Smart Review
รีวิว ROG Phone 7 เกมมิ่งโฟนตัวแรงที่ “แรงกว่า…เย็นกว่า” ด้วย ชิป Snapdragon 8 Gen 2 | จอ 165Hz | ระบบระบายความร้อน GameCool 7
รีวิว ROG Phone 7 เกมมิ่งโฟนรุ่นล่าสุดของ ASUS ในปีนี้ได้รับอัปเกรดสเปคและดีไซน์ให้น่าสนใจขึ้นอีกแล้ว ด้วยชิปเซ็ตเรือธงล่าสุด Snapdragon 8 Gen 2, หน้าจอ AMOLED 6.78″ Refresh rate 165Hz, มี RAM แบบใหม่ LPDDR5X, ความจุแบบใหม่ UFS 4.0, แบตเตอรี่เยอะจุใจ 6000mAh, ระบบชาร์จไว 65W HyperCharge และที่ขาดไม่ได้ดีไซน์โฉมใหม่ที่เท่และดุดัน
และหลังจากที่เราลองใช้งานมากกว่า 1 สัปดาห์ แอบบอกเลยว่ารุ่นนี้เล่นเกมได้ถูกใจเกมเมอร์ ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน น่าสนใจแค่ไหน ติดตามรีวิวฉบับเต็มของ ROG Phone 7 ไปพร้อม ๆ กันเลยครับ!
สรุปสเปค ROG Phone 7
- ขนาดตัวเครื่อง : 173 x 77 x 10.3 มม.
- น้ำหนัก : 239 กรัม
- หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.78″
- ความละเอียด : FHD+ (2448 x 1080 พิกเซล) รองรับ HDR10+, ความสว่างสูงสุด 1,200 nits กระจก Gorilla Glass Victus
- Refresh rate : 165Hz
- CPU : Snapdragon 8 Gen 2 (4nm) Octa Core ความเร็ว 3.2GHz
- GPU : Adreno 740
- RAM : 16GB (LPDDR5X)
- ROM : 512GB (UFS 4.0)
- แบตเตอรี่ : 6000mAh
- ระบบชาร์จ : ชาร์จไว 65W HyperCharge และ PD Charging
- กล้องหน้า : 32MP เซ็นเซอร์ IMX663
- กล้องหลัง : 3 ตัว
- กล้องหลัก 50MP เซ็นเซอร์ Sony IMX766 f/1.9
- กล้อง Ultra Wide Angle 13MP มุมกว้าง 120º f/2.2
- กล้อง Macro 5MP f/2.0
- รองรับการเชื่อมต่อ WiFi 6/6E (802.11 a/b/g/n/ac/ax, 2×2 MIMO), Bluetooth 5.2, NFC และพอร์ต USB Type-C
- มาตรฐานกันฝุ่นกันน้ำ : IP54
- ระบบปฏิบัติการ : Android 13 ครอบทับด้วย ROG UI
- สีสัน : Phantom Black, Storm White
แกะกล่อง ROG Phone 7
ก่อนเราจะไปชมดีไซน์ตัวเครื่องแบบเต็ม ๆ เรามาแกะกล่องเช็กแพ็กเกจของ ROG Phone 7 กันก่อนดีกว่า ตัวกล่องของรุ่นนี้จะมาในไซซ์ปกติในสีดำ พร้อมลวดลายของฝาหลังอยู่ที่หน้ากล่องและชื่อรุ่นชัดเจนครับ
เปิดกล่องออกมาเราจะเจอกับกล่องในชั้นแรกที่ในนี้จะมีเข็มจิ้มถาดซิมที่มีโลโก้ของ Replublic of Gamers และมีเคส Bumper กับเอกสารคู่มือครับ
ถัดลงไปเราจะเจอกับตัวเครื่องที่คว่ำหน้าอยู่ในซองอย่างเรียบร้อย สีที่เราได้มารีวิวเป็นสี Phantom Black เดี๋ยวไว้มาดูตัวเครื่องกันเต็ม ๆ อีกทีละกันเนาะ และถัดลงไปชั้นล่างสุดเราจะเจอกับอะแดปเตอร์ที่มีโลโก้ ROG พร้อมกับสายชาร์จแบบถัก USB-C to C สีดำอยู่ด้วย เรียกว่าเข้าคู่กันได้อย่างดีทีเดียวครับ
เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ภายในกล่องของ ROG Phone 7 จะมีด้วยกัน 6 อย่างดังนี้ครับ
- ตัวเครื่อง ROG Phone 7
- เคส Bumper
- สายชาร์จ
- อะแดปเตอร์
- เข็มจิ้มถาดซิม
- เอกสารคู่มือ
ดีไซน์แบบ Two-Tone ผสานความเท่และผิวสัมผัสที่ยอดเยี่ยม
เอาล่ะ! มาชมดีไซน์ตัวเครื่องของ ROG Phone 7 กันแบบเต็ม ๆ กันเลย รอบนี้ ASUS ใช้ดีไซน์แบบ Two-Tone แบบตัดเฉียงมีผิวสัมผัส 2 แบบที่ลงตัวกว่ารุ่นก่อนเยอะในความรู้สึกของเรา คือส่วนบนของตัวเครื่องจะเป็นกระจกผิวมันวาวที่มีลวดลายเหมือนวงจารภายในเท่ ๆ ส่วนด้านล่างจะเป็นกระจกผิวด้านที่มีเส้นสายเชื่อมโยงจากส่วนมันวาวได้พอดีเป๊ะและโลโก้ ROG เด่น ๆ ตรงกลาง
ซึ่งจุดที่เราชอบมาก ๆ ก็คงเป็นผิวสัมผัสที่พอเป็นผิวด้านเวลาเราจับถือก็จะไม่ติดคราบรอยนิ้วมือมากนัก เกมเมอร์ที่ถือเล่นเกมต่อเนื่องนาน ๆ ก็ไม่ต้องคอยมาเช็ดทำความสะอาดบ่อย ๆ ด้วย
ส่วนโมดูลกล้องก็ยังเท่เหมือนเดิมมีกล้องหลัง 3 ตัวที่วงสีแดงในกล้องหลักเด่น ๆ แบ่งเป็น 2 เลเยอร์ด้านล่างระบุสเปคสุดล้ำของกล้อง 8K Ultra HD 1/1.56″ ยิ่งรู้สึกถึงความทรงพลัง และความโปร่งเหมือนแผงวงจรก็เข้ากันมาก ๆ เป็นส่วนผสมของงานดีไซน์ที่ไม่เหมือนใครจริง ๆ ครับ
และที่ขาดไม่ได้ความเป็นเกมมิ่งโฟนก็ต้องมี…“ไฟ RGB” อยู่ภายในเหมือนเดิม รอบนี้มีอยู่ 2 จุดคือตรงกลางเครื่องและที่โลโก้ ROG เมื่อเปิดเล่นเกมหรือเข้า X Mode ตัวไฟนี้จะติดและกระพริบเป็นสีแดงเพิ่มความเท่ให้กับเหล่าเกมเมอร์อย่างเรา ๆ ได้อีกเยอะเลยล่ะครับ
หน้าจอ AMOLED ลื่นที่สุด 165Hz
พลิกกลับมาดูที่หน้าจอกันบ้าง ROG Phone 7 มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาดใหญ่ 6.78″ ความละเอียดระดับ FHD+ (1080 x 2448 พิกเซล) เต็มตาและสีสันสวยงามขั้นสุด รองรับการแสดงผล HDR10+ พร้อมความสว่างสูงสุด 1500nits เรียกว่าจัดเต็มขนาดนี้เอามาดูคอนเทนต์หรือเล่นเกมก็สะใจแน่นอนครับ
ส่วนเรื่องการตอบสนอง ROG Phone 7 ก็จัดเต็มด้วย Refresh rate สูงสุดถึง 165Hz แถมมี Touch Sampling rate สูงถึง 720Hz ตอบสนองไวในทุกการใช้งาน รู้สึกได้เลยว่าไม่ว่าเราจะแตะ เลื่อน บนหน้าจอนั้นปรู๊ดปร๊าดไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไปในหน้าโฮม เล่นแอปโซเชี่ยลต่าง ๆ หรือจะเป็นการเล่นเกมจริงจังก็หายห่วงครับ
สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ สแกนใบหน้าครบ
และที่ด้านหน้าของ ROG Phone 7 ก็มีมาให้ทั้งระบบสแกนใบหน้าและระบบสแกนลายนิ้วมือ เรียกว่าให้มาครบมาก ถ้าใช้งานทั่วไปสแกนใบหน้าได้ก็รวดเร็ว หรือในสถานการณ์ที่ต้องใส่หน้ากากอนามัยตอนออกไปข้างนอกก็มีสแกนลายนิ้วมือให้ใช้งานปลดล็อคหน้าจอได้อย่างถนัดครับ
ลำโพงคู่ Stereo มิติเสียงยอดเยี่ยม
ROG Phone 7 ยังคงให้ลำโพงมา 2 ตัวที่วางตำแหน่งไว้ที่ด้านบน-ล่างของหน้าจอเหมือนเดิม ซึ่งเป็นข้อดีของการเล่นเกมมาก เพราะเสียงที่ได้ส่งตรงมาหาเราเต็ม ๆ และยังไม่เผลอเอามือไปบังลำโพงง่าย ๆ เหมือนที่อยู่ด้านข้างตัวเครื่องด้วย ส่วนพลังเสียงก็ไม่ต้องห่วงเลยรุ่นนี้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 50% และขับเบสได้ดีขึ้นอีก 20% เล่นเกมแบบไม่ต้องพึ่งหูฟังก็สะใจมากครับ
ปุ่มกดวางตำแหน่งดี มี AirTrigger มาให้ใช้งานเช่นเคย
ตำแหน่งปุ่มกดของ ROG Phone 7 ยังอยู่ที่ด้านขวามือของตัวเครื่องเช่นเคย แยกเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงและปุ่ม Power ที่มีสีแดงล้อมรอบเหมือนเดิม และที่มุมซ้าย-ขวาก็ยังมีปุ่ม Air Trigger แบบ Ultra Sonic ให้เราสามารถเพิ่มเป็นปุ่ม L R เวลาเล่นเกมได้ด้วยครับ
พอร์ตการเชื่อมต่อ 2 จุดสำหรับเกมเมอร์โดยเฉพาะ
พอร์ตการเชื่อมต่อของ ROG Phone 7 จะมีอยู่ 2 จุดคือด้านล่างตัวเครื่องปกติแบ่งเป็นพอร์ต USB-C และช่องหูฟัง 3.5 มม. และที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องรอบนี้ปรับมาเป็นพอร์ต USB-C เหมือนกันเลย เราสามารถใช้งานเชื่อมต่อ ชาร์จ ขณะเล่นเกมไปได้อย่างสะดวก เรียกว่าออกแบบมาสำหรับคนเล่นเกมโดยเฉพาะจริง ๆ ครับ
ใส่ได้ 2 ซิมนะรุ่นนี้
ช่องใส่ซิมของ ROG Phone 7 ก็ไม่ได้อยู่ที่ไหนไกลครับ ตรงแถบที่แดงที่เห็นเด่น ๆ นั่นเองครับ ตัวถาดซิมจะเป็นแบบ Dual-SIM ใส่ได้ 2 ซิมหน้า-หลังครับ ส่วนหน่วยความจำภายนอกหรือ microSD รุ่นนี้เพิ่มไม่ได้ครับ
มีความสามารถกันฝั่นกันน้ำ IP54 ด้วย
และอีกไฮไลท์ของ ROG Phone 7 ที่มีการอัปเกรดขึ้นจากรุ่นก่อนก็คือความสามารถกันฝั่นกันน้ำที่ได้มาตรฐาน IP54 มาเลย (จากเดิม IPX4) หมายความว่าตัวเครื่องจะปลอดภัยแม้เจอฝุ่นหนา ๆ หรือจะเจอน้ำกระเด็นใส่ น้ำหกใส่ ลุยฝนก็ปลอดภัยได้แน่นอน ถือว่าเป็นอีกความสามารถที่น่าจะถูกใจเกมเมอร์ที่ต้องเล่นเกมในทุกสถานการณ์จริง ๆ ครับ!
