Featured
รีวิว OPPO Reno12 5G สมาร์ตโฟนที่ก้าวไปอีกขั้นด้วย OPPO AI อัปเกรดใหม่ เครื่องแรกและดีที่สุดสำหรับคนรุ่นใหม่ในราคาหมื่นต้น
รีวิว OPPO Reno12 5G สมาร์ตโฟนพลัง AI ที่ให้เราได้ก้าวไปอีกขั้นด้วย OPPO AI อย่าง GenAI จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ พร้อมเป็นผู้ช่วยในชีวิตประจำวันที่ขาดไม่ได้แน่นอน ตั้งแต่การถ่ายคนอย่างโปร AI Portrait ขั้นสูงขั้นอัปเกรด พร้อมด้วยฟังชันที่อัดแน่น ไม่ว่าจะเป็นยางลบ AI 2.0, AI Best Face, AI Studio, AI LinkBoost และอื่นๆ ที่ใช้พลังของ AI เสริมแกร่งในเครื่องนี้เครื่องเดียว โดยทั้งหมดนี้จะมีอะไรบ้าง เราไปชมกันเลยครับ !
ขอบอกอีกนิด… ใครที่มองหาหูฟังไร้สายแบบ True Wirless ที่มาคู่กับ OPPO Reno12 5G เราก็ยังมีรีวิว OPPO Enco Air4 Pro ในช่วงท้ายมาให้ตามกันด้วยนะ
สรุปสเปค OPPO Reno12 5G
- ขนาดรอบตัวเครื่อง : 161.4 x 74.1 x 7.6 มม.
- น้ำหนัก : 177 กรัม
- หน้าจอแสดงผลโค้ง 120Hz 3D Curved Screen ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2412 x 1080 พิกเซล), 394PPI อัตราส่วน 20:9 รองรับ Dynamic Refresh Rate 60/90/120Hz, 2160Hz PWM Dimming ความสว่างสูงสุด 1200 นิต, แสดงผลสี 1.07 พันล้านสี และสัดส่วนพื้นที่หน้าจอ 93% และครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 7i
- หน่วยประมวลผล : MediaTek Dimensity 7300-Energy For Reno Octa-core ความเร็วสูงสุด 2.5GHz
- GPU : ARM Mail-G615
- RAM : 12GB LPDDR5X
- ROM : 256/512GB UFS 3.1 เพิ่ม MicroSD ได้สูงสุด 1TB
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์ ดังนี้
- เลนส์หลักความละเอียด 50MP รูรับแสง f/1.8, รองรับกันสั่น OIS เซ็นเซอร์ Sony LYT600 ขนาด 1/1.95″
- เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 8MP รูรับแสง f/2.2 มุมกว้าง 112 องศา
- เลนส์ Macro ความละเอียด 2MP เซ็นเซอร์ OV02B10
- กล้องหน้าความละเอียด 32MP รูรับแสง f/2.4 เซ็นเซอร์ GC32E
- ระบบปฏิบัติการ Android 14 ครอบทับด้วย ColorOS 14.1
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 (802.11ax), Bluetooth 5.4, NFC, 5G และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh รองรับ 80W SUPERVOOC
ดีไซน์เพรียวบางและทนทานแบบ Futuristic Design
เรื่องดีไซน์ยังคงไว้ใจ OPPO ได้อยู่เหมือนเดิมครับ รอบนี้ใน OPPO Reno12 5G ได้ใช้ดีไซน์แบบ Futuristic Design ที่เป็นความก้าวหน้าของ OPPO ในการผลิตกระจกและวิศวกรรมโครงสร้าง เพื่อให้รุ่นนี้กลายเป็นรุ่นที่โฉบเฉี่ยวและทนทานที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยความสวยงามของฝาหลังรอบนี้ในสีเงิน (Astro Silver) ที่เราได้มาจะเป็นรูปแบบของพื้นผิวริ้วคลื่นใหม่ สร้างเอฟเฟกต์ภาพ 3 มิติแต่แท้จริงจะเป็นพื้นผิวเรียบเหมือนกระจก
มาพูดถึงสีเงิน (Astro Silver) กันต่ออีกอีกนิดครับ โดยสีนี้ได้แรงบันดาลใจจากยานอวกาศ ที่มีการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างจินตนาการไซไฟและแฟชั่นล้ำสมัย ซึ่งริ้วคลื่นที่เราเห็นยังเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ OPPO ที่ใช้เอฟเฟกต์พารัลแลกซ์เพื่อสร้างระลอกคลื่นที่มองเห็นได้บนพื้นผิวที่เรียบเนียนด้วย
