาท |
รุ่น 256GB | 43,900 บาท | 41,900 บาท |
รุ่น 512GB | 47,900 บาท | 45,900 บาท |
และเรื่องราคา Galaxy S22 Ultra เปิดราคาเริ่มต้นมาที่ 39,900 บาท ถ้าสั่งซื้อภายในวันที่ 3 มีนาคมนี้ก็จะได้อัปเกรดเป็นความจุ 256GB ฟรีเลยด้วย ซึ่งหากเทียบกับราคาเปิดตัวของปีที่แล้วก็ถือว่าคุ้มกว่าซะอีก และโปรโมชั่นของ Samsung ยังมีโปรเก่าและใหม่ ที่หากนำ S21 Ultra ไปแลกก็จะได้ส่วนลดสูงสุด 21,500 บาทด้วย ก็เท่ากับว่าเราสามารถอัปเกรดเครื่องใหม่ได้ในงบ 18,400 บาทเท่านั้นครับ นี่ยังไม่รวมโปรโมชั่นจากโอเปอเรเตอร์ที่มอบส่วนลดให้อีกเพียบด้วยนะ
สรุปแล้วเอาไงดี?
เชื่อว่ามาถึงตรงนี้หลายคนที่มีคำถามว่า ควรอัปเกรดจาก S21 Ultra ไป S22 Ultra ไหม ? ก็คงได้คำตอบไม่มากก็น้อยแล้ว แต่ถ้ายังคิดแล้วคิดอีกตอบไม่ได้ เรามีคำแนะนำให้ดังนี้ครับ
อัปเกรดไปเลย! ถ้าคุณต้องการชิปเซ็ตที่แรงขึ้นและเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดอย่าง Snapdragon 8 Gen 1 ต้องการกล้องที่เก่งขึ้นในทุกด้าน ชอบดีไซน์แบบเหลี่ยมเหมือน Note Series และก็ยังอยากใช้งานปากกา S Pen ที่คล่องตัวไม่ต้องคอยพกเคสใหญ่ ๆ หนาหนาตลอดเวลาที่อยากใช้ S Pen และที่สำคัญที่สุด ถ้ามีงบเพียงพอไม่เดือดร้อนในการอัปเกรดนี้ S22 Ultra จะทำให้คุณแฮปปี้ในการอัปเกรดนี้อย่างแน่นอน!
ยังก่อนดีกว่า…ถ้าคุณคิดว่า Galaxy S21 Ultra ก็ยังใช้งานได้สบาย ความเร็วระดับนี้เล่นอะไรก็ลื่นอยู่แล้ว ชอบดีไซน์ที่โค้งมนหน่อยมันจับง่ายกว่า กล้องก็ไม่ได้ใช้งานจริงจังขนาดนั้น ไม่ได้ต้องการซูมไปไกลแล้วคมชัดแบบสุด ๆ ทุกวันนี้ก็ถ่ายรูปได้สวยมากพอแล้ว ไม่ค่อยได้ใช้งาน S Pen เป็นสำคัญและไม่อยากเพิ่มเงินในการอัปเกรด S21 Ultra ก็ยังคงตอบโจทย์และควรค่าแก่การถือใช้งานอย่างแฮปปี้เช่นกันครับ
ทั้งหมดนี้คือความเห็นของเราที่มีต่อคำถามที่ว่า ควรอัปเกรดจาก S21 Ultra ไป S22 Ultra ไหม ? หวังว่าข้อมูลที่ให้ไปนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ที่กำลังตัดสินใจอยู่ ติดสินใจได้ง่ายขึ้นนะครับ แล้วพบกับใหม่ในบทความหน้าครับ