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ ROG Phone 7 ก็ถือว่าออกแบบมาได้ยอดเยี่ยม ทั้งฝาหลังแบบ Two-Tone มอบความเท่แตกต่าง ได้ผิวสัมผัสที่ลงตัว หน้าจอ AMOLED สีสันที่ลื่นไหลระดับ 165Hz ลำโพงคู่หน้าที่ขับพลังเสียงยอดเยี่ยม ปุ่ม AirTrigger พิเศษที่ยังอยู่เพิ่มการเล่นเกมให้สนุกยิ่งขึ้น พอร์ตการเชื่อมต่อที่คิดมาแล้วสำหรับการเล่นเกมต่อเนื่อง และที่ขาดไม่ได้ความสามารถกันฝุ่นกันน้ำระดับ IP54 ที่ช่วยให้พร้อมลุยในทุกสถานการณ์!
ความแรงที่เหนือขึ้นไปอีกด้วย Snapdragon 8 Gen 2
มาต่อในเรื่องประสิทธิภาพกันเลยครับ ROG Phone 7 นั้นจัดเต็มสมกับเป็นเกมมิ่งโฟนตัวแรง มาพร้อมชิปเซ็ตตัวล่าสุด Snapdragon 8 Gen 2 แถมยังอัปเกรดหน่วยความใหม่ทั้ง RAM LPDDR5X ขนาด 16GB และ Storage UFS 4.0 ขนาด 512GB เรียกว่าสุดในรุ่น! เท่าที่เราลองใช้งานจริงบอกเลยว่าทุกการทำงานมันเร็วมาก รวดเร็วทันใจไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการเปิดแอป ดาวน์โหลดเกม หรือเลื่อนไปมาตอบสนองได้ดีจริง ๆ
ด้วยสเปคที่จัดเต็มขนาดนี้แน่นอนว่าคะแนนทดสอบก็ออกมาสูงตามคาดอย่างบนแอป AnTuTu Benchmark v10 ก็ทำคะแนนไปมากถึง 1590573 คะแนน ถือเป็นคะแนนที่สูงที่สุดเท่าที่เราเคยทดสอบมาตอนนี้เลยก็ว่าได้ครับ ไม่ธรรมดาเนาะ!
ส่วนคะแนนจาก Geekbench 6 ก็สูงไม่แพ้กันได้ Single-Core ไปที่ 1994 คะแนน และ Multi-Core ไปที่ 5695 คะแนนครับ และเช่นกันคะแนน Multi-Core ของ ROG Phone 7 ก็สูงที่สุดที่เราเคยทดสอบมาในปีนี้เช่นกันครับ!
Armoury Crate แอปสำหรับเกมเมอร์ ทุกอย่างรวมไว้ที่นี่แล้ว!