OPPO Reno12 5G ยังได้โครงสร้างที่มีความทนทานด้วยกรอบโลหะผสมทนทานสูงจากเอกสิทธิ์ของ OPPO ช่วยให้มั่นใจได้ถึงความแข็งเหมือนโลหะและความทนทาน รวมถึงความบางตัวเครื่องเพียง 7.6 มม. และเบามากๆ เพียง 177 กรัมเท่านั้น ทำให้ทุกการจับถือจะถนัดและกระชับมือมากๆ
จัดเต็มด้วยมาตรฐานกันน้ำ IP65
OPPO Reno12 5G กันฝุ่นและน้ำด้วยมาตรฐาน IP65 ช่วยให้เราใช้งานในตอนที่ฝนตกหรือโดนน้ำกระเซ็นได้อย่างไม่ต้องกังวลครับ เพราะมีการซีลกันน้ำในส่วนประกอบที่สำคัญแล้ว ไม่ว่าจะเป็นช่องเปิดลำโพง พอร์ต USB-C และถาดซิมการ์ดครับ
หน้าจอโค้ง 120Hz 3D Curved Screen พร้อมขอบที่บางเฉียบ
OPPO Reno12 5G ให้หน้าจอแสดงผลระดับเรือธงมาด้วย ตั้งแต่การใช้พาเนล 3D Curved Screen แบบ AMOLED ขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว พร้อมความละเอียด FHD+ มีอัตราส่วน 20:9 รับชมวิดีโอต่างๆ ได้เต็มตาเต็มสัดส่วน ทั้งยังมีขอบหน้าจอที่บางเฉียบเพียง 1.56 มม. เท่านั้น ทำให้ไม่มีอะไรมารบกวนสายตาระหว่างรับชมเลย และช่วยให้มีสัดส่วนพื้นที่หน้าจอถึง 93% พร้อมกับสีสันของหน้าจอที่แสดงผลสีมากถึง 1.07 พันล้านสี
ความไหลลื่นของหน้าจอก็ยังจัดเต็ม โดย OPPO Reno12 5G ได้เพิ่มประสิทธิภาพการสัมผัสแบบหลายมิติเพื่อปรับปรุงความแม่นยำในการสัมผัสและลดโอกาสการกดผิดพลาดหรือจอลั่นที่บริเวณของหน้าจอนั่นเองครับ ที่สำคัญในรุ่นนี้ยังใช้กระจกที่แข็งแกร่งรุ่นใหม่อย่าง Corning Gorilla Glass 7i ที่ต้านทานเป็นพิเศษต่อการกระแทก การตก การโค้งงอ และรอยขีดข่วน
ส่วนความไหลลื่นก็รองรับ Dynamic Refresh Rate ที่ทำได้ตั้งแต่ 60/90/120Hz ตามการใช้งานในแต่ละแอพเลยครับ รวมถึงรองรับ 2160Hz PWM Dimming ที่ช่วยให้การสัมผัสหน้าจอตอบสนองได้แบบเรียลไทม์
Splash Touch แตะใช้งานได้แม้หน้าจอเปียก
OPPO Reno12 5G ยังรองรับฟีเจอร์ Splash Touch ที่เป็นฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดของรุ่นนี้ที่ช่วยให้เราแตะและปัดหน้าจอได้ตามปกติแม้ว่าจะมีหยดน้ำบนหน้าจอหรือบนนิ้วหลังอาบน้ำหรือหลังล้างมือก็ตาม
พาชมรอบเครื่อง
ดูด้านหน้าและด้านหลังกันครบแล้ว มาดูรอบเครื่องกันต่อเลยครับ โดยส่วนบนหน้าจอจะเป็นกล้องหน้า Punch Hole ตรงกลาง พร้อมด้วยลำโพงสำหรับการสนทนาและรองรับลำโพงคู่อีกด้วย
ด้านล่างตัวเครื่องมีช่องใส่ซิมการ์ด 2 ช่องแบบพลิกหน้า-หลัง แต่ช่องที่ 2 จะเป็น Hybrid ให้เลือกระหว่างซิมที่ 2 หรือ MicroSD Card สูงสุด 1TB ครับ ถัดไปจะเป็นไมโครโฟนตัวที่ 1 พอร์ต USB-C และลำโพงตัวที่ 1
ด้านบนจะมีเซ็นเซอร์อินฟราเรดมาให้ พร้อมด้วยไมโครโฟนตัวที่ 2 ในการตัดเสียงรบกวนครับ
ฝั่งขวาจะให้ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power ตามปกติ
ท้ายสุดที่ด้านหลังจะมีกล้อง 3 เลนส์ที่เรียงกันเป็นแนวตั้ง พร้อมไฟแฟลช LED ที่ให้มา 2 ดวงครับ
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
ระบบปฏิบัติการ Android 14 ครอบทับด้วย ColorOS 14.1
OPPO Reno12 5G แกะกล่องมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 14 ที่ครอบทับด้วย ColorOS 14.1 ที่มีการอัปเกรดในเรื่องของฟีเจอร์ GenAI เข้ามาใช้งานเพิ่มเติมเพียบ เรียกว่ารุ่นนี้กลายเป็น OPPO AI Phone ของจริงเลยทีเดียว
ลำโพงคู่พร้อมเพิ่มระดับเสียง Ultra Volume Mode สูงสุด 300%
