Buying Guides
iPhone 11 และ iPhone SE 3 (2022) เลือกรุ่นไหนดี + วิธีเลือกซื้อ
iPhone 11 และ iPhone SE 3 (2022) เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องเล็กกะทัดรัดทั้งคู่ อีกทั้งมีราคาที่จับต้องกันได้ง่ายมากขึ้นไม่ถึง 20,000 บาท แล้วควรเลือกรุ่นไหนดี วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net ได้รวบรวมข้อมูลที่ควรพิจารณามาฝากกันครับ
iPhone SE 3 (2022) มีการอัปเกรดที่โดดเด่นมากกว่า iPhone 11 ตรงที่ตัวเครื่องรองรับ 5G แต่ iPhone 11 ก็มีฟีเจอร์บางอย่างที่ iPhone SE รุ่นใหม่ไม่มี ไม่ว่าจะเป็นขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่าและกล้องหลังคู่ ด้วยราคาที่ใกล้เคียงกัน คือรุ่นความจุเริ่มต้น 64GB ต่างกันเพียง 3,600 บาท อาจทำให้หลายคนที่กำลังสนใจทั้งสองรุ่นนี้ยังลังเลว่าควรเลือกรุ่นไหนดี
เปรียบเทียบสเปค iPhone 11 และ iPhone SE 3 (2022)
[table id=85 /]
ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอ
iPhone SE 3 (2022) และ iPhone 11 มีความคล้ายคลึงกัน ทั้งคู่ใช้แผงหน้าจอ LCD แต่ดีไซน์ตัวเครื่องของ iPhone SE รุ่นใหม่นั้นเหมือนกับ iPhone 8 และยังคงเหมือนเดิมกับรุ่นก่อนหน้าคือ iPhone SE 2 (2020)
iPhone SE รุ่นใหม่นั้นมีหน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล เป็นรุ่นที่ยังมีปุ่มโฮม Touch ID สำหรับสแกนลายนิ้วมือเพื่อยืนยันตัวตน โดยไม่มีระบบ Face ID สำหรับสแกนใบหน้าเหมือนกับรุ่น iPhone รุ่นใหม่ๆ
ถ้ามองในกลุ่มมือถือราคาไม่แพงที่น่าสนใจที่สุด iPhone SE (2022) ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆ ด้วยวัสดุตัวเครื่องที่เป็นกระจกและอลูมิเนียม ในขณะที่มือถือราคาไม่แพงส่วนใหญ่จะเลือกใช้วัสดุเป็นพลาสติก นั่นจึงทำให้ iPhone SE รุ่นใหม่ให้ความรู้สึกระดับพรีเมียม โดยมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ มิดไนท์, สตาร์ไลท์ และ (PRODUCT)RED
iPhone 11 มีหน้าจอ LCD ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียดรวม 1792 x 828 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่สูงกว่า iPhone SE รุ่นใหม่เล็กน้อย ซึ่งขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่าก็ยังช่วยให้ผู้ใช้งานอ่านเนื้อหาบนหน้าจอได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นผู้ใช้ที่มีปัญหาด้านการมองเห็น
นอกจากนี้แล้ว iPhone 11 ก็จะไม่มี Touch ID เพราะตัวเครื่องมีระบบ Face ID สำหรับสแกนใบหน้านั่นเอง โดยมีให้เลือก 5 สี ได้แก่ เขียว ขาว ม่วง เหลือง ดำ และ (PRODUCT)RED
กล้องถ่ายรูป
เป็นอีกหนึ่งจุดที่ทั้งสองรุ่นแตกต่างกันชัดเจน โดย iPhone 11 มีระบบกล้องคู่พร้อมโหมดกลางคืน โหมดภาพถ่ายบุคคล และวิดีโอระดับ 4K สูงสุด 60 fps แต่ไม่มีฟีเจอร์สไตล์ภาพถ่าย ในขณะที่กล้องหน้า TrueDepth ความละเอียด 12MP พร้อมโหมดภาพถ่ายบุคคล, วิดีโอระดับ 4K และโหมดสโลว์โมชั่น
สำหรับ iPhone SE รุ่นใหม่ แม้ตัวกล้องหลังจะมีเพียงเลนส์เดียวและมีความละเอียด 12MP แต่ก็รองรับการถ่ายภาพ HDR อัจฉริยะ 4, สไตล์ภาพถ่าย, Deep Fusion และโหมดภาพถ่ายบุคคล แต่ไม่มีโหมดกลางคืน
ชิปประมวลผล