ก่อนจะไปเข้าเรื่องการเล่นเกมจริงจัง เราขอเสริมในเรื่องของแอปพิเศษที่ ASUS เพิ่มเข้ามาบน ROG Phone สักหน่อยกับ Armoury Crate แอปตัวนี้จะรวมเอาทุกฟีเจอร์การเล่นเกม อาทิ คลังรวมเกมที่มีในเครื่อง การปรับแต่งระบบหรือลูกเล่นต่าง ๆ เช่น โหมดการใช้งานของตัวเครื่องอย่าง X-Mode ก็ปรับในนี้ได้ ปรับรูปแบบการใช้งานอุปกรณ์เสริมอย่าง AeroActive Cooler หรือกระทั่งเกมแนะนำที่รองรับ refresh rate สูงด้วยเช่นกัน
Game Genie จัดการทุกอย่างในการเล่นเกม
ถ้า Armoury Crate คือการจัดการระบบของตัวเครื่องภายนอก Game Genie ก็คือศูนย์รวมการจัดการภายในเกมครับ เพียงแค่เรารูดนิ้วจากมุมขวาลงมาที่หน้าจอ จะมีหน้าควบคุมชุดใหญ่โผล่ขึ้นมา อาทิ การตั้งค่า AirTrigger, การแสดงข้อมูลการใช้งาน CPU/GPU หรือ FPS แบบเรียลไทม์, ล็อคความสว่างหน้าจอ, ปรับ refresh rate และอีกเพียบเลยจริง ๆ ครับ เรียกว่าหาการตั้งค่าอะไรไม่เจอก็ให้เลื่อนเปิด Game Genie แล้วหาได้เลยครับ รวมไว้ในนี้หมดแล้ว
AirTrigger ใช้งานได้หลากหลายขึ้น
อย่างที่บอกว่า ROG Phone 7 นั้นมาพร้อมปุ่ม AirTrigger ที่ใช้งานเป็นปุ่ม L R ได้ ตรงนี้จะช่วยให้เราเล่นเกมได้สนุกยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเกมแนวยิง ๆ ที่เราสามารถเซ็ตให้ปุ่ม L เป็นการเล็ง และปุ่ม R เป็นปุ่มยิง ให้อารมณ์เหมือนเกมคอนโซลที่มักวางปุ่มแนวนี้อยู่แล้ว การตอบสนองของปุ่มก็เป็นแบบ Ultra Sonic ก็ทำได้ดีมีระดับในการกด แถมรอบนี้ยังมีคำสั่งเพิ่มเติมให้ใช้มากกว่า 9 รูปแบบอีกด้วย
นอกจากการแตะเพื่อเป็นปุ่มพิเศษแล้ว รอบนี้ ASUS ยังเพิ่มความสามารถ Motion Control เข้ามาด้วย ไม่ว่าจะเป็นเอียงเครื่อง ขยับไปซ้าย-ขวา รวม ๆ แล้วทำได้เพิ่มกว่า 10 แบบเลยทีเดียว เพิ่มทางเลือกในการเล่นเกมให้สนุกขึ้นไปอีกครับ
ลองเล่นเกมกันเลยเถอะ!
เห็นฟีเจอร์คร่าว ๆ ของ ROG Phone 7 ไปแล้ว ได้เวลามาลงสนามจริงด้วยการเล่นเกมกันเลย เกมที่เราใช้ทดสอบวันนี้มี 4 เกมใหญ่ประกอบด้วย Asphalt 9, Call of Duty, Shadow Fight 4 Arena และ Genshin Impact ครับ
เล่น Asphalt 9 บน ROG Phone 7
เริ่มต้นกับเกมแข่งรถภาพสวยอย่าง Asphalt 9 ตัวเกมสามารถเปิดกราฟิกได้ถึงระดับ High Quality พร้อม 60fps ซึ่งขณะที่เราเล่นเกมและเปิดเช็ก fps แบบเรียลไทม์ไปด้วย ก็ถือว่าทำได้ดีมากครับ เฟรมเรตอยู่ที่ 59 – 60fps ตลอดทั้งเกม แม้จะมีเอฟเฟกต์เต็มฉากไปหมด และจะยิ่งสนุกด้วยความเต็มตาบนหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6.81″ ของ ROG Phone 7 นี้ครับ