มาเปิดกันด้วยสายความบันเทิงที่รุ่นนี้ให้มาจัดเต็มตั้งแต่ลำโพงสเตอริโอคู่ที่ให้เสียงมีชีวิตชีวาและกระหึ่ม เสียงมีมิติ ที่สำคัญยังรองรับโหมด Ultra Volume Mode ที่ให้เราเพิ่มระดับเสียงได้ถึง 300% ซึ่งเหมาะมากๆ ในตอนที่อยู่ในสถานที่ที่มีเสียงดังรอบตัว
รวมฟังก์ชัน GenAI
GenAI นั้นเป็นชื่อเรียกฟีเจอร์ AI ต่างๆ ของ OPPO ซึ่งในรุ่นนี้ก็จัดเต็มมาให้และใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น AI LinkBoost, BeaconLink, AI Clear Voice, AI Toolbox ที่แบ่งได้ทั้ง AI Speak, AI Summary, AI Writer และ AI Recording Summary โดยแต่ละฟีเจอร์คืออะไร ใช้งานยังไง ตามมากันต่อเลย
AI LinkBoost และ BeaconLink พร้อมเชื่อมต่อตลอดเวลา เสถียร และปราศจากความล่าช้า
สำหรับฟีเจอร์ AI LinkBoost จะเป็นเรื่องของซอฟต์แวร์ใน OPPO Reno12 5G ที่เราไม่จำเป็นต้องเปิดใช้งานอะไรครับ เพราะภายในระบบมีการทำงานอยู่ตลอดเวลา ด้วยโซลูชันเสาอากาศเซอร์ราวด์ 360 องศาที่ประกอบด้วยเสาอากาศ 9 เสา ซึ่งในเวอร์ชันใหม่นี้จะช่วยเรื่องการเชื่อมต่อในเครือข่ายที่ไม่ว่างหรือในพื้นที่ที่มีความครอบคลุมของสัญญาณอ่อนให้มีการจับสัญญาณเครือข่ายที่เร็วและเพิ่มประสิทธิภาพการเลือกเครือข่ายโดยใช้โมเดล AI ระดับระบบ เช่น ในรถไฟฟ้าใต้ดินที่สัญญาณเข้าไม่ถึง หรือจะเป็นในลิฟต์ที่สัญญาณขาดหายไป แต่เมื่อลิฟต์เปิดเราก็จะได้รับสัญญาณที่พร้อมใช้งานต่อทันที ซึ่งในฟีเจอร์นี้ OPPO ได้ทำการทดสอบเรียบร้อยแล้วผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายในไทย ทั้ง AIS, True และ DTAC ครับ
ทั้งนี้ OPPO Reno12 5G ยังเป็นสมาร์ตโฟนตระกูลแรกที่ได้รับใบรับรอง High Network Performance จาก TÜV Rheinland ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงประสบการณ์เครือข่ายในทุกสถานการณ์ที่ทดสอบ ดังนี้
- ความเร็วในการส่งข้อมูลเร็วขึ้นในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านและมีเครือข่ายไม่ว่าง
- การกู้คืนสัญญาณเร็วขึ้นเมื่อออกจากพื้นที่ที่มีสัญญาณอ่อน เช่น ลิฟต์และชั้นใต้ดิน เป็นต้น
- ลดความล่าช้าของเครือข่ายได้อย่างมากเมื่อใช้แอปที่มีข้อมูลจำนวนมากพร้อมกัน
- สลับระหว่างเครือข่ายมือถือและเครือข่าย Wi-Fi ได้เร็วขึ้น
- ลดการรบกวนของ Wi-Fi และ Bluetooth ให้เหลือน้อยที่สุด โดยเพิ่มความเร็ว Wi-Fi เป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับโทรศัพท์คู่แข่งเมื่อเชื่อมต่อทั้ง Wi-Fi และ Bluetooth
- การระบุตำแหน่งที่แม่นยำยิ่งขึ้นเมื่อใช้ Google Maps ในเขตเมืองที่มีผู้คนหนาแน่น
ส่วนฟีเจอร์ BeaconLink ยังมีการเพิ่มเติมเข้ามาใช้งานในรุ่นนี้เช่นกัน ซึ่งเป็นการโทรด้วยเสียงผ่านบลูทูธ ไม่ต้องใช้สัญญาณเครือข่ายมือถือครับ ซึ่งฟีเจอร์ยนี้จะเป็นการใช้โปรโตคอลการสื่อสารที่พัฒนาขึ้นเอง ซึ่งสามารถโทรผ่านบลูทูธในระยะทางไกลสุดถึง 200 เมตร แต่สมาร์ตโฟนที่เราใช้โทรหากันต้องเป็น OPPO เหมือนกันครับ
ปรับเสียงคุยให้ชัดเจนมากขึ้นด้วย AI Clear Voice
ปกติแล้วเวลาที่คุยโทรศัพท์ในที่แออัดหรือนอกอาคารก็จะได้ยินเสียงรบกวนของคนอื่นหรือเสียงลมที่ส่งไปยังผู้รับ แต่ AI Clear Voice จะกรองเสียงรบกวนรอบข้างออกเพื่อช่วยให้เราคุยโทรศัพท์ได้อย่างชัดเจนมากขึ้นด้วยการตรวจจับเสียงพูดของเรา