iPhone SE 3 (2022) ใช้ชิปเซ็ต A15 Bionic ที่เปิดตัวพร้อมกับ iPhone 13 จึงทำให้มีประสิทธิภาพของชิปเซ็ตที่ดีที่สุดของ iPhone ในราคาที่จับต้องกันได้ง่ายมากขึ้น มาพร้อม CPU แบบ 6-core มาพร้อมคอร์ประสิทธิภาพสูงจำนวน 2 คอร์ และคอร์ประหยัดพลังงานสูงจำนวน 4 คอร์
iPhone 11 เปิดตัวเมื่อปลายปี 2019 มาพร้อมชิปเซ็ต A13 Bionic ซึ่งเป็นชิปที่มีประสิทธิภาพในอันดับต้นๆ เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนในระดับเดียวกัน
เลือกรุ่นไหนดี iPhone SE 3 (2022) และ iPhone 11
iPhone 11 เป็นรุ่นเก่ากว่า iPhone SE 3 ซึ่งเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่สนใจรุ่น 5G โดยมีฟีเจอร์หลายอย่างที่ครบเครื่องกว่าและน่าซื้อมากกว่า โดยเฉพาะผู้เริ่มต้นใช้งาน iPhone และเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจหากกำลังวางแผนซื้อให้คุณพ่อคุณแม่หรือญาติผู้ใหญ่
หน้าจอ 6.1 นิ้วในขนาดตัวเครื่องใกล้เคียงกัน ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป ดังนั้น iPhone SE ตัดออกไปได้เลย เพราะดีไซน์หน้าจอแบบใหม่ของ iPhone 11 มีขอบหน้าจอที่บางลงนั่นเอง แถมมีระบบ Face ID และมีกล้องที่ดีกว่าด้วยกล้องคู่ กล้องหลักและกล้อง Ultra-wide อีกทั้งกล้องหน้าคมชัดกว่าคือ 12 ล้านพิกเซล สำหรับการ FaceTime ที่ดีขึ้น
ด้านชิปประมวลผล A13 Bionic ไม่ส่งผลต่อการใช้งานสำหรับผู้เริ่มต้นใช้งาน iPhone หรือคุณพ่อคุณแม่ผู้สูงอายุ และที่สำคัญแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า iPhone SE รุ่นใหม่ด้วยตามข้อมูลสเปคที่ Apple ระบุเอาไว้
iPhone 11 ยังเหมาะกับผู้ใช้งาน iPhone รุ่นเก่าอย่าง iPhone 7 หรือรุ่นเก่ากว่านั้น เพราะใน iOS 16 จะไม่รองรับรุ่นดังกล่าวแล้ว ถ้าใครใช้รุ่นเหล่านั้นนะครับ การขยับขึ้นมาใช้ iPhone 11 ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเลย แถมราคาก็จับต้องได้ง่ายมากขึ้นในช่วงไม่เกิน 20,000 บาทด้วย แต่ใครที่ต้องการรุ่นที่รองรับ 5G ก็จะไม่เหมาะกับรุ่นนี้
iPhone SE 3 (2022) เหมาะกับสำหรับผู้ที่ชื่นชอบขนาดตัวเครื่องที่เล็ก พกพาง่าย รวมไปถึงราคาไม่แพงด้วย iPhone SE 3 รุ่นใหม่ล่าสุดจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยมาพร้อมชิปประมวลผล A15 Bionic ประสิทธิภาพเร็วแรงใช้งานได้หลายปี เพราะอย่างที่ทราบกันว่า Apple สนับสนุนการอัปเดทซอฟต์แวร์ต่อเนื่องหลายปี
ด้วยขนาดขนาดที่เล็ก จึงเป็นรุ่นที่เหมาะสำหรับเด็กๆ ขนาดพอเหมาะในการถือใช้งานของเด็กๆ พกใส่กระเป๋าได้ง่าย อีกราคาเริ่มต้น 15,900 บาทสำหรับอุปกรณ์ของ Apple ก็ทำให้ผู้ปกครองตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น แม้ว่าตัวเครื่องจะมีดีไซน์เก่าไม่ต่างไปจากรุ่นก่อนหน้า
นอกจากนี้ยังมี Touch ID สำหรับสแกนลายนิ้วมือ แทนที่จะเป็น Face ID เพื่อลดความยากในการใช้งานสำหรับเด็กที่มีอายุน้อย เพราะ Apple เคยกล่าวว่า Face ID เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไปเท่านั้น
ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลที่น่าสนใจของ iPhone SE 3 (2022) และ iPhone 11 ที่น่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังเลือกซื้อสองรุ่นนี้แล้วยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรเลือกรุ่นไหนดี อย่าลืมกดติดตามแฟนเพจ @iPhoneDroid.net และทวิตเตอร์ @iPhone_Droid จะได้ไม่พลาดข่าวสารดีๆ ด้วยนะครับ