เล่น Call of Duty บน ROG Phone 7
ต่อมากับเกมยิงฟอร์มยักษ์ Call of Duty Mobile แน่นอนว่าการตั้งค่าเราก็สามารถปรับได้สูงสุดเหมือนกัน (Very High + Max) เล่นแล้วก็รู้สึกว่าจัดเต็มมาก ๆ เพราะทั้งกราฟิกที่สวยงาม ความลื่นไหลระดับ 60fps แถมยังได้ปุ่มพิเศษ AirTrigger เข้ามาช่วยให้เรากดยิงเหมือน Shoulder Button แบบเดียวกับที่เล่นบนคอนโซลอีก ทำให้เล่นแล้วสนุกสะใจมากครับ
เล่น Shadow Fight 4 บน ROG Phone 7
และเกมต่อสู้ภาพสวย Shadow Fight 4 เกมนี้ก็ปรับกราฟิกได้ถึงระดับ Ultra เช่นกัน การควบคุมบนหน้าจอที่ลื่นไหล ทำให้เล่นเกมแนวนี้ได้อย่างสนุก เพราะทุกการแตะไม่ว่าจะขยับตัว กดโจมตีหรือใช้ท่าไม้ตายพิเศษ ถ้าแตะไม่ทันใจอาจจะถูกโจมตีกลับและเสียจังหวะได้เนาะ แต่บน ROG Phone 7 ที่มี Touch Sampling rate มากถึง 720Hz นั้นทำได้ยอดเยี่ยมมาก แตะปุ๊บก็ติดปั๊บ แถมยังมีฟีเจอร์ AirTrigger มาเสริมเวลาจะใช้ท่าพิเศษก็กดจากด้านบนได้ด้วยครับ
เล่น Genshin Impact บน ROG Phone 7
ปิดท้ายที่เกมสุดโหดอย่าง Genshin Impact เช่นเดียวกับหลาย ๆ เกมเราสามารถปรับระดับกราฟิกได้ที่สูงสุดทั้งหมด รวมถึงเฟรมเรต 60fps เช่นกัน ในการเล่นจริงจังตัวเกมรันได้อย่างลื่นไหลและต่อเนื่องดีมาก แม้จะเล่นเป็นเวลานานก็ยังให้เฟรมเรตที่ลื่นไหลระดับ 50 – 60fps ตลอด ไม่เจออาการเฟรมเรตดรอปเลย ยิ่งเป็นเกม Open World แบบนี้พอได้ลำโพงคู่ Stereo ที่ทรงพลังมากขึ้น ก็ช่วยให้เราเล่นเกมได้สมจริงยิ่งขึ้นด้วย ตรงนี้เราชอบเลยแหละ
จัดการความร้อนได้เหนือชั้นด้วย GameCool 7
เท่าที่เราได้ลองเล่นเกมแบบจริงจังไป ไม่มีเกมไหนเลยที่เราบ่นว่าตัวเครื่องร้อนหลังจากเล่นไปหนัก ๆ เลย เพราะรอบนี้ ROG Phone 7 เขาอัปเกรดระบบระบายความร้อนใหม่เป็น GameCool 7 อีก มีการออกแบบ CPU อยู่ตรงกลางพร้อมแบตเตอรี่ที่แยกออกเป็น 2 ส่วนทำให้กระจายความร้อนมายัง Vapor Champer เพื่อส่งต่อความร้อนออกไปยังแผ่นแกรไฟต์ที่ออกแบบมาใหม่ ทำให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนนั้นดีขึ้นอีก 10% และด้วยขุมพลัง Snapdragon 8 Gen 2 ที่ขึ้นชื่อเรื่องการจัดการพลังงานด้วยแล้ว ยิ่งทำให้มั่นใจในเรื่องความเย็นกว่าเดิมสมกับสโลแกน “แรงกว่า…เย็นกว่า” จริง ๆ ครับ
แบตเตอรี่ 6000mAh เล่นได้เต็มที่ไม่ต้องห่วง
ในเรื่องแบตเตอรี่ ROG Phone 7 ก็ยังได้ความจุแบตฯที่มากถึง 6000mAh มาเหมือนเดิม สบายใจได้สำหรับสายเกมที่ต้องการเล่นเกมแบบต่อเนื่องหลาย ๆ แมทช์ เพราะด้วยความจุระดับนี้เราสามารถเล่นได้ต่อเนื่องหลายชม.โดยไม่ต้องมากังวลว่าแบตฯจะหมดง่าย ๆ อีกต่อไปครับ