AI Toolbox เพิ่มความฉลาดใช้งานแทนคนได้เลย
AI Toolbox เป็นฟังก์ชันของ AI ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Google Gemini ซึ่งฟังก์ชันนี้จะอยู่ในแถบด้านข้างที่ตรวจจับได้เลยว่าเรากำลังใช้งานอะไรบนสมาร์ตโฟนและจะแสดงขึ้นมาให้กดใช้งานเลย ซึ่งจะมี 3 ฟีเจอร์ให้ใช้ ดังนี้
- AI Writer (นักเขียน AI) : สำหรับฟีเจอร์นี้จะแสดงขึ้นมาในแถบด้านข้างเมื่อระบบตรวจจับได้ว่าเรากำลังใช้งานแอพโซเชียลที่กำลังจะโพสต์หรือเขียนแคปชันต่างๆ ซึ่งหากเราคิดแคปชันไม่ออก AI Writer จะให้เราใส่ข้อมูลเบื้องต้นที่ต้องการจะโพสต์ จากนั้น AI Writer ก็จะเขียนแคปชันให้เราคัดลอกได้เลยทันที แต่ตอนนี้ยังคงรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษก่อนครับ
- AI Speak ฟังก์ชันนี้จะเป็นการอ่านบทความบนเว็บเบราว์เซอร์ให้เราเลยทันที เหมาะมากๆ ในเวลาที่เรากำลังทำงานบางอย่างแล้วละสายตาจากสิ่งที่กำลังทำไม่ได้ แต่ต้องการรู้เนื้อหาที่อยู่บนบทความนั้นๆ ซึ่งเราสามารถเลือกเสียงของผู้หญิงหรือผู้ชายได้ตามต้องการอีกด้วยนะ
- AI Summary (การสรุปข้อมูลด้วย AI) : ฟังก์ชันนี้จะขึ้นมาให้เราเข้าใจสาระสำคัญของเรื่องราวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่ง AI จะมีการสรุปออกมาเป็นข้อๆ ให้เราทราบทันทีครับ
AI Recording Summary สรุปเนื้อหาจากเสียงที่บันทึก
ในการประชุมงานที่เราอัดเสียงเอาไว้ ซึ่งบางครั้งอาจจะยาวหลายนาที เราก็สามารถใช้ AI Recording Summary บน OPPO Reno12 5G ในการสรุปเนื้อหาผ่านการบันทึกเสียงเอาไว้ได้เลย และเมื่อสรุปเรียบร้อยแล้วก็จะเข้าไปอยู่ในแอพ Notes (บันทึกย่อ) เพื่อให้เราพิมพ์หรือแก้ไขบางจุดต่อได้ ทั้งนี้ ฟีเจอร์ AI Recording Summary มีความฉลาดมากๆ จากการใช้งานบนเทคโนโลยี Gemini Ultra ของ Google ที่ปัจจุบันรองรับการแปลงคำพูดเป็นข้อความในภาษาจีน อังกฤษ และฮินดี ที่มีความยาวสูงสุด 45,000 อักขระ ซึ่งจะมีการรองรับภาษาเพิ่มเติมในอนาคตแน่นอนครับ
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 7300-Energy For Reno ใช้งานไหลลื่น
OPPO Reno12 5G ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง MediaTek Dimensity 7300-Energy For Reno Octa-core ที่มีความเร็ว Clock สูงสุด 2.5GHz ซึ่งชิปนี้มาในขนาดเล็กเพียง 4nm เท่านั้น ทำให้ประหยัดพลังงานได้ดีและประสิทธิภาพก็ยังสูงอีกด้วย โดยเราจะเห็นว่าชื่อของชิปนี้มีคำต่อท้ายว่า “For Reno” ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อ OPPO Reno โดยเฉพาะ อย่างที่ทราบกันว่า MediaTek และ OPPO ได้จับมือกันเพื่อใช้ร่วมกับ Trinity Engine ของ ColorOS ที่เป็นระบบ Engine 3 ตัวที่แยกจากกันซึ่งได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ ทำให้เราได้ความไหลลื่นและการใช้งานภายในระบบ RAM หน่วยความจำ และหน่วยประมวลผลต่างก็ทำได้ราบรื่นยาวนานด้วย
RAM Expansion เพิ่ม RAM ได้สูงสุด 24GB
OPPO Reno12 5G มาพร้อมกับ RAM 12GB ที่ใช้งานได้ลื่นไหลกันอยู่แล้ว และยังรองรับฟีเจอร์ RAM Expansion ที่เพิ่ม RAM เสมือนได้สูงสุดอีก 12GB ทำให้มี RAM ได้สูงสุดถึง 24GB ช่วยให้เปิดแอพต่างๆ ได้มากขึ้น รวมถึงการทำงานในพื้นหลังก็ยังคงอยู่ ไม่ถูกปิดเองอัตโนมัติ
ผลการทดสอบบน AnTuTu 10 และ Geekbench 6