ชาร์จไว 65W ROG Hyper Charge
ส่วนระบบชาร์จก็ได้ชาร์จไว 65W ROG HyperCharge มาให้ด้วย ASUS เคลมว่าชาร์จเต็ม 100% ในแค่ 42 นาที ถือว่ารวดเร็วมากสำหรับเกมมิ่งโฟนที่มีแบตฯความจุเยอะถึง 6000mAh แบบนี้ครับ เล่นแบบเต็มที่พอแบตฯใกล้หมดจริง ๆ ก็มาเสียบชาร์จแป๊บเดียวก็เล่นต่อได้อีกเยอะเลย
สรุปแล้วในเรื่องประสิทธิภาพต้องยอมรับว่า ROG Phone 7 นั้นครบเครื่องจริง ๆ จัดเต็มที่สุดเท่าที่เราจะหาได้จากเกมมิ่งโฟน ณ เวลานี้แล้ว ทั้งชิปเซ็ตระดับสูงสุด Snapdragon 8 Gen 2 หน้าจอ AMOLED 165Hz ที่แสดงผลไม่เป็นรองใคร พร้อมความจุสูงถึง 16GB + 512GB แบบใหม่ (LPDDR5X + UFS 4.0) เรียกว่าเพียงพอต่อการเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลมาก ๆ อีกทั้งยังมีระบบระบายความร้อนแบบใหม่ GameCool 7 ที่ช่วยให้เล่นเกมต่อเนื่องได้เป็นเวลานานแต่ก็ไม่ทำให้เครื่องร้อนจนเกมกระตุก หรือจะเป็นฟีเจอร์เสริมอย่าง AirTrigger กับ Motion Control ที่เสริมให้เราเล่นเกมได้สนุกขึ้น แปลกใหม่กว่าเดิม เรียกว่าผ่านการคิดมาแล้วจนถึงตอนนี้ว่านี่เครื่องเครื่องเกมพกพาระดับสุดยอดจริง ๆ ครับ
ซอฟต์แวร์ Android 13 พร้อม ROG UI
มาเข้าเรื่องซอฟต์แวร์ ROG Phone 7 ได้ระบบปฏิบัติการ Android 13 ที่ครอบทับด้วย ROG UI มีการปรับแต่งที่เพียเล็กน้อย ได้ทั้งความเป็นตัวของตัวเอง แต่ก็มีประสบการณ์ที่ลื่นไหลไม่ต่างจาก Pure Android อีกด้วย
ในส่วนของการปรับแต่ง ROG Phone 7 ก็มีฟีเจอร์ Theme ที่ให้เราเลือก Wallpaper พิเศษจากเกมฮิตมากมาย รวมถึง Theme ที่เราสามารถดาวน์โหลดเพิ่มมาเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายในเครื่องให้เป็นเฉพาะของตัวเครื่องได้ด้วยครับ
กล้องหลัง 3 ตัว 50MP
ปิดท้ายที่เรื่องกล้อง จุดนี้อาจจะไม่ได้มีการอัปเกรดขึ้นมาจากรุ่นก่อนมากนัก แต่ด้วยฮาร์ดแวร์ชุดเดิมก็ดีมากอยู่แล้ว ROG Phone 7 มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัวที่ความสามารถครบมาด้วยมีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้ครับ
- กล้องหลัก 50MP เซ็นเซอร์ Sony IMX766 f/1.9
- กล้อง Ultra Wide 13MP f/2.2
- กล้อง Macro 5MP f/2.0
อย่างที่เห็นกล้องหลักของ ROG Phone 7 ยังใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX766 ตัวเดิม แต่แน่นอนเซ็นเซอร์ตัวนี้ขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพที่ไว้ใจได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นพอได้ ISP ตัวใหม่จาก Snapdragon 8 Gen 2 ก็ยิ่งปรับจูนให้ไฟล์ภาพที่ได้ดีขึ้นไปอีก แถมความดีงามของกล้องเสริมอีก 2 ตัวก็ให้มาครบ จะถ่ายมุมกว้างก็ได้หรือจะถ่ายใกล้ ๆ ก็ดีอีกเหมือนกัน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ ROG Phone 7
นอกจากภาพนิ่งจะทำได้ยอดเยี่ยมแล้ว ในเรื่องของวิดีโอ ROG Phone 7 สามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดถึง 8K 24fps กันเลยทีเดียวครับ เห็นไหมล่ะครับ…แม้ฮาร์ดแวร์จะเป็นชุดเดิม แต่ก็ยังเป็นชุดเดิมที่อลังการอยู่แล้วล่ะเนาะ
ราคา ROG Phone 7 Series
สรุปราคา ROG Phone 7 มีให้เลือก 2 รุ่นให้เลือกคือ ROG Phone 7 (รุ่นที่รีวิว), ROG Phone 7 Ultimate จะมีความจุและราคาต่างกันดังนี้
- ROG Phone 7 ความจุ 16GB + 512GB สี Phantom Black และ Storm White ราคา 34,990 บาท
- ROG Phone 7 Ultimate ความจุ 16GB + 512GB สี Storm White ราคา 42,990 บาท
มี Early Bird Promotion พิเศษ! เมื่อซื้อ ROG Phone 7 รุ่นใดก็ได้ ระหว่างวันที่ 28 มิ.ย. – 18 ก.ค. 66
รับฟรีชุดหูฟังเกมมิ่งไร้สาย ROG Strix Go 2.4 มูลค่า 3,390 บาท ลงทะเบียนรับของแถมได้ที่: https://th.rog.gg/t2ve0Q
และราคาพิเศษเมื่อซื้อเครื่องพร้อมแพ็คเกจรายเดือนกับ AIS 5G
- ROG Phone 7 ราคาเริ่มต้นที่ 29,490.-*
- ROG Phone 7 Ultimate ราคาเริ่มต้นที่ 37,490.-*
ลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิมมา AIS รายเดือน ลดเพิ่มอีก 1,000 บาท!* *เงื่อนไขตามที่ AIS กำหนด
สรุปแล้ว “นี่คือสุดยอดเกมมิ่งโฟนที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง”
สรุปแล้ว ROG Phone 7 ก็ถือว่าเป็นเกมมิ่งโฟนที่จัดเต็มสำหรับปีนี้ ทั้งขุมพลัง Snapdragon 8 Gen 2 + RAM 16GB (LPDDR5X) + ความจุ 512GB (UFS 4.0) + แบตเตอรี่จุใจ 6000mAh + หน้าจอ AMOLED 165Hz เรียกว่าไม่มีกั๊กจัดที่สุดของสเปคมาให้เราจริง ๆ เท่าที่ใช้งานมาจริงต้องยอมรับว่าสเปคที่มอบให้เพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมให้ดีขึ้นจริง ๆ เกมฟอร์มยักษ์ใน Play Store ที่เราเล่นประจำ รันได้อย่างสบาย ๆ แถมมีลูกเล่นเสริมเข้ามาทั้ง AirTrigger, Motion Control แปลกใหม่และสนุกยิ่งขึ้น หรือจะเป็นระบบระบายความร้อนในรอบนี้ก็ปรับปรุงขึ้น แม้จะไม่พึ่งอุปกรณ์เสริมเราก็ยังรู้สึกว่าเล่นได้ต่อเนื่องแบบไม่ร้อนมือจนเกินไป ต้องยอมรับเลยว่านี่แหละคือ เกมมิ่งโฟนที่เหล่าเกมเมอร์ไม่ควรพลาดในปีนี้!