- ผลคะแนนการทดสอบด้านประสิทธิภาพด้าน CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu 10.2.4 ทำได้ถึง 704,886 คะแนน
- ผลคะแนนด้าน CPU บน Geekbench 6 ทำ Single-Core ทำได้ 1,049 คะแนน และ Multi-Core ทำได้ 2,955 คะแนน
ทดสอบการเล่นเกม
ใน OPPO Reno12 5G เราได้ทดสอบ 2 เกมหลักๆ คือ ROV และ PUBG Mobile ซึ่งทั้ง 2 เกมก็สามารถเปิดกราฟิกได้ในระดับสูงสุดทั้งหมด รวมถึงเฟรมเรทในระดับ 60fps ที่เล่นได้ไหลลื่น ทัชหน้าจอได้ติดนิ้ว ตอบสนองได้เรียลไทม์ รวมถึงยังได้ประโยชน์จากลำโพงคู่อีกด้วย
แบตขนาดใหญ่ 5,000mAh มากสุดใน OPPO Reno Series พร้อมชาร์จไว 80W SUPERVOOC
OPPO Reno12 5G ได้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh ซึ่งเป็นความจุสูงสุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ตโฟน OPPO Reno Series ช่วยให้ใช้งานยาวนานมากขึ้นกว่าเดิม แถมยังอัปเกรดการชาร์จให้เร็วขึ้นกว่าเดิมเป็น 80W SUPERVOOC ที่สามารถชาร์จได้ตั้งแต่ 1% – 48% ในเวลาเพียง 18 นาที หรือหากชาร์จตั้งแต่ 1% – 100% ก็ใช้เวลาเพียง 47 นาทีเท่านั้น
จัดเต็มด้วยกล้อง AI Portrait Expert พร้อมฟังก์ชัน AI ครบในเครื่องเดียว
OPPO Reno12 5G ยังคงใช้ OPPO AI ในการเป็นกล้อง AI Portrait Expert เพื่อใช้ในการถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่ฉลาดและปรับแต่งได้สวยงาม เป็นธรรมชาติมากขึ้น และให้เราจบหลังกล้องได้เลยโดยไม่ต้องมาปรับแต่งอะไรเพิ่มแล้ว ที่สำคัญก็ยังมาพร้อมฟีเจอร์ GenAI ที่ยังเปลี่ยนภาพถ่ายของเพื่อนๆ หรือของเราเองเป็นสติกเกอร์ รวมถึงการลบวัตถุหรือบุคคลที่ไม่ต้องการออกไปได้อย่างง่ายๆ เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น ทั้งนี้ สเปคกล้องทั้งหมดเราสรุปไว้ให้อีกรอบ ตามนี้เลยครับ
- เลนส์หลัก 50MP รูรับแสง f/1.8, OIS เซ็นเซอร์ Sony LYT600
- เลนส์ Ultra-Wide 8MP มุมกว้าง 112 องศา
- เลนส์ Macro 2MP
- กล้องหน้า 32MP
Portrait Expert Engine ภาพบุคคลคุณภาพสูง สวยงาม และเป็นธรรมชาติ
มาดูกันที่ตัวชูโรงของกล้องใน OPPO Reno12 5G กันก่อนเลยครับ โดยจะเป็นเทคโนโลยี Portrait Expert Engine ที่ใช้งานในรุ่นนี้ ซึ่งหลักๆ จะเป็นระบบ Ultra-Clear Portrait System ที่รองรับทั้งระยะ 1x (26mm) และ 2x (52mm) ที่เป็นเทคโนโลยีการซูมในเซ็นเซอร์ Sony LYT-600 ความละเอียดสูงถึง 50MP เพื่อให้เราได้ภาพการซูมที่ไม่เสียรายละเอียด ทั้งยังได้ระยะที่เหมาะกับการถ่ายภาพบุคคลแบบมืออาชีพอีกด้วย โดยนอกจากระรองรับโหมด 2x แล้ว ก็ยังมี Natural Tone ที่ปรับแต่งโทนสีผิวอย่างชาญฉลาด ที่จะตรวจจับภาพ แสงโดยรอบ และโทนสีผิวที่เป็นธรรมชาติสมจริงยิ่งขึ้น
AI Best Face ได้ภาพถ่ายที่สมบูรณ์แบบ
AI Best Face จะเป็นฟีเจอร์ที่เข้ามาช่วยให้เราได้ภาพที่สมบูรณ์แบบในการถ่ายภาพบุคคล ซึ่ง OPPO Reno12 5G จะแก้ไขใบหน้าที่ถ่ายผิดพลาดด้วย AI เช่น เมื่อเผลอหลับตาหรือกะพริบตาก็เปลี่ยนลืมตาได้เพื่อให้ภาพสมบูรณ์แบบ เป็นต้น โดยสามารถระบุการแสดงออกทางสีหน้าในภาพถ่ายแบบกลุ่มและแก้ไขผ่าน AIGC เพื่อให้ภาพถ่ายกลับมาสมบูรณ์แบบได้ครับ
*ฟีเจอร์ AI Best Face ยังอยู่ในช่วงของการทดลองใช้ โดยจะปล่อยให้ใช้กันอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้
ยางลบ AI 2.0 ลบสิ่งที่ไม่ต้องการได้ในไม่กี่วินาที !
ด้วย GenAI ของ OPPO หลังจากที่เราถ่ายภาพออกมาแล้ว ก็จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ยางลบ AI 2.0 ที่ให้เราลบบุคคลอื่น เสาไฟ ถังขยะ และสิ่งรบกวนอื่นๆ ออกไปได้เลย ซึ่งเราสามารถให้ AI เลือกบุคคลอัตโนมัติหรือจะวงออกเองก็ได้เช่นกัน พร้อมกับเติมเต็มส่วนที่หายไปของภาพได้อย่างเนียนตา ซึ่งเทคโนโลยีนี้เป็นการเรียบรู้ของ AI ที่ได้รับการฝึกฝนกับภาพกว่าพันล้านรูปโดยใช้ Diffusion Model และมีความแม่นยำในการจดจำสูงถึง 98% เลยทีเดียวครับ
AI Studio เปลี่ยนรูปถ่ายให้เป็นอวตารดิจิทัลหรือรูปโปรไฟล์ที่ไม่เหมือนใคร
บอกเลยว่าฟีเจอร์นี้น่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนจะได้เล่นกันทั้งวันแน่นอน โดย AI Studio จะเป็นแอพพลิเคชั่นที่ให้เราสามารถเปลี่ยนรูปถ่ายของเราให้เป็นอวตารดิจิทัลหรือรูปโปรไฟล์ได้เลย โดยในแอพนี้จะมีต้นแบบมาให้เพื่อให้เราเลือกภาพใบหน้าของเราไปทดแทนได้อย่างเนียนๆ เลยครับ เรียกว่าเราสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่อยากเป็นใน AI Studio ทั้งนี้เรายังสามารถแชร์ลิงก์ HTML5 เพื่อเชิญเพื่อนให้เข้าร่วมในภาพถ่าย AI แบบกลุ่มได้ด้วย
ตัวอย่างภาพจาก AI Studio
AI Smart Image Matting 2.0 เปลี่ยนภาพถ่ายเป็นสติกเกอร์ได้ทันที
นอกจากการใช้ภาพถ่ายในการเปลี่ยนเป็นอวตารใน AI Studio ได้แล้ว ก็ยังมี AI Smart Image Matting 2.0 ที่เพียงให้เราแตะค้างไว้ที่วัตถุหรือบุคคลในภาพที่ต้องการ ก็สามารถตัดออกมาเป็นภาพเดี่ยวได้เลยทันที ซึ่งเราสามารถทำให้ภาพนั้นๆ กลายเป็นสติกเกอร์เพื่อส่งให้เพื่อนๆ หรือใช้ในการตัดพื้นหลังออกได้เลยครับ
เซ็นเซอร์หลัก LYT-600 ถ่ายภาพได้สวยและเก็บแสงได้ดีมาก
ในโหมดปกติของ OPPO Reno12 5G มาพร้อมเซ็นเซอร์ Sony LYT-600 ที่รองรับเทคโนโลยี All Pixel Omni-Directional PDAF และ กันสั่น OIS ที่ช่วยให้ภาพไม่สั่นระหว่างการถ่าย และยังช่วยให้ภาพมีความคมชัดที่สูง พร้อมการโฟกัสที่รวดเร็ว ซึ่งผลลัพธ์ของภาพนั้นเก็บแสงเงาได้ยอดเยี่ยมาก รวมถึงการถ่ายย้อนแสงก็ทำได้สบายด้วย HDR ที่ปรับความสว่างให้เท่ากันทั้งภาพ และมีความสดของสี ใครที่ชอบภาพสีสันสดๆ ก็ไม่ต้องมาปรับเพิ่มแล้วครับ
Ultra-Wide มุมกว้าง 112 องศา
ในเลนส์มุมกว้างนั้นอยู่ที่ 112 องศา ซึ่งเป็นมมุมมองที่กำลังพอดี ไม่แคบเกินไปและไม่กว้างจนขอบภาพบิดเบี้ยวครับ แถมยังเก็บองค์ประกอบในภาพได้ครบถ้วนเหมือนเดิม ขณะที่สีสันของภาพอาจไม่ได้สดเท่าเลนส์หลัก แต่ก็ยังถ่ายได้สวยงาม เก็บแสงและเงาได้ดีพอตัวเลย
กล้องหน้าเซลฟี่ AI Portrait Retouching คมชัด 32MP
กล้องหน้าของ OPPO Reno12 5G มาพร้อมความคมชัดสูง 32MP เก็บรายละเอียดของภาพได้ดี พร้อมกับการปรับความสวยงามบนใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ และรองรับโหมด Portrait ที่ละลายฉากหลังเพื่อให้ใบหน้าของเราโดดเด่นมากขึ้น
สรุปการใช้งาน OPPO Reno12 5G
สรุปแล้ว OPPO Reno12 5G ได้ชื่อเป็น OPPO AI Phone อย่างแท้จริง ด้วยฟีเจอร์ GenAI ที่อัดแน่นเข้ามาให้เราได้ใช้งานกัน ซึ่งแต่ละฟีเจอร์ก็ใช้งานในชีวิตประจำวันได้จริงๆ ตั้งแต่ตัวช่วย AI Speak, AI Writer, ยางลบ AI 2.0, AI Smart Matting 2.0 หรือจะเป็น AI LinkBoost ที่เข้ามาช่วยในเรื่องการจับสัญญาณได้รวดเร็ว พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา
และนอกจาก GenAI แล้ว ดีไซน์สุดเทรนดี้สีเงิน (Astro Silver) ได้ความสวยงาม แตกต่าง และบางเบา พรีเมียมมากๆ ขณะที่กล้องหลัง 50MP ก็ใช้งานได้เต็มที่ จบหลังกล้องไม่ต้องปรับแต่งเพิ่มเติม โดยเฉพาะการถ่าย Portrait ที่ได้ Portrait Expert Engine เข้ามาช่วยเรื่องการปรับแต่งให้เป็นธรรมชาติและสวยงาม
ราคา OPPO Reno12 5G
OPPO Reno12 5G มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเงิน (Astro Silver), สีชมพู (Sunset Pink) และ สีน้ำตาล (Matte Brown) โดยรุ่น 12+256GB ราคา 14,999 บาท และรุ่น 12+512GB ราคา 16,999 บาท
และเมื่อซื้อระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม 2567 รับฟรี ! E-VIP Card ประกันจอแตกนาน 1 ปี และ OPPO AI Gift Box มูลค่ารวมกว่า 9,499 บาท
รีวิว OPPO Enco Air4 Pro
มาถึงช่วงรีวิว OPPO Enco Air4 Pro หูฟังไร้สายแบบ True Wireless Noise Cancelling Earbuds กันต่อเลย เป็นหูฟังที่มาพร้อมการตัดเสียงรบกวนที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน บอกเลยว่าเหมาะมากๆ ในการเป็นเพื่อนคู่ใจที่สมบูรณ์แบบของ OPPO Reno12 5G ด้วยการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและการใช้งานที่เข้ากันสุดๆ ครับ
สเปค OPPO Enco Air4 Pro
- น้ำหนัก (ตัวเคส) : 47.0 กรัม ± 0.2 กรัม
- น้ำหนัก (หูฟัง) : 4.4 กรัม ± 0.1 กรัม
- การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.4
- ระยะการเชื่อมต่อ : 10 เมตร
- กันน้ำ : IP55
- ไดรเวอร์เบส : 12.4 มม.
- การชาร์จ (เคส) : พอร์ต USB Type-C (5V ⎓ 1A)
- แบตเตอรี่ : 58mAh (หูฟัง) / 440mAh (เคสชาร์จ)
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- OPPO Enco Air4 Pro
- สาย USB-C
- จุกยางไซส์ S และ L
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ดีไซน์สวยงามได้รับแรงบันดาลใจจากความสง่างามของธรรมชาติ
หูฟัง OPPO Enco Air4 Pro ได้ดีไซน์ที่สวยงามที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสง่างามของธรรมชาติ โดยเราจะมีให้เลือกทั้งหมด 2 สี คือ สีขาว Moonlight White สวยงดงามแวววาวดุจไข่มุก และสีดำ Midnight Black คล้ายท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว
วัสดุที่ใช้ในตัวเคสยังเป็นผิวด้านที่ช่วยป้องกันรอยนิ้วมือหรือคราบมันต่างๆ ได้เป็นอย่างดี และขนาดก็ยังเล็ก กะทัดรัด สามารถพกพาไปได้ทุกที่
ได้รับแรงบันดาลใจจากความสง่างามของธรรมชาติ หูฟัง OPPO Enco Air4 Pro มีรูปทรงเพรียวบางเหมือนก้อนกรวดและสีสันที่เป็นธรรมชาติที่สื่อถึงแก่นแท้ของกลางวันและกลางคืน สัมผัสประสบการณ์ความสบายขั้นสุดยอดด้วยความเบาเป็นพิเศษและออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ ใส่สบายตลอดวัน
ตัวหูฟังที่ออกแบบมาเบาเป็นพิเศษ
ในตัวของหูฟังยังมาในรูปทรงเพรียวบางและเบามากๆ ซึ่งแต่ละข้างมีน้ำหนักเพียง 4.4 กรัมเท่านั้น ไม่รู้สึกหนักหรือเมื่อยหูแน่นอนเมื่อใช้งานไปนานๆ ซึ่งนอกจากความเบาแล้ว OPPO Enco Air4 Pro ยังออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อลดแรงกดบนช่องหูด้วย
และที่ก้านหูฟังยังรองรับการสัมผัสเพื่อควบคุมได้อย่างรวดเร็ว ดังนี้
- แตะ 1 ครั้ง : เล่น/หยุดชั่วคราว
- แตะ 2 ครั้ง :เพลงถัดไป/ถ่ายภาพ (การถ่ายภาพรองรับเพียงสมาร์ตโฟน OPPO ที่รันบน ColorOS 11.3 ขึ้นไปเท่านั้น)
- แตะ 3 ครั้ง : เล่นเพลงก่อนหน้า
- กดค้าง : สลับระหว่างโหมดโปร่งใส (Transparency) และโหมด ANC
กันน้ำระดับ IP55 พร้อมใช้งานจริงทุกสถานการณ์
OPPO Enco Air4 Pro ยังมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำ-ฝุ่นระดับ IP55 ซึ่งเป็นเพียงหูฟัง True Wireless เพียงไม่กี่รุ่นที่รองรับทั้งกันละอองน้ำและฝุ่นแบบครบถ้วนครับ ซึ่งการใช้งานจริงก็ป้องกันได้ทั้งตอนโดนเหงื่อระหว่างการออกกำลังกาย หรือจะเป็นตอนฝนตกก็ใช้งานต่อได้แบบไม่ต้องกังวลครับ
เชื่อมต่อง่ายแบบไร้รอยต่อด้วย Google Fast Pair
OPPO Enco Air4 Pro ยังรองรับการเชื่อมต่อที่รวดเร็วด้วย Google Fast Pair ที่เข้ากันได้กับสมาร์ตโฟน Android, iOS และ Windows ที่เมื่อเราเปิดเคสและวางไว้ใกล้ๆ สมาร์ตโฟนก็จะแสดง Pop-Up ขึ้นมาให้เรากดครั้งเดียวเพื่อเชื่อมต่อและใช้งานได้ทันที
ฟังเพลงได้สะใจด้วยไดรเวอร์ใหญ่พิเศษ
ใครที่ชอบฟังเพลง ในหูฟัง OPPO Enco Air4 Pro จัดเต็มด้วยไดรเวอร์ขนาดใหญ่ถึง 12.4 มม. เสียงเบสมีความนุ่มลึก กระหึ่มค่อนข้างสะใจเลยทีเดียว และเสียงร้องก็ออกไปทางคมชัดและเสียงใสครับ
ที่สำคัญ ก็ยังรองรับเสียงความละเอียดสูง Hi-Res Audio พร้อม LHDC 5.0 ที่เป็นมาตรฐานใหม่ในหูฟังไร้สายของช่วงราคาเดียวกัน ช่วยให้จัดการเสียงด้วยอัตราการสุ่มตัวอย่าง 96KHz/24 บิต และบิตเรตสูงสุดที่ 1Mbps เพื่อให้เราได้รับประสบการณ์เสียงระดับสตูดิโอที่มากขึ้นกว่าเดิม และแตกต่างจากหูฟังแบบปกติทั่วไป
OPPO Enco Air4 Pro ยังปรับแต่งประสบการณ์ตามความต้องการของเราด้วย Enco Master Equalizer ที่มีให้เลือกระหว่าง Clear Vocals, Bass Boost และ Original Sound
Smart Scene Noise Cancellation ตัดเสียงรบกวนได้อย่างยอดเยี่ยม
เมื่อฟังเพลงได้อย่างเต็มอิ่มแบบขั้นสูงแล้ว เรื่องการตัดเสียงรบกวนก็ยังทำได้ยอดเยี่ยมเหมือนกันเพื่อให้เราได้รับประสบการณ์การฟังแบบเต็มที่จริงๆ โดยมีการตัดเสียงรบกวนได้สูงสุด 49dB ซึ่งเรายังได้ยินเสียงเพลงชัดเจนแม้อยู่ในที่ชุมชนที่ผู้คนเยอะๆ ซึ่งจะมี Smart Scene Noise Cancellation ทั้ง 3 โหมด ได้แก่ สูงสุด ปานกลาง และเบา ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตรงหน้าที่เราต้องการใช้งานครับ
ทั้งนี้ การตัดเสียงรบกวนสูงถึง 4000Hz ทำให้มั่นใจได้ถึงประสบการณ์การฟังที่คมชัดในช่วงความถี่กลางและสูง แถมยังผ่านมาตรฐานจาก TÜV Rheinland ในการตัดเสียงรบกวนประสิทธิภาพสูงอีกด้วย
นอกจากจะตัดเสียงรบกวนเพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการฟังเพลงแล้ว ในระหว่างการพูดคุยโทรศัพท์ยังให้ปลายสายได้ยินเสียงของเราชัดเจนด้วย โดยจะเป็นการใช้ทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์เข้ามาอย่างอัจฉริยะผ่านไมโครโฟน 3 ตัว แบ่งเป็นไมโครโฟนคู่แบบ Beamforming Array ที่แยกเสียงของเราออกจากเสียงรบกวนรอบข้าง และไมโครโฟนดิจิตอลอีกตัวที่อยู่ภายในช่องหูจะช่วยเพิ่มความชัดเจนโดยลดเสียงรบกวนให้มากขึ้นกว่าเดิมครับ ซึ่งเราสามารถพูดคุยได้ชัดเจนแม้อยู่ในที่ลมแรงที่มีความเร็วลมสูงสุด 20 กม./ชม.
โหมด Transparency ฟังเสียงรอบข้างได้
เมื่อตัดเสียงภายนอกได้แล้ว เราก็ยังต้องการความปลอดภัยในสถานที่ชุมชนเหมือนกันครับ โดยจะเป็นโหมดโปร่งใส หรือ Transparency ที่ให้เรารับฟังเสียงภายนอกได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องถอดหูฟังออก
แบตเตอรี่อึด ใช้งานได้นานสุด 44 ชั่วโมง
ในการชาร์จ 1 ครั้งของ OPPO Enco Air4 Pro เราสามารถใช้งานได้นานสุดถึง 44 ชั่วโมงเมื่อใช้งานร่วมกันเคสชาร์จ แต่หากจะนับเป็นต่อครั้งก็ได้นานสูงสุดถึง 12 ชั่วโมง ซึ่งมากกว่ารุ่นเดิมอย่าง Enco Air3 Pro ถึง 70% ทั้งนี้ หากแบตเหลือน้อยก็ยังรองรับชาร์จเร็วที่ใส่เคสชาร์จเพียง 10 นาทีก็สามารถเล่นได้นานสูงสุดถึง 4 ชั่วโมง หรือหากเรากำลังชาร์จตัวเคสและหูฟังด้วยสายพร้อมกันเพียง 10 นาทีก็สามารถใช้งานได้ต่ออีกถึง 11 ชั่วโมงเมื่อใช้งานทั่วไปแบบไม่เปิด ANC ครับ
สรุปการใช้งาน OPPO Enco Air4 Pro
บอกเลยว่า OPPO Enco Air4 Pro เป็นหูฟังไร้สายแบบ True Wireless ที่ใช้งานได้คุ้มค่าและคุ้มราคามากจริงๆ ตั้งแต่ดีไซน์ที่สวยงามที่เหมือนเกิดมาเพื่อเป็นคู่หูของ OPPO Reno12 5G เลยทีเดียว ขณะที่การใช้งานด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่ถูกใส่เข้ามาก็ทำได้แบบขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นไดรเวอร์เบสใหญ่ 12.4 มม. รองรับโหมดตัดเสียงรบกวน พร้อมการเชื่อมต่อที่มีความหน่วงต่ำ และยังให้แบตเตอรี่ที่ให้เราพร้อมใช้ได้ทั้งวัน
ราคา OPPO Enco Air4 Pro
OPPO Enco Air4 Pro พร้อมวางจำหน่ายแล้วในราคาเพียง 2,999 